น่าเป็นห่วง อนาคตประเทศไทย

หาก คนจัดแบ่งเป็น 4  ประเภท แบ่งตามวิธีหาเงิน ของ โรเบิรต์ คิโยซากิ

Employee
Self employee
Business
Investment

1.เด็กรุ่นใหม่

ตัว E ในอนาคตหายไปเยอะครับ   เด็กรุ่นใหม่ ไม่นิยมเป็น E 

ถ้าเป็น E ก็ต้องเป็น E ขั้นสูง  เด็กรุ่นใหม่บางส่วนจะข้ามจาก E เป็น  I กึ่ง S  เป็น trader

เด้กรุ่นใหม่ บางส่วนที่พอมีที่ดิน  ก็ กลายเป็นเกษตรรุ่นใหม่ เกษตรผสมผสาน โคกหนองนา  ซึ่งโดยมีหลักประกันถึงเกษียณ ดีกว่าลูกจ้างประจำ

คนที่เก่งหน่อยก็ปั้น  Business ขึ้นมา

ส่วน I เมื่อก่อนต้องมีเงิน  แต่ปจจุบัน  เข้าข้ามา I ได้หมดมีเงินไ่มากก็เข้าได้ ซึ่งแอันนี้เป้นข้อดี หากเป็น Invester จริงๆ

แต่ส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็น I  แต่เป็น  trader ซึ่งก็คือ self employee  แต่หลงนึกว่าเป็น I

จะเห็นว่า  มันจะทำให้ E   ส่วนใหนึ่งหายไปจากระบบจำนวนมาก ทั้งภาคบริการ และการจ้างงาน

เด็ก รุ่นใหม่  ส่วนหนึ่งเป็น trader โดยเฉพาะ trade cryptocurrency

อาชีพนี้  ไม่เกิดผลิตผล และ ประโยชน์อันใดต่อโลกมากนัก ในอดีต trader คือคนที่ทำให้เกิดสภาพคล่องมากขึ้น. แต่ปัจจุบัน คงมีประโยชน์ แต่น้อย

เพราะ กลุ่มคนกลุ่มนี้  เล่น ตัวที่กราฟเป็ฯขาขึ้น ขาลงไม่เล่น ซึ่งไม่เป็นประโยชน์อันใด ไม่เหมือนนักลงทุน

และทำให้ตลาตวิปริตมากขึ้น เหมือน  ธรรมชาติที่น้ำมา ก็มากเกิน น้ำท่วม  เวลาฝนไม่ตก ก็แห้งล้งกลายเป็นภัยแล้ง

เพราะ 

1.ภาษีไม่จ่าย หาก เปิด ต่างประเทศ  พอจะจ่ายก็โวยวาย หนีไปเปิดที่ไม่ต้องจ่ายภาษี
2.เผาเวลาตัวเเองและสุขภาพ  หากเวลาป่วย ซื้อประกันชีวิตไว้คงไม่มีใครว่า  แต่หากใช้ 30 บาท อันนี้คือภาระ ของระบบภาษีโดยรวม

2.คนรุ่นเก่า ที่กำลังเกษียณ

นับจากนี้ไป  คนยุคเบบี้บูม+gen X กำลังเข้าสู่วัยเกษียณเป็นจำนวนมาก
เมื่อ ก่อน   พ่อ แม่ แก่ ลูกต้องดูแลพ่อแม่

ปัจจุบัน  คนเกิดน้อยลง   คนไทยเป้นจำนวนมาก กำลัง เกษียณแบบ  จนๆ  แถมลูก ก็พึ่งพิงไม่ได้ ไม่มีหลักประกัน

เด็กรุ่นใหม่บางคนอย่าว่าแต่ดูแลพ่อแม่เลย เอาตัวเองรอดยังยาก

การที่  อายุ   ยืนขึ้นเนื่องจากการรักษาพยาบาล แบบรัฐสวัสดิการ  นับวันจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ซึงเป็นสิ่งที่ดีงามตามหลักมนุษยธรรม

แต่ขัดแย้งตามหลักเศรษฐศาสตร์  ของเก่า ผุพัง หากซ่อมใช้ อาจไม่คุ้มใช้งานเนื่องจากค่า maintenance สูง
และหากมีค่า maintenace อย่างเดียว โดยไม่ก่อเกิดประโยชน์อันใด  ยิ่งหนักเป็นทวีคูณ  ไม่แปลก ที่รถ เมื่ออายุใช้งาน 4 ปี มักขายทิ้งเพราะส่วนใหย่กลัวค่าซ่อมจุกจิก

ตอนนี้ ภาษีของประเทศ  ส่วนใหญ่ถุกแบกโดย VAT  ภาษีสุราและบุหรี่  ภาษีจากบริษัทมหาชนทั้งหลาย  และมีภาษีส่วนบุคคลบ้างเล็กน้อย จาก คนเสียภาษี 4 ล้านคน  จากทั้งหมดเกือบ 70 ล้านคน

จะเห็นว่า   ตามหลักของความสมดุล 

เมื่อก่อน ฐานกว้าง ปลายเล็ก

ปัจจุบันฐานเริ่มเล็กลง  และปลายเริ่มกว้างขึ้น   นั่นหมายถึง มีโอกาสพังและล้มได้ทุกเมื่อ

ลึกๆแล้วเหมือนโลก กำลังมาผิดทาง   เหมือนความเจริญทางวัตถุ วิยาการทันสมัย  ความเจริญ ยิ่งเร็วขึ้น

คนทั่วโลก  มี ความสุข  มากขึ้นจริง 

หากมีเครื่องมือวัด  อยากรู้ว่า   คนในยุคใดมีความสุขมากที่สุด

โดยส่วนตัว   ยุคของความสุขวัดจากผู้คนได้ทั่วโลกผ่านงานศิลปะ  ไม่ว่าเพลง ภาพวาด ประติมากรรม
ซึ่งหมายถึงปลอดภาวะสงคราม

และดูเหมือนยุค   ที่ผู้คนมีความสุข มากที่สุดได้ผ่านไปแล้ว

เพราะดูเหมือน  สงครามยุคใหม่ กำลังก่อตัวขึ้น  และประเทศไทย  กำลังเป็ยเบี้ยตัวหนึ่งในกระดานที่เป็นสมรภูมิ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่