CiRA CORE แพลตฟอร์ม AI ของไทยจากงานวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังได้ไปต่อสู่ระดับพาณิชย์

CiRE CORE พัฒนาโดย วิทยาลัยนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง และคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และมีบริษัทที่ร่วมทุนด้วยอยู่ 3 บริษัท ก็คือ บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด  บริษัท ซีพีเอฟ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยสตีลเคเบิล จำกัด (มหาชน)

ตัวแพลตฟอร์ม CiRA CORE สามารถเชื่อมต่อกับตัว hardware ต่างๆ ได้ และมีส่วนที่เป็น AI ที่เป็นการเรียนรู้แบบ deep learning ที่ผ่านมาก็มีการเอามาทำอะไรบ้างเหมือนกัน เช่น

หุ่นยนต์เติมน้ำมัน
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

แยกสายพันธุ์โควิดและตรวจตำแหน่งที่กลายพันธุ์


มีการเอาไปสอนในโรงเรียนและมีนักเรียนเอาไปทำโครงงาน
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

และได้นำเอาไปทดลองใช้จริงในภาคอุตสาหกรรม ด้วยโมเดลการขาย License ให้หลายแบรนด์ เช่น โตโยต้า เอสซีจี ฟอร์ด ในราคาที่ถูกกว่าแพลตฟอร์ม AI ของต่างชาติ

มาจนตอนนี้ก็มีบริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TKK CORPORATION) ให้ความสนใจในการนำเอา CiRA CORE ไปใช้ในเชิงพาณิชย์จึงจับมือกับ รศ.ดร.ศิริเดช ผู้คิดค้นแพลตฟอร์มนี้ ตั้ง บริษัท ซีร่า ออโตเมน แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด (CIRA AUTOMATION AND TECHNOLOGY CO., LTD.) ขึ้น



ทาง กัลยาณี คงสมจิตร ประธานกรรมการ บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด มองว่าถึงช่องทางในการต่อยอด แพลตฟอร์ม CiRA CORE ให้เป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ไม่ต้องไปซื้อ License แพลตฟอร์ม AI จากต่างประเทศ เพราะแพลตฟอร์ม AI “CiRA CORE” ก็มีประสิทธิภาพไม่น้อยหน้าเลย

โดย กัลยาณี ได้เปิดเผยถึงแนวคิดที่ทำให้เกิดความร่วมมือในการจัดตั้ง (CIRA AUTOMATION AND TECHNOLOGY CO., LTD.) ว่า
“ที่ผ่านมา ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ทำงานอยู่ใกล้ชิดกับลูกค้าซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมในไทยมานาน เพราะเราเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ของต่างชาติมากกว่า 10,000 แบรนด์ ที่เกี่ยวกับระบบออโตเมชันและหุ่นยนต์ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยแพลตฟอร์ม AI ในการทำงาน ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะต้องไปซื้อ License ของแพลตฟอร์มนี้จากแบรนด์ของประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แล้วก็แบรนด์ยุโรป”

“โดยตลอดเวลาร่วม 20 ปี ลูกค้าชาวไทยไม่เคยได้สัมผัสกับแพลตฟอร์ม AI ที่ผลิตโดยคนไทย เป็นแบรนด์ไทยเลย กอปรกับ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น เอง ก็เป็นบริษัทคนไทย ถือหุ้นโดยคนไทย เราจึงมีความตั้งใจที่อยากนำเสนอแพลตฟอร์ม AI ของคนไทย ที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้แพลตฟอร์มของต่างชาติให้โรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยได้ใช้ ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าของเราก็เป็นลูกค้า Corporate ระดับ International ที่บริหารงานโดยชาวต่างชาติในประเทศไทย”

“ทั้งนี้ สิ่งที่เห็นในแบรนด์ CiRA CORE คือ การมาตอบโจทย์ให้กับยุคสมัยนี้ที่ภาคอุตสาหกรรมต้องลดทั้งเรื่องของต้นทุน ลดค่าแรง และปรับเอานวัตกรรมเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตให้มากขึ้น และ CiRA CORE เป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพที่ทุกภาคอุตสาหกรรมยอมรับ”

“นอกจากภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แล้ว ทาง ทีเคเค ยังมองว่าแพลตฟอร์ม CiRA CORE สามารถช่วยให้ภาคธุรกิจที่เป็น SMEs ไปจนถึง สตาร์ทอัพ ได้เข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้ ด้วยราคาค่า License ที่เอื้อมถึง เพราะปัจจุบันสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ถ้าเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก มักจะไม่มีทุนสูงและไม่มีแรงงานเฉพาะทาง อยากปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรมจะติดขัดเรื่องเงินทุน”

“อย่างการจะปรับจากอุตสาหกรรม 3.0 ให้เป็น 4.0 นวัตกรรมหนึ่งที่ตอบโจทย์เลย คือ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ แต่ในบ้านเรา ยังมี SMEs น้อยราย ที่จะเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ ด้วยราคาที่แพง ส่วนในภาคอุตสาหกรรมที่ผ่านมา ก็มักจะพึ่งพาแพลตฟอร์ม AI ที่เป็นแบรนด์ต่างประเทศ ไม่มีแบรนด์ของคนไทยเลย ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือญี่ปุ่น ยิ่งตอนนี้มีมีแบรนด์จีนเข้ามาตีตลาดในราคาที่ถูกมากด้วย”

“ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เราจะหนีไม่พ้นที่จะต้องพึ่งพาแบรนด์ต่างชาติ โดยเฉพาะซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม ก็เป็น Know how ของต่างชาติทั้งหมด เมื่อระบบมีปัญหาก็ต้องรอบุคลากรของแบรนด์นั้นมาแก้ปัญหาให้  เท่ากับเรายืมจมูกเขาหายใจตลอดเวลา”

“แต่ถ้ากลับกัน วันนี้มีแพลตฟอร์ม CiRA CORE ซึ่งเป็นแบรนด์คนไทย เราสามารถเลือกหุ่นยนต์อะไรก็ได้ ผลิตโดยชาติใดก็ได้ แล้วใส่โปรแกรม CiRA CORE เข้าไป ด้วยวิธี Plug-in Controller ก็ทำให้หุ่นยนต์ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมได้”

“นอกจากนั้น การเขียนโปรแกรมเพื่อควบคุมระบบอัตโนมัติ หรือ หุ่นยนต์ ก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น เพราะ CiRA CORE เป็นเทคนิคที่เรียกว่า Drag and Drop Technique จึงใช้งานง่ายขึ้นมาก ต่อจากนี้ไป ถ้ากิจการใดต้องการใช้หุ่นยนต์ ก็อาจลงทุนแค่หุ่นยนต์จากประเทศจีน ที่มีประสิทธิภาพ แถมราคาถูก จากนั้นก็ใส่โปรแกรม CiRA CORE ลงไป หุ่นยนต์นั้นก็ทำงานได้อย่างที่เราต้องการแล้ว”

“แล้วที่ผ่านมาทาง ทีเคเค ดำเนินธุรกิจตามปรัชญาว่าเราจะเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดให้กับลูกค้า ไม่ใช่สิ่งที่แพงที่สุด และ ทีเคเค ต้องการขยายธุรกิจที่ไม่ได้มุ่งแต่ลูกค้าที่เป็นภาคอุตสาหกรรมหรือบริษัทขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องการนำเสนอแพลตฟอร์ม CiRA CORE แพลตฟอร์มคนไทยที่มีประสิทธิภาพและราคาจับต้องได้ให้กับกลุ่มธุรกิจ SMEs ด้วย โดยเรามองว่า แพลตฟอร์ม CiRA CORE จะสามารถตอบโจทย์ธุรกิจตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ได้เป็นอย่างดี”



โมเดลธุรกิจ ‘ซีร่า ออโตเมชั่น แอนด์ เทคโนโลยี’ 

แบ่งธุรกิจออกเป็น 3 ส่วนหลัก

ส่วนแรก ธุรกิจนี้จะเปิดโอกาสให้ทางทีมผู้บริหารและคณาจารย์จากสถาบันการศึกษาได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ นั่นคือ หน้าที่ในการวิจัยและพัฒนา  เพื่อสร้างงานวิจัยจากหิ้งสู่ห้างอย่าง CiRA CORE นี้ให้ได้มากขึ้น ส่วนหน้าที่ในด้านการทำตลาด ติดต่อและดูแลลูกค้า ทาง ทีเคเค จะเป็นผู้มาดูแลตรงนี้”

