JJNY : ผงะราคา“น้ำมันปาล์ม”│สหรัฐฯพบโควิดกลายพันธุ์ “E802D”│ชาวนาโคราชโอดไม่มีจ่ายค่ารถเกี่ยว│มาเลเซียวิตก! ป่วยโควิด

ผงะราคา “น้ำมันปาล์ม” ขวดเท่า “ถั่วเหลือง”
https://www.prachachat.net/economy/news-801567
 
 
ผงะราคาน้ำมันปาล์มเบียดเทียบชั้นน้ำมันถั่วเหลือง “ลานิญาเอฟเฟ็กต์”ทุบผลผลิตมาเลย์-อินโดฯ-ไทยวูบ ดันราคาซีพีโอพุ่งยาวถึงไตรมาส 1/65 แถมไทยสต๊อกวูบ 1.5 แสนตัน โรงสกัด 3 จังหวัดแห่ประกาศหยุดรับซื้อหลังกลืนเลือดขาดทุน กก.ละ 5-7 บาท โรงกลั่นกัดฟันขายขาดทุน
 
แหล่งข่าวจากวงการโรงสกัดน้ำมันปาล์ม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์ราคาผลปาล์มทำราคานิวไฮ กก.ละ 9-10 บาท ส่งผลกระทบต่อโรงสกัดน้ำมันปาล์มอย่างมาก โดยขณะนี้มีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มปิดชั่วคราวไปหลายโรงงาน บางโรงงานไม่ประกาศราคารับซื้อผลปาล์มแล้วเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
 
เช่น ที่ จ.ชุมพรที่ปัจจุบันบริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) อ.ท่าแซะ หยุดประกาศราคา
 
ขณะที่ จ.กระบี่ บริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม อ.คลองท่อม, ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ อ.อ่าวลึก, บริษัท ป.พานิชรุ่งเรือง ปาล์มออยล์ 2 อ.เมือง, บริษัท ปาล์มพันล้าน อ.คลองท่อม, บริษัท ภัทร ปาล์มออยล์ อ.เขาพนม, บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม อ.ปลายพระยา และ อ.ลำทับ, บริษัท สยามโมเดิร์นน้ำมันปาล์ม อ.อ่าวลึก, บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (มหาชน) อ.เหนือคลอง และบริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม อ.อ่าวลึก
และ จ.สุราษฎร์ธานี มีบริษัท กาญจนดิษฐ์น้ำมันปาล์ม (อำเภอกาญจนดิษฐ์), บริษัท ท่าฉางสวนปาล์มน้ำมันอุตสาหกรรม อ.ท่าฉาง, บริษัท ไทยทาโลว์แอนด์ออยล์ (บางสวรรค์) อ.พระแสง, บริษัท บางสวรรค์น้ำมันปาล์ม อ.พระแสง, บริษัท ป.พานิชย์รุ่งเรือง ปาล์มออยล์ อ.ชัยบุรี, บริษัท พี.ซี.ปาล์ม (2550)  อ.ดอนสัก, บริษัท ยูนิปาล์มอินดัสทรี อ.พระแสง และบริษัทแสงศิริอุตสาหกรรมเกษตร อ.กาญจนดิษฐ์ เป็นต้น จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
 
“ราคาปาล์มน้ำมันปรับสูงขึ้น กก.ละ 9-10 บาท โรงสกัดต้องซื้อปาล์ม 6 กิโลกรัมมาสกัดทำให้มีต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) กว่า กก.ละ 50 บาท พอไปขายให้โรงกลั่นได้ราคาที่ กก.ละ 43-45 บาท ขาดทุน 5-7 บาท บางทีโรงกลั่นที่ผลิตน้ำมันปาล์มขวดส่งขายที่ห้างไม่ได้ปรับราคาเพราะทำสัญญาขายล่วงหน้า 2 เดือนโรงกลั่นก็ลำบาก ขวดยังอยู่ที่ 55 บาท ซึ่งหากปรับจริงต้องไปถึงขวดที่ 60 บาท”
 
