เราใจแคบไปหรือเปล่าคะ

สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ

เรื่องมันเกิดขึ้นตอนเราอยู่ม.ต้น ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราทราบเป็นครั้งแรกว่าพี่ชายติดยา เพราะโดนตำรวจจับ ไม่นานหลังจากนั้นก็ทราบว่าพี่ชายโดนจับเรื่องยาอีกครั้งพร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง พ่อเรากับครอบครัวฝั่งนั้นก็ช่วยประกันตัวออกมา อยู่มาวันหนึ่งก็ทราบว่าผู้หญิงคนนี้ท้อง เรากำลังจะมีหลาน เนื่องจากเป็นหลานคนแรก ทุกคนในบ้านรวมทั้งเรา ถึงจะยังไม่ยอมรับในตัวผู้หญิงคนนั้นแต่ก็ดีใจมาก พร้อมจะมองข้ามเรื่องต่างๆไป เพียงแต่หวังให้หลานออกมาอย่างสมประกอบ พ่อเราจัดงานแต่งงานให้พี่ชายกับผู้หญิงคนนี้ พอผู้หญิงคนนี้กลายมาเป็นพี่สะใภ้ เราก็พยายามทำใจยอมรับ ค้นพบว่านิสัยเขาก็ไม่แย่นะ ดูเป็นคนชวนคุยเก่ง พอหลังจากคลอดลูกแล้ว พี่สะใภ้ก็มาช่วยงานที่บริษัทพ่อเรา ตอนกลางวันให้แม่เรากับแม่บ้านช่วยเลี้ยง ตอนกลางคืนก็จะมาคอยดูลูก ทุกอย่างดูดี ติดอย่างเดียวคือพี่ชายเราไม่ยอมทำงาน เขายังติดยาและบุหรี่อยู่ วันๆผลาญแต่เงิน วันดีคืนดีก็โดนตำรวจจับไปอีก ตอนนั้นทุกคนทุกข์ใจมาก มีสิ่งเดียวที่เป็นความสดใสคือหลานชายของเรา ซึ่งเราจะคอยช่วยเลี้ยงเวลากลับมาจากโรงเรียนและแม่บ้านกลับบ้านไปแล้ว

ผ่านไปไม่กี่เดือนหลังจากคลอดคนแรก พี่สะใภ้ก็ตั้งท้องหลานชายอีกคน ทุกคนในบ้านดีใจเหมือนเดิม แต่หลังจากนั้นพี่สะใภ้ก็เริ่มออกลาย เขามาทำงานที่บริษัทพ่อเราไม่เป็นเวลา นึกอยากเข้าเวลาไหนก็เข้า ซึ่งส่วนใหญ่จะมาทำตอนกลางคืน แต่ก็ยังพอรับได้อยู่ ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเหมือนพี่ชาย เรื่องเลี้ยงลูกจากที่กลางวันทำงาน กลางคืนดูลูก กลายเป็นกลางวันหายไปไหนไม่รู้ กลางคืนมาทำงาน ช่วงที่กลับมาดูลูกคือช่วง4ทุ่มขึ้นไป แม่เรามอบหมายให้เขาไปกินแชร์ ช่วงแรกๆก็ได้เงิน แต่หลังๆไม่ได้เลย พ่อแม่เรายุ่งมากก็ไม่ได้สนใจ คิดว่าคงดวงไม่ดี  ไปๆมาๆก็มาขโมยทองแม่เราไปขาย เค้นไปมาก็บอกว่าพี่ชายเราสั่งให้ทำ ไปกู้เงินอิออนมา แล้วเขาก็ส่งจดหมายมาทวงที่บริษัท  (ทุกคนในบ้านรู้อยู่แล้วว่าเขายังคงติดยากับบุหรี่ ทำร่วมกับพี่ชานเรานั่นแหละ โชคดีที่หลานออกมาสมประกอบ ถ้าติดยาจะมีเงินเท่าไรก็ไม่พอหรอก )

