JJNY : ติดเชื้อ7,305 เสียชีวิต51│อาจพับโครงการ"วัคซีนโควิดแบบพ่นจมูก"ไทย│4 องค์กรไร่อ้อยแถลงจุดยืน│บ่าย 2 น้ำหนุนสูง

โควิดติดเชื้อเพิ่ม7,305ราย หายป่วย7,900ราย เสียชีวิต51
https://www.dailynews.co.th/news/467757/
 
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ พบเสียชีวิตเพิ่มอีก 51 ราย ขณะที่พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มอีก 7,305 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,975,411 ราย

สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ล่าสุด วันที่ 12 พ.ย. 64 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 7,305 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 6,985 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 320 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 มีจำนวน 1,975,411 ราย หายป่วยกลับบ้าน 7,900 ราย หายป่วยสะสม 1,861,110 ราย กำลังรักษา 95,804 ราย
 
โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 51 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 มียอดสะสมสูงถึง 19,934 ราย
   

  
อาจต้องพับโครงการ "วัคซีนโควิดแบบพ่นจมูก" ฝีมือคนไทย ไม่มีทุนวิจัยต่อ
https://ch3plus.com/news/program/265557
 
ความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 แบบพ่นจมูก แนสแว็ก ฝีมือนักวิจัยไทยจากไบโอเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช.
 
ล่าสุดได้ปรับปรุงสูตรรองรับการกลายพันธุ์ของเชื้อสายพันธุ์เดลต้าไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังติดปัญหาที่ขณะนี้ไม่มีทุนวิจัย มาสนับสนุนการการพัฒนาในเฟสต่อไปได้ จากข้อกำหนดด้านการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่ต้องรอปีงบประมาณถัดไป ซึ่งหากโครงการนี้ไม่สามารถดำเนินต่อได้ตามกรอบระยะเวลาที่วางแผนไว้ ก็อาจทำให้การพัฒนาวัคซีนโดยคนไทยตัวนี้ต้องล่าช้าออกไป และอาจต้องพับโครงการนี้ไป
 
NASTVAC คือวัคซีนป้องกันโควิด-19 แบบพ่นจมูกตัวแรกของไทย พัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือ ไบโอเทค สวทช. เป็นวัคซีนเทคโนโลยีไวรัลเวคเตอร์ หรือ ไวรัสเป็นพาหะ ชนิด adeno virus
 
ผ่านการทดสอบทางคลินิกในสัตว์ทดลองแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมได้ถึง 100% แถมกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เร็วกว่าวิธีการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ป้องกันการติดและแพร่กระจายของเชื้อได้ทั้งระบบทางเดินหายใจ อยู่ได้นาน 3-6 เดือน
 
และทันทีที่ไบโอเทค ประกาศความสำเร็จของวัคซีนตัวแรก เพียง 2 สัปดาห์ต่อมา ทีมวิจัยก็ได้วัคซีนสูตรสำหรับสายพันธุ์เดลต้าโดยเฉพาะเพิ่มอีก 1 สูตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลในสัตว์ทดลอง ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในช่วงเดือนหน้านี้
 
แม้ขั้นตอนวิจัยในช่วงแรกจะมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เราก็เห็นภาพประชาสัมพันธ์ขอรับเงินทุนสนับสนุนเพื่อการทดสอบวัคซีนโควิด-19 แนสแว็ก ถูกเผยแพร่ออกมาจาก สวทช. เพื่อระดมทุนจากทุกภาคส่วนสานต่องานวิจัยนี้
 
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผอ. กลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค สวทช. ยอมรับว่า โครงการนี้กำลังขาดทุนวิจัยและพัฒนาต่อในขั้นการผลิตวัคซีนมาใช้ทดสอบในคน ซึ่งต้องผ่านเงื่อนไขของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.
 
ขณะที่ทุนวิจัยก้อนแรกที่ได้รับ จำนวน 150 ล้าน ถูกจัดสรรไปกับโครงการพัฒนาวัคซีนแบบพ่นจมูกรุ่นแรกตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเพิ่งหมดปีงบประมาณการจัดสรรจากภาครัฐ ทำให้โครงการต้องหยุดชงักไป จึงจำเป็นต้องประกาศขอรับเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนและประชาชน เพื่อไม่ให้โครงการล่าช้าออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี
 
ดร.อนันต์ ระบุว่า ปัจจุบันทีมวิจัยวัคซีนโควิด-19 ของไทยเกือบทั้งหมดกำลังประสบปัญหาด้านทุนวิจัย ที่ไม่ว่าจะวางแผนงานพัฒนาไว้รัดกุมเพียงใด ก็ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เนื่องจากการขาดงบประมาณสนับสนุนและพัฒนาที่ต่อเนื่อง
 