“แม้ว่าราคาผลปาล์มช่วงนี้จะอ่อนตัวลงมาเหลือ กก.ละ 9 บาทแต่ก็ยังสูง ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามช่วยทำโครงสร้างราคาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป อนาคตถามว่าจะปรับตัวอย่างไรคงตอบได้ยาก เพราะล้มหายตายจาก ขายกิจการกันไปหลายโรงงานแล้ว บางโรงก็ชะลอไปจนกว่าผลผลิตฤดูกาลใหม่จะออกในเดือนมีนาคม 2565”
  
นายกฤษดา ชวนะนันท์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะที่ระดับราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ขวดละ 55 บาท ขยับเข้าไปใกล้ราคาน้ำมันถั่วเหลือง จากเดิมที่ทั้ง 2 ชนิดจะต่างกันประมาณ 5-6 บาทต่อขวด เป็นผลสะท้อนจากดีมานด์และซัพพลายผลปาล์มในตลาดโลก
 
โดยเฉพาะประเทศผู้ปลูกหลัก คือ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ผลผลิตน้อยลงจากลานิญา และขาดแรงงานเก็บเกี่ยวผลผลิตหลังจากโควิดทำให้แรงงานต่างด้าวเข้าประเทศไม่ได้นั่นจึงส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบทั่วโลกขยับขึ้นไปโดยเฉพาะราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทยที่ขยับขึ้นไปถึง กก.ละ 47 บาท แม้ว่าตอนนี้จะอ่อนตัวลงมาบ้างจากที่อินเดียประกาศชะลอนำเข้าเพราะไม่สามารถทนรับซื้อราคาที่สูงได้จึงทำให้ราคาตลาดโลกลดลง ซึ่งราคาไทยก็ลดลงตามเหลือ 45 บาท
 
แต่ทั้งนี้คาดว่าจะยังทรงตัวอยู่ระดับนี้ไปจนถึงหลังเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2565 ที่ผลผลิตออกมา เพราะช่วงนี้ขาดซัพพลายช่วงสั้น ฝนตกไม่สามารถตัดผลปาล์มได้ และสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบของไทยก็ลดลง โดยล่าสุดสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบเดือนกันยายน 2564 มีปริมาณ 290,000 ตัน ลดลง 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 445,000 ตัน หรือลดลง 155,000 แสนตัน
 
“ไม่อยากให้มองว่าการที่ราคามาเท่ากันเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะที่ผ่านมามีค่านิยมว่าน้ำมันถั่วเหลืองดีกว่าน้ำมันปาล์ม ราคาต้องแพงกว่า 5-6 บาท แต่จริง ๆ แล้วน้ำมันทุกชนิดมีลักษณะการใช้ที่ต่างกัน เช่น หากจะทอดใช้ความร้อนจุดเดือดสูงใช้น้ำมันปาล์มจะเหมาะสมกว่า และมีงานวิจัยว่าน้ำมันปาล์มไม่ได้ทำให้เกิดคอเลสเตอรอลมากกว่าน้ำมันถั่วเหลือง แต่ต้องยอมรับว่าถ้าราคาเท่ากัน ผู้บริโภคก็อาจจะหันไปซื้อน้ำมันถั่วเหลืองมากขึ้น”



สหรัฐฯ พบโควิด-19 กลายพันธุ์ “E802D” ดื้อต่อยา “เรมดิซิเวียร์”
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/160435
 
นักวิจัยในสหรัฐฯ พบเคสโควิด-19 ในหญิงที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องเกิดการดื้อต่อยาเรมดิซิเวียร์ ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19
  
ทีมวิจัยจากสหรัฐฯ นำโดยวิทยาลัยการแพทย์มหาวิทยาลัยเยล รายงานพบกรณีของผู้ป่วยหญิงที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องและติดเชื้อโควิด-19 แต่เป็นเชื้อที่เกิดการกลายพันธุ์จน “ดื้อยา” หรือความสามารถในการลดประสิทธิภาพยา ต่อยา “เรมดิซิเวียร์ (Remdesivir)” ได้
 