ช่วงนี้พี่ชายกับพี่สะใภ้ทะเลาะกันตลอด ผ่านไปไม่นานพอหลานอายุได้ 3-4 ขวบ พี่สะใภ้ก็หายตัวไป ช่วงนี้ป้าเราก็ไปกินแชร์แทนเขา และพบว่าที่ผ่านมาเปียร์แชร์ได้เงินมาเยอะ(หลายแสน) แต่เขาไม่เคยเอามาให้พ่อแม่เราเลย หายไปเป็นปีๆ กลับมาอีกทีตอนพี่ชายเราบวช และก็หายไปอีก กลับมาอีกทีมาบอกว่าตัวเองท้องได้ 8 เดือนกว่าแล้ว อีกไม่กี่อาทิตย์จะคลอด ทุกคนในบ้านต่างสงสัย เพราะถ้านับเวลาช่วงที่เขาตั้งท้องคือช่วงที่พี่ชายเรากำลังบวช อยากจะให้ตรวจDNA แต่เขาบอกถ้าตรวจจะทำแท้ง พี่ขายเราก็ไม่ยอม ก็โอเคไม่ตรวจ ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ จนคลอดออกมา ทุกคนในบ้านก็เอ็นดูอุ้มชู พยายามคิดว่าหน้าตาก็เหมือนกับหลานชาย2คนแรก (มันต้อเจ้าหนี้งเหมือนอยู่แล้วสิ พี่น้องกัน555) เด็กคนนี้พอเกิดก็ไปอยู่กับพ่อแม่ของพี่สะใภ้ ตั้งใจว่าพออายุได้1-2ปีจะเอาตัวมาอยู่กับพ่อแม่เรา แม่เราก็เสียตังค์ให้หมดค่าแพมเพิส ค่าอะไรต่อมิอะไร คอยส่งเงินให้ นานๆทีพี่สะใภ้ก็อุ้มมาให้เลี้ยงเป็นบางช่วง แต่ยิ่งนับวันที่เจอก็พบว่าหน้าไม่เหมือนพี่ชายเราเลย พี่ชายเราก็สืบมาได้ว่าช่วงที่พี่สะใภ้หายไปไปอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งพอเห็นหน้าในรูปถ่ายแล้วตกใจมาก หน้าเหมือนหลานคนที่3คนนี้มาก แม่จึงตัดสินใจจะตรวจDNA แอบดึงเส้นผมกับตัดเล็บหลานคนนี้มาเพื่อเอาไปตรวจ ผลออกมาว่าไม่ใช่พ่อลูกกัน ทุกคนเสียใจมาก เหมือนตัวเองโดนหลอก เหมือนพี่สะให้คนนี้เห็นครอบครัวเราโง่ เด็กมันน่ารัก ไม่ผิดอะไรหรอก แต่ครอบครัวเราไม่ใช่สถานสงเคราะห์ ก็ได้แต่โทรไปบอกพ่อแม่ของพี่สะใภ้ และส่งตัวหลานคนนี้กลับไป

หลังจากนั้นพี่ชายเราก็วิ่งเต้น อยากจะหย่า พ่อแม่เราก็ทำเรื่องให้ ช่วงแรกพี่สะใภ้ไม่ยอมหย่า ก็ขึ้นโรงขึ้นศาล สุดท้ายก็ยอมหย่า เขาก็หายไปนานเลยนะ เห็นลงรูปอดีตหลานคนนี้อยู่ จนเมื่อเร็วๆนี้ ที่หลานทั้ง2อายุ 7-8ขวบแล้ว อดีตพี่สะใภ้ก็กลับมา เนื่องจากโดนคดีความ ไปโกงเงินเข้ามาเป็นแสน ซึ่งเขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำ เพื่อนเป็นคนยืมบัญชีไปหลอกคนอื่น (แต่เราไม่เขื่อหรอกนะ เชื่อก็โง่ละ) พ่อแม่ของอดีตพี่สะใภ้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพ่อแม่เราก็มาขอความช่วยเหลือ  ให้หาทนายให้หน่อย และอยากจะฝากลูกสาวเข้าทำงานด้วย แต่แม่เราต่อต้านเต็มที่บอกว่าที่บริษัทไม่มีงานให้ทำแล้ว แต่พ่อแม่เราก็ให้ความช่วยเหลือ หาทนายให้ ให้ที่อยู่ในอพาร์ทเม้นท์ไว้หลบเจ้าหนี้ (ซึ่งตอนแรกเรานึกว่าพ่อแม่เขาจ่ายค่าเช่าให้พ่อแม่เรา ปรากฎว่าจ่ายแค่เดือนแรก เดือนต่อมาไม่ได้จ่าย ค่าน้ำค่าไฟอะไรไม่จ่ายเลย) เราถือว่าพ่อแม่เราเมตตามากนะ

