❤️รวม 10 เรื่องดูแลรอยสัก ให้สวยสดถาวรแบบเภสัชกร❤️

เพราะค่านิยมการสักตอนนี้กับในอดีตต่างกันมากๆๆ
การสักเพื่อฝัง meaning หรือคุณค่าให้ติดตัวเราตลอดไปเริ่มเยอะขึ้น
เทคโนโลยีการสักก็ดีขึ้น
แนวการสักก็หลากหลายมากขึ้น
มีทั้งเท่ห์ ๆ สีสันน่ารัก และแบบมินิมอล
รวมไปถึงการสักเพื่อ beauty
อย่าง permanent make up
การสักคิ้ว สักปากให้หน้าสดยังสวย
ทำให้วัยรุ่นเริ่มหันมาสักกันมากขึ้น
แต่นอกจากจะ หาลาย หาตำแหน่งสัก หาช่างสัก
สิ่งที่ต้องรู้คือ
📌การดูแลหลังสักให้รอยสักยังสวยสด ไม่ซีด ไม่คัน และไม่ติดเชื้อ!!!📌
วันนี้รักจะมาตีแผ่การดูแลผิวหลังสัก
ให้สาวๆหนุ่มๆที่อยากสักได้ดูแลผิวกันอย่างถูกต้องนะคะ
(บทความนี้เน้นการสักบริเวณกว้างๆ
ลายเล็กๆมินิมอล(อาจจะ)ลดความเจ้มจ้นในการทำได้บ้างน้า ^^)
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
1️⃣ การสักคืออะไร?
คือการทำรูปทำลายด้วยสีต่างๆลงผิวเราแบบถาวร
โดยใช้เข็มปลายๆเล็กๆ กลไกคล้ายสว่านเจาะลงชั้นหนังแท้ (Dermis)
แล้วหยดฝังสีลงไปทีละจุดๆจนเป็นลายขึ้นมา
ซึ่งจะไปกระตุ้นกลไกการอักเสบและ wound healing
ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาว (Macrophage)
แห่มาเอาหมึกไปทำลายที่ต่อมน้ำเหลือง
เพราะถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทั้งหมด
เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ไม่ได้กลับที่ต่อมน้ำเหลือง
ก็จะคาอยู่ในผิวทำให้เราเห็นเป็นลายๆอย่างที่เราต้องการ
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
2️⃣ ทำไมต้องสักลงไปในชั้นหนังแท้ สักแค่ชั้นหนังกำพร้าไม่ได้หรอ
❌คำตอบคือไม่ได้ ❌
เพราะหนังกำพร้ามีรอบการผลัดเซลล์ผิว 28-54 วัน
ถ้าคิดง่ายๆเอาเร็วสุดแค่รอบ 28 วัน
แปลว่าไม่ทันครบรอบเต็ม
แค่ใช้เวลา 2 อาทิตย์ลายก็หายไปเกือบครึ่งแล้ว
ถ้าอยากให้รอยสักอยู่ถาวรตรงตามคอนเซปต์
ก็ต้องลงหนังแท้เท่านั้น (จะมีคอลลาเจน หลอดเลือดต่างๆ)
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
3️⃣ ถ้างั้นการสักก็ทำให้เกิดแผลเป็นบนผิวหนัง แต่เป็นแผลที่สวยใช่มั้ย
✅ใช่ค่ะ
โดยหนังกำพร้าจะถูกทำลายเกือบหมด (ตามลายที่เราทำ )
ยิ่งตรงไหนสีเข้ม