บรรลัยวิทยา: ขึ้นศาล

บรรลัยวิทยา: ขึ้นศาล

มีใครซักคนหนึ่งเคยบอกผมว่า 

ขาข้างหนึ่งของ วิศวกรวิเคราะห์ความเสียหาย ก้าวไปอยู่ในศาล
การได้เข้าไปขึ้นให้การศาล ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ แล้วไม่ได้กลับออกมา ด้วยสถานะจำเลย นั้นคือดัชนีชี้วัดความสำเร็จตัวหนึ่ง

เพราะด้วยงานที่เราทำ มักจะต้องอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การทำงานของเราจึงเลือกที่จะไม่เข้าข้างมนุษย์ แต่เลือกอยู่ข้างโลหะที่เกิดความเสียหาย
เพราะเขาไม่เคยหลอกเรา แม้จะมีบางครั้งที่เราอาจจะไม่เข้าใจเขาบ้าง ด้วยความไม่รู้ (โง่) ของตัวเอง
แต่หากเราพยายามศึกษาให้ดีพอเราก็สามารถที่จะเข้าใจพฤติกรรมของเขาได้


ครั้งแรกที่ได้ขึ้นศาล 
ผมจำได้ว่าตื่นเต้นพอสมควร และอยากจะไปเรียนนิติต่ออีกซักใบ ออกมารับว่าความเกี่ยวกับความเสียหายของเครื่องจักรโดยเฉพาะรายได้ก็คงน่าจะดี
เพราะการอธิบายให้คนนอกวงการที่มีพื้นทางวิทยาศาสตร์ไม่มาก เป็นเรื่องที่เหนื่อยพอสมควร

อาจเป็นเพราะเมืองไทยเราเรียนนิติตั้งแต่ปริญญาตรีไม่ได้เรียนสาขาอื่นใดมาก่อน
การหาทนายที่มีความรู้ด้านโลหะวิทยายจึงเป็นไปได้ยากในประเทศไทย

 ในขณะที่บางประเทศอย่างอเมริกา คุณจบปริญญาตรีสาขาไหนก็ได้แล้วค่อยมาเรียนนิติ
และสอบตั๋วทนายกันทีหลัง เขาจึงมีทนายที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

ดังนั้นก่อนขึ้นศาล ทำให้ผมแทบจะต้องจับมือทนายเขียนสคริปและจับประเด็นให้ได้ว่า จะถามอะไร ? 
อะไรคือปัญหาที่ทำให้เครื่องจักรเสียหาย 

เมื่อถึงคราวขึ้นศาลและให้การอยู่หน้าบัลลังก็สนุกไม่แพ้กัน

เทคนิค และ แทคติก ทุกอย่างถูกนำมาใช้ เพื่อถล่มเรา แม้ว่า เราจะถูกกันไว้เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ

การทำลายน้ำหนัก อย่างเช่น คุณเป็นใคร ทำงานอะไร เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นได้เสมอ

การถามคำถามยาว ๆ พูดเร็ว ๆ และกดดันให้เราตอบ ก็ถูกนำมาใช้

รวมถึงการถามคำที่บังคับให้ตอบใช้หรือไม่ ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์แล้ว การเกิดปรากฏการณ์อะไรซักอย่างขึ้นมันก็ต้องมีเงื่อนไข 
การตอบแค่ว่าใช่หรือไม่ ไม่สามารถใช้อธิบายพฤติกรรมของวัสดุได้ทั้งหมด


อย่างเช่น การแตกหักของเครื่องจักรที่มีจุดเริ่มต้นรอยแตกหลายตำแหน่ง (Multi-Crack Origin) 
ไม่จำเป็นว่าต้องเกิดจากการรับแรงเกินพิกัดเสมอไป แต่หากมีข้อบกพร่องในเนื้อวัสดุก็ทำให้มีจุดเริ่มต้นรอยแตกหลายตำแหน่งแหน่งได้

ด้วยเหตุนี้การขึ้นศาลของนักวิเคราะห์ความเสียหายจึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่า 
เรามีจิตใจที่เข้มแข็งพอ มีสติ รับแรงกดดันได้ งานของเรามีเหตุมีผล และตอบคำถามได้อย่างมีตรรกะ 
ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งของการทำงาน

แม้การขึ้นศาลจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับบางคน และได้ค่าตอบแทนการเดินทางไม่มาก (500-1,000) 
แลกกับเวลาที่เสียไปทั้งวัน ไม่รวมการเตรียมตัวและเอกสาร

แต่หลังจากเลิกศาลและมีผู้เสียหายเดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มและขอบคุณ
มันก็ทำให้รู้ว่างานที่เราทำมันมีคุณค่า

#เหล็กไม่เอาถ่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่