ซึ่งช่วงนี้แหละ ที่เขากลับมาหาหลานชายทั้ง2คน หลานเรามันก็คงดีใจแหละ ไม่ได้รับความรักความอบอุ่นจากแม่มา3-4ปี มันก็คุยว่าเราซึ่งเป็นอาแพลนว่าจะพาไปที่นู่นที่นี่ ปรากฎว่าเขาเป็นคนพาหลานไปหมดเลย เราซึ่งตั้งใจว่าจะพาหลานไปก็ได้แต่ทำจิตใจให้สงบ คิดว่าเขาเป็นแม่ของหลาน แต่นับวันยิ่งหนักข้อ เข้ามากินข้าวที่บ้านเราและหยิบของกินอะไรไปโดยไม่บอก ทำเสมือนว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน ช้อนกลางก็ไม่ใช้ ทั้งที่ตัวเองตัดขาดจากพี่เราไปแล้ว จะพูดอะไรได้ก็ไม่เต็มปาก เพราะพี่ขายเรานี่แหละทีโดนทำดีเข้าหน่อยก็กลับมาเข้าข้างอดีตพี่สะใภ้ (ทั้งที่ตอนนั้นวิ่งเต้นจะหย่าให้ได้ พ่อแม่เราสงสัยว่าอดีตพี่สะใภ้คนนี้อาจจะเอายามาให้) นอกจากนี้ยังมาเป่าหูหลานเราเช่าว่าเคยทำอย่างนู้นอย่างนี้ให้ ซึ่งบางอย่างที่เล่าเขาไม่ได้ทำ แต่เป็นพ่อเราแม่เราหรือเราต่างหากที่ทำ

เขาพยายามชวนเราคุยช่วงที่อยู่กับหลาน แต่เราไม่อยากคุย เอาตรงๆคือเหม็นขี้หน้ามาก ตอนนี้เรารู้สึกอัดอั้นมาก ช่วง1ปีมานี้ที่หลานต้องเรียนออนไลน์ เราเป็นคนคอยดูแลหลานทุกอย่าง ตั้งแต่พาไปพบครูทที่โรงเรียน ช่วยดูการบ้าน ตามการบ้าน สอบการบ้านให้ ตอนนอนก็พาเข้านอน พาไปเที่ยวตอนที่ว่าง เราเป็นทุกอย่างให้ ทั้งพี่ ทั้งแม่ ทั้งเพื่อน (เราwork from homeอยู่ กลางวันดูหลาน กลางคืนหลานนอนก็ทำงาน) ที่ผ่านมาเรารับมือมาตลอดทั้งอาบน้ำ เช็ดอึ เช็ดฉี่ เช็ดอ้วก  อยู่ดีๆคุณกลับมารับบทเป็นแม่เหมือนเดิม ทั้งๆที่ทิ้งหลานไม่มาดูดำดูดี 3ปีที่ผ่านมามาหาไม่กี่ครั้งเอง  เราเข้าใจว่าเขาเป็นแม่หลานเรา แต่เรารู้สึกเจ็บและหงุดหงิดมากเลย ช่วงนี้คือโผล่หน้ามาทุกวัน ด้วยความที่อพาร์ตเมนต์ที่ให้อยู่มันอยู่ข้างบ้านเรา และความเกรงใจก็ไม่มี มันแย่มาก หลังๆพอเขาเดินเข้าบ้านมาเราก็จะเดินหนีขึ้นบ้านไป เราพยายามคิดถึงใจหลาน เข้าใจว่าถึงเราจะเป็นเหมือนแม่ (เราไม่ได้คิดขึ้นมาเองนะ แต่ทั้งหลาน คนในบ้าน และเพื่อนเราต่างบอกแบบนั้น บอกว่าเรายิ่งกว่าแม่อีก) แต่เราก็ไม่ใช่แม่ ที่เราเป็นแบบนี้ถือว่าเราใจแคบมากไหมคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ปัญหาจะไม่รู้จักจบจักสิ้น เพราะบ้านคุณเจ็บแล้วไม่จำ หย่าแล้วก็เลิกยุ่งไปสิ เขาเป็นคนยังไง ใช่ว่าบ้านคุณจะไม่รู้

คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากครอบครัวคุณจะคุยกันแล้วห้ามยุ่งเกี่ยว อยากเจอหลาน ให้นัดวันมา เจอกันข้างนอก ก็จบแล้ว

ปัญหาทุกเรื่องที่เล่านี่ มาจากครอบครัวคุณไม่เด็ดขาดทั้งหมดเลย ดูไหลไปเรื่อยๆ ปัญหาเกิดค่อยแก้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่