ส่วนที่สอง จะเป็นบทบาทและหน้าที่ของภาคเอกชน อย่าง ทีเคเค โดยเราเองอยู่ใกล้ชิดกับลูกค้าอยู่แล้ว จึงเข้าถึงความต้องการ รู้ถึง Pain point ต่างๆของตลาด ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งลูกค้า ฝั่งผู้ผลิต และสามารถเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนให้ได้ ด้วยฐานลูกค้าเราก็ค่อนข้างที่จะแน่นมาก มีลูกค้าอยู่ในมือร่วม 5,000 แอคเคาต์ ที่เป็นลูกค้าในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศ จึงสามารถขยายเอา CiRA CORE ไปนำเสนอและปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม”

“และที่ผ่านมา ทีเคเค ดูแลแต่ตลาดต่างชาติ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด แต่วันนี้ด้วยศักยภาพที่ผนวกรวมกันได้ระหว่าง ทีเคเค และ ทีมนักวิจัย CiRA CORE จาก สจล. ทำให้เราสามารถนำเอา Know how นี้มาส่งต่อให้กับ SME ไทยนำไปใช้พัฒนาธุรกิจของพวกเขาได้ ในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง”
 
ส่วนที่สาม เป็นส่วนของ Training ที่มีความพิเศษก็คือ เราจะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเป็น Non-Commercial License คือ ไม่เก็บเงินค่า License ถ้าเป็นการใช้เพื่อการศึกษา เราพร้อมจะให้ฟรี อบรมให้ฟรี สอนฟรี”

“โดยล่าสุดเราได้ตั้งศูนย์อบรมแล้วที่ MARA หรือ สถาบันพัฒนาบุคลากร สาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ซึ่งใช้ชื่อว่า ซีร่า มาร่า อะเคเดมี เราคาดว่าจะฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ CiRA CORE แบบครบวงจรที่นี่ โดยทาง ซีร่า เทค จะเป็นผู้สนับสนุนทั้งหมด ทั้งอุปกรณ์ ซอฟแวร์ และวิทยากร”

“นอกจากนั้น เรายังได้วางแผนว่าจะขยายศูนย์อบรมไปยังแต่ละภูมิภาคทั่วไทยด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ เพื่อให้บริการกับกลุ่มบุคลากรในภูมิภาคนั้น ได้ไป Upskill Reskill กัน”

“นอกเหนือจากโมเดลธุรกิจทั้ง 3 ส่วนที่กล่าวมาแล้ว กัลยาณี ยังเผยถึงอีกโมเดลสำคัญที่เป็นต้นแบบในการช่วยขับเคลื่อนภาคสตาร์ทอัพ โดยได้เปิดบริษัท Start-Up ที่ ซีร่า เทค เป็น Joint venture และ สจล.กับ ทีเคเค จะไปถือหุ้นในบริษัท Start-Up ขนาดเล็กนี้ ซึ่งจะเปิดกว้างให้น้องๆหลายคนที่ตอนนี้เรียนจบแล้ว แต่ยังไม่มีงานทำ มาทำงานร่วมกันในโปรเจ็กต์นี้ เพื่อบ่มเพาะความเป็นผู้ประกอบการ หรือ Entrepreneurship ให้พวกเขา โดยมีทาง ทีเคเค และ ทีมอาจารย์จาก สจล. เป็นพี่เลี้ยง”

“กุญแจสำคัญของความสำเร็จที่ก่อให้เกิด “ซีร่า เทค” คือ การร่วมมือกัน อยากกล่าวในฐานะภาคประชาชนไม่ใช่ผู้บริหารของบริษัท ทีเคเค ที่พอได้รับรู้ในประสิทธิภาพของ ซีร่าคอร์ แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้น แล้วคิดทันทีว่า เราจะทำอย่างไร ให้ CiRA CORE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI สัญชาติไทย ได้รับการนำไปใช้อย่างแพร่หลาย เป็นต้นแบบของนวัตกรรมฝีมือคนไทย ที่จะไม่หายไปเพราะไม่ได้รับการส่งเสริมเหมือนอีกหลายๆนวัตกรรมในอดีต และยังต้องเป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักไม่ใช่แค่ในระดับประเทศ แต่ในระดับโลกด้วย”

ตัดเนื้อข่าวบางส่วนมาจาก https://www.salika.co/2021/07/27/ai-platform-from-cira-core-to-cira-tech/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่