ปัจจุบัน มีเพียงยาของเมอร์คและไฟเซอร์ ที่ดูจะมีแนวโน้มที่ดีว่าสามารถรักษาโควิด-19 ได้ แต่ก็ยังไม่ได้มีการนำมาใช้จริงเพราะอยู่ระหว่างขออนุมัติใช้กรณีฉุกเฉินและเรื่องของกำลังการผลิต
 
ด้วยเหตุนี้หลายประเทศจึงเลือกใช้ยาเรมดิซิเวียร์ในการรักษาโควิด-19 เป็นตัวเลือกหลักเช่นเดียวกับฟาวิพิราเวียร์ นอกจากนี้ เรมดิซิเวียร์ยังเป็นทางเลือกในการรักษาโควิด-19 ในกลุ่มผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
 
ข้อดีอย่างหนึ่งจนถึงก่อนหน้านี้ของเรมดิซิเวียร์คือ ยังไม่มีการดื้อยาในผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาด้วยเรมดิซิเวียร์ แต่งานวิจัยล่าสุดจากสหรัฐฯ พบว่า มีการ
กลายพันธุ์ตำแหน่งหนึ่งเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เชื้อดื้อต่อยาเรมดิซิเวียร์
 
การระบุพบการกลายพันธุ์ของไวรัสที่มีแนวโน้มดื้อยา รวมถึงระบุตำแหน่งการกลายพันธุ์ที่แน่นอน และติดตามการเกิดขึ้นของการกลายพันธุ์ดังกล่าวมีความสำคัญมาก
 
ในงานวิจัยดังกล่าว ทีมวิจัยได้ทำการศึกษาหญิงวัยราว 70 ปีที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเดิมเธอป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด NHL ทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวและแอนติบอดีต่ำโดยธรรมชาติ เมื่อติดเชื้อโควิด-19 จึงแสดงอาการโดยเป็นไข้เฉียบพลัน ไอ น้ำมูกไหล และสูญเสียการรับรู้กลิ่น
 
เนื่องจากเธอมีไข้อย่างต่อเนื่อง เธอจึงได้รับยาเรมดิซิเวียร์ต่อเนื่องเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายกลับมาเป็นปกติและลดการอักเสบ อย่างไรก็ตาม เธอต้องรับการรักษาด้วยโมโนโคลนอลแอนติบอดีซ้ำ เนื่องจากในระหว่างและหลังการรักษาด้วยเรมดิซิเวียร์ แพทย์พบว่า แม้อาการทุเลาลงแล้ว แต่ผู้ป่วยรายนี้ยังคงมีเชื้ออยู่ และสามารถแพร่เชื้อต่อให้ผู้อื่นได้
 
นักวิจัยจึงเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อและสารคัดหลั่งของผู้ป่วย และทำการจัดลำดับจีโนมทั้งหมดเพื่อระบุสายพันธุ์โควิด-19
 
จากการวิเคราะห์จีโนมของไวรัสโดยละเอียด ทีมวิจัยจึงพบการกลายพันธุ์ “E802D” ซึ่งสร้างคุณสมบัติการดื้อต่อยาเรมดิซิเวียร์ พวกเขาเชื่อว่า การเกิดขึ้นของการกลายพันธุ์นี้เกี่ยวพันโดยตรงกับการรักษาด้วยยาเรมดิซิเวียร์
 
กรณีนี้ยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงประโยชน์ของการใช้โมโนโคลนอลแอนติบอดีในการรักษาผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ติดเชื้อโควิด-19 โดยในกรณีนี้ สามารถกำจัดไวรัส แก้ไขปัญหาเรื่องการรับกลิ่น และเพิ่มระดับของเซลล์ในเลือดได้
 
แม้ข้อมูลการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ที่ทำให้ดื้อยาเรมดิซิเวียร์จะเพิ่งพบในเคสเดียว แต่ก็เป็นการชี้ให้เห็นเบื้องต้นว่า การใช้ยาเรมดิซิเวียร์อาจสามารถกดดันเชื้อโควิด-19 ได้จนผลักดันให้มันพยายามวิวัฒนาการ
 
