เมื่อคุณย่าหกล้ม...

ความรู้สึกและผลกระทบหลังคุณย่าล้มกระดูกสะโพกหัก
 
สวัสดีค่ะ เราอยากมาแชร์ประสบการณ์และความรู้สึกจากเหตุการณ์ที่คุณย่าของเรา ล้มและทำให้กระดูกสะโพกหัก ในวัย 80 ปี ครั้งนี้เป็นการล้มรอบที่สองของคุณย่า ใจเราก็คิดว่าท่านคงไม่บาดเจ็บอะไรมาก เพราะครั้งแรกคุณย่าของเราล้มมีเพียงแผลถลอก ปวดเมื่อยตามตัวเท่านั้น แต่ครั้งนี้ต่างออกไปมาก จากที่คิดว่ารักษาที่โรงพยาบาลเดิมเป็นโรงพยาบาลเอกชน เพื่อความสะดวกแต่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อคุณหมอแจ้งว่า คุณย่าของเรากระดูกสะโพกหักด้วยสาเหตุการล้ม หลังการเอกซเรย์ ต้องผ่าตัดโดยด่วนและไม่รับประกันผลหลังการผ่าตัด 
 
เราคิดไปถึงเพื่อนเราที่คุณพ่อของเขากระดูกสะโพกหักติดเตียง ความกังวลถาโถมเข้ามา ที่บ้านเราจะทำยังไง คุณย่าจะช่วยเหลือตัวเองได้มากแค่ไหน แล้วถ้าหากผ่าตัดจะมีโอกาสเสี่ยงมากน้อยยังไง แล้วใครจะเป็นคนดูแลตอนเราไปทำงาน ตัวเราเองที่ต้องทำงานเข้าเช้าเลิกเย็น แทบจะไม่มีเวลาพอจะดูแลได้เลย แต่ความเครียดก็ยังไม่จบลง ด้วยเพราะยาและโรคประจำตัวที่มีอยู่ก่อนแล้ว ทั้งความดัน โรคแทรกซ้อน และยาละลายลิ่มเลือดที่คุณย่าทานประจำทำให้คุณย่าไม่สามารถผ่าตัดได้เลยในทันที ย่าต้องงดทานยาละลายลิ่มเลือดไปพักหนึ่ง
 
และกลายเป็นคนนอนติดเตียงอยู่หนึ่งเดือนที่โรงพยาบาลใหม่ ในห้องรวมเพราะค่าใช้จ่ายที่เราไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด เราทำได้แค่ให้ท่านนอนห้องรวม ขอเตียงที่อยู่ใกล้พยาบาลมากที่สุด เพราะด้วยอายุแล้วอยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลคงดีที่สุด ตลอดระยะหนึ่งเดือน เราพยายามทำหน้าที่หลานให้ดีที่สุด โดยที่เวลาทำงานของเรายังคงเท่าเดิม เข้างานช่วงเช้าและเลิกช่วงเย็น ในพื้นที่กรุงเทพ กับสภาพจาจรที่ติดขัดมาก… แต่ในความโชคไม่ดีเท่าไหร่ ก็ยังมีโอกาสดีอยู่บ้าง เพราะในช่วงเวลานั้น โรงเรียนอยู่ในช่วงปิดเทอม เรายังสามารถไปหาท่านได้ในเวลา เจ็ดโมงบ้าง เจ็ดโมงครึ่งบ้าง ไปป้อนอาหารเช้า พูดคุยและทักทายท่านได้ในทุกวัน ทางโรงพยาบาลให้เวลาเข้าเยี่ยมได้ถึงแค่แปดโมงเท่านั้น เลิกงานเราก็ยังคงทำเหมือนกันกับตอนเช้า ทุกวันเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม กับความเครียดในใจที่ไม่สามารถจะพูดออกมาได้ เพราะเราเองก็ไม่อยากให้คุณย่าเครียดไปมากกว่านี้ 
 
ในที่สุดคุณย่าก็ได้เข้ารับการผ่าตัด........
หลังจากผ่าตัดทุกอย่างราบรื่นเป็นไปด้วยดี ความรู้สึกเราที่คล้ายกับพายุที่สาดลงมาในใจตลอดระยะหนึ่งเดือนได้เบาลงบ้าง หลังจากผ่าตัดคุณย่าต้องทำกายภาพต่อเพราะยังไม่สามารถเดินเองได้ตามปกติ มีนักโภชนาการมาอธิบายให้เราฟังว่าต้องทำยังไงบ้าง คุณย่าของเราต้องกายภาพในท่านั่ง เพราะว่าท่านยังทรงตัวไม่ได้ หลังจากการนอนนานมาเป็นเดือน ส่งผลกระทบให้มีอาการปอดแฟบ ความเครียดที่เพิ่งจะเบาบางลงกับสาดพายุถาโถมเข้ามาหนักกว่าเดิม… แต่ทุกอย่างที่เล่ามายังไม่จบลง การเจ็บป่วยที่มาพร้อมกับการนอนเป็นเวลานาน กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และ แผลกดทับเพราะการนอน แต่ทุกอย่างก็เหมือนกำลังจะดีขึ้น คุณย่าของเราเริ่มขยับตัวนั่งได้แล้ว คุณหมอแจ้งกับเราว่าในความจริงแล้วการล้มที่ให้เกิดกระดูกสะโพกหัก หากได้รับการผ่าตัดเร็วภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมง จะทำให้ร่างการฟื้นตัวเร็วมาก แต่ด้วยโรคแทรกซ่อนของคุณย่า เลยทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้ในเวลา24 ถึง 48 ชั่วโมงหลังหกล้ม
 