หากการพัฒนาวัคซีนแบบพ่นจมูก NASTVAC ของไบโอเทค ดำเนินต่อได้ตามกรอบระยะเวลาที่วางไว้ การทดสอบทางคลินิกในเฟส 2 ก็จะเสร็จสิ้นในช่วงกลางปี 2565 จากนั้นก็สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเพิ่มการทดสอบในเฟส 3 หรือ จะผลิตวัคซีนมาให้คนไทยได้ใช้ทันทีในราคาต้นทุนโดสละ 30 บาทเท่านั้น เนื่องจากหลายประเทศเริ่มใช้วัคซีนชนิดนี้แล้ว
 
ผู้ที่สนใจร่วมสนับสนุนเงินทุนวัคซีน แนสแว็ก สามารถบริจาคเงินผ่านบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี เงินบริจาคกองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 080-013324-1 โดยระบุข้อความบริจาควัคซีนโควิด-19 ในสลิปการโอน และส่งหลักฐานมาที่ LINE : @NASTVACFORTHAI ได้ทันที
 

 
4 องค์กร ชาวไร่อ้อย แถลงจุดยืน ราคาอ้อยขั้นต้น ต้อง 1,100 บาทต่อตัน เท่านั้น
https://www.thansettakij.com/economy/502973
 
โรงงานน้ำตาลแห่งประเทศไทย โพสเฟซบุ๊ก จุดยืน 4 องค์กรชาวไร่อ้อย คัดค้านราคาอ้อยขั้นต่ำที่ 1,040 บาท ต้อง 1,100 บาท/ตัน เท่านั้น ชี้ราคาปุ๋ยแพง แรงงานขาดแคลน ไม่สะท้อนต้นทุน เตรียมทำประชาพิจารณ์ นัด วันที่ 15 พ.ย.นี้ ก.อุตสาหกรรม
 
โรงงานน้ำตาลแห่งประเทศไทย  โพสเฟซบุ๊ก ระบุ คณะกรรมการบริหาร (กบ.) ตาม พรบ.อ้อยและน้ำตาลทราย 2527 มีมติเห็นชอบให้กำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ปี 2564/65 ที่อัตรา 1,040 บาทต่อตัน โดยให้ สอน. ทำหนังสือเชิญ ผู้แทนชาวไร่อ้อยและผู้แทนสมาคมโรงงาน เพื่อทำประชาพิจารณ์ รับฟังความคิดเห็นและข้อคัดค้าน (ถ้ามี) ตามมาตรา 50 แห่ง พรบ.อ้อยและน้ำตาลทราย 2527
 
1. การทำประชาพิจารณ์ราคาอ้อยขั้นต้น ปี 2564/65 เป็นสิทธิที่ผู้เกี่ยวข้องสามารถคัดค้านได้ กำหนดในวันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10:00 น. ณ ห้องประชุม สอน. กระทรวงอุตสาหกรรม
 
2.ข้อมูลต้นทุนปลูกอ้อย ที่หลายโรงงานน้ำตาลมีการจัดทำ พบปัญหาราคาปุ๋ย แรงงานขาดแคลนและต้นทุนค่าจ้างแรงงาน มีอัตราสูงขึ้นมาก ซึ่งไม่สะท้อนราคาอ้อยที่ กบ. นำเสนอ
 
3.สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซล ในช่วงฤดูหีบ ปี 2564/65 ในพื้นที่แหล่งอ้อย มีราคาสูงขึ้นมากกว่า 30 บาทต่อลิตร ทำให้ต้นทุนการขนส่ง สูงกว่าโครงสร้างต้นทุนที่เคยใช้คำนวณราคาอ้อย
 
4.ในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา พื้นที่ปลูกอ้อยหลายแห่ง ถูกน้ำท่วมเสียหาย (หรือปีก่อนนี้เกิดภัยแล้ง) เมื่อผลผลิตเสียหาย พี่น้องชาวไร่อ้อยจะขาดทุนและเกิดหนี้สิน แต่ไม่มีการนำความเสี่ยงนี้มาคำนวณ
 
5. ข้อเสนอของ 4 องค์กรชาวไร่อ้อย มีมตืขอให้ประกาศราคาอ้อยขั้นต้นที่ 1,100 บาทต่อตัน เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และทำให้ชาวไร่อ้อยสามารถฟื้นตัวจากภาวะราคาอ้อยตกต่ำมากกว่า 3 ปี
 
6. ราคาอ้อยขั้นต้น 2564/65 หลังจากได้มีการทำประชาพิจารณ์แล้ว จะต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เพื่อรับรอง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564
 
หมายเหตุ : ตัวแทนพี่น้องชาวไร่อ้อย 4 องค์กร ประกอบด้วย สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่