ทีมวิจัยระบุว่า “จากการทดสอบเชื้อกลายพันธุ์ E802D ในหลอดทดลอง พบว่า มันอาจจำกัดการพัฒนาภูมิต้านทานจากการรักษาได้ แต่การศึกษาในหลอดทดลองพบความเสี่ยงจากเชื้อกลายพันธุ์นี้ในระดับที่จำกัด ... กระนั้น การค้นพบของเราเน้นย้ำถึงความสำคัญว่า ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ติดเชื้อโควิด-19 อาจทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนของไวรัสที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเป็นแหล่งของความหลากหลายทางพันธุกรรมและการกลายพันธุ์ ที่ท้ายที่สุดอาจส่งผลเสียต่อการรักษาโควิด-19 ด้วยยาต้านไวรัส”
 
งานวิจัยนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบซ้ำโดยผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
 
เรียบเรียงจาก News Medicalงานวิจัยฉบับเต็ม
 

 
ชาวนาโคราชโอด ไม่มีเงินจ่ายค่ารถเกี่ยวข้าว ซ้ำขายข้าวไม่ได้ราคา
https://www.nationtv.tv/news/378852147

ชาวนาโคราชโอด ไม่มีเงินจ่ายค่ารถเกี่ยวข้าว ซ้ำขายข้าวไม่ได้ราคา วอนรัฐเร่งจ่ายเงินเยียวยาอุทกภัย พร้อมจ่ายเงินประกันราคาข้าว

13 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ทำให้พื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง แม้ปัจจุบันสถานการณ์จะคลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว  แต่ยังมีท่วมขังพื้นที่ทางการเกษตรอยู่ ทำให้พืชไร่และต้นข้าวได้รับความเสียหายทั้งหมด  
  
โดยคุณตาทองดี ช่างแก้ว ชาวนาบ้านพิกุลทอง ตำบลชีวาน อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ที่นากว่า 30 ไร่ที่ลงทุนลงแรงทำมา ถูกน้ำท่วมเสียหาย  ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ซึ่งรายได้เดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้ คือเงินเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินที่จะได้รับจากภาครัฐ  ได้ยื่นเรื่องขอรับการช่วยเหลือไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่า จะต้องรอนานแค่ไหน ถึงจะได้เงิน
 
อยากวอนหน่วยงานภาครัฐเร่งรัดพิจารณาจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย  เพื่อชาวนาจะได้นำไปซื้อข้าวเปลือกมาเก็บไว้ในช่วงที่ข้าวราคาถูกตอนนี้  ถ้าหากปล่อยเวลาเนิ่นนานออกไปไม่ได้รับเงินเยียวยา  ราคาข้าวก็จะพุ่งตามกลไกของตลาด ราคาจะสูงมากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้
  
ด้านคุณตานพ โคกะทิง ชาวนาบ้านชีวาน ตำบลชีวาน อำเภอพิมาย ซึ่งที่นาถูกน้ำท่วมขัง แต่ยังคงพอเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เปิดเผยว่า ข้าวที่นำไปขายเป็นข้าวคุณภาพดี โรงสีรับซื้อกิโลกรัมละ 8.40 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคารับซื้อในปีที่ผ่านๆมา แต่ก็จำเป็นจะต้องขาย  เนื่องจากภาระหนี้สินต้องไปกู้ยืมมาเป็นต้นทุนทำนา ซึ่งหลังจากขายข้าวไปแล้ว ก็รอเงินประกันราคาขายข้าวจากภาครัฐที่จะจ่ายมาให้  เพื่อจะได้นำเงินส่วนนี้ไปจ่ายค่ารถเกี่ยวข้าว และค่าปุ๋ย ที่ยังค้างจ่ายอยู่  อยากวอนภาครัฐให้เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินก้อนนี้โดยเร็ว  เพื่อชาวนาจะได้คลายความกังวลใจ ปลดเปลื้องภาระหนี้สินต่างๆไปได้บ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่