การกลับมาอยู่บ้าน… พ่อเราต้องทำห้องน้ำเพิ่มจากเดิมในชั้นล่าง เพื่อให้ใกล้ห้องนอนของคุณย่ามากที่สุด ให้ท่านเดินน้อยที่สุด หรือเข็นพาท่านไป พ่อเราใช้เก้าอี้ปัสสาวะสำหรับผู้สูงอายุตัดขาออกและต่อล้อเพื่อให้เข็นแบบรถเข็นได้ ต่อจากนั้น เราซื้อเตียงลม โถปัสสาวะ แต่คุณย่าก็ยังขับถ่ายไม่ออก เราต้องเปลี่ยนเป็นแพมเพิสให้ท่านแทน เพราะด้วยการผ่าตัดทำให้คุณย่าของเรายังขยับตัวลุกเดินเองไม่ได้ ทำได้แค่นั่งเท่านั้น เราต้องขยับตัวท่านทุกสามชั่วโมงเพื่อลดการเป็นแผลกดทับ และด้วยค่าใช้จ่ายที่ผ่านมา เราทำได้แค่จ้างญาติมาช่วยดูแลเบื้องต้นเท่านั้น เขาทำหน้าที่ได้แค่ช่วงเช้าถึงเย็นเท่านั้น ตกกลางคืนเราต้องตื่นทุกสามชั่วโมง เพื่อมาขยับตัวให้ท่าน มันเหนื่อยและกังวล เครียดทั้งอาการที่ยังไม่ดีขึ้น ค่ารักษา และการทำงาน 
การเข้าห้องน้ำหรือแม้แต่ขยับตัวต้องใช้คนถึงสองคนช่วยขยับ ช่วยดึง สุดท้ายญาติที่มาช่วยดูแลเขาก็ทำต่อไม่ไหว เพราะอาการปวดหลังที่เขาเป็นอยู่ก่อนแล้ว สุดท้ายเราต้องจ้างเด็กมาดูแลผู้ป่วย เพราะเราเองก็เริ่มเหนื่อยและร่างกายเริ่มไม่ไหว แต่ในช่วงเวลานั้น เรายังคงต้องจ้างนักกายภาพมาสัปดาห์ละ สองถึงสามครั้ง ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เราซื้อทุกอย่างที่คนอื่นแนะนำให้ใช้ ผ้าดึงตัว สนับเข่า เพื่อแก้ปวดให้ท่าน 
 
พอค่าใช้จ่ายมากขึ้น การหาหมอตามนัดก็ทำได้น้อยลง เพราะทุกครั้งในการเดินทางเราต้องเรียกรถเพื่อมารับท่านไปส่ง ค่าใช้จ่ายต่อครั้งค่อนข้างมาก เพราะเราไม่สามารถจะพาท่านไปเองได้ บ้านของเราไม่อำนวยในการเคลื่อนย้ายเลย เพราะทางลงเป็นบันได ทำให้เราอุ้มท่านเองไม่ไหว เราไปโรงพยาบาลรัฐบาลแต่ละครั้งใช้เวลานาน ท่านน้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะ เราไปพบหมออยู่สองสามครั้ง หลังจากนั้นเราเปลี่ยนคนกายภาพไปสองสามคนแล้ว เรากลับไปทำงานมากขึ้นเพราะจ้างผู้ดูแล และกายภาพมาสม่ำเสมอ ทุกครั้งกายภาพคุณย่าของเราจะบ่นเสมอว่า เอาอีกแล้ว มาอีกแล้ว 
 
เวลาผ่านไป พอเรารู้ตัวอีกที คุณย่าของเรา…กลับมาเดินด้วยวอคเกอร์เองได้แล้ว โดยไม่ต้องมีคนช่วยจับ แม้ในระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา โควิดทำให้จ้างนักกายภาพมาไม่ได้แล้ว แต่คุณย่าของเรากลับมาเดินเองได้อย่างปกติแล้ว แต่เราก็ยังกังวลการหกล้มที่จะเกิดขึ้นอีก ตอนนี้คุณย่าของเรารักษาต่อจนดีขึ้นตามลำดับ และเราคิดว่าเราพลาดเองที่ไม่ได้ป้องกันการหกล้มตั้งแต่แรก 
เราอยากแชร์ประสบการณ์เหล่านี้เพื่อให้คนทั่วไปได้เข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ เกี่ยวกับการดูแลหลังจากล้มในผู้สูงอายุ หวังว่าการเล่าเรื่องของเราจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้… ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 2




ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน ขออนุญาต คัดลอก นำไปลงในบล็อกผมด้วยนะครับ

กระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ    https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=08-03-2008&group=6&gblog=8

กระดูกหักเมื่อไรจะหาย    https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=26-01-2008&group=6&gblog=4
การดูแล หลังผ่าตัดกระดูก    https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=09-01-2008&group=6&gblog=3
กระดูกพรุน กระดูกโปร่งบาง    https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=27-02-2008&group=5&gblog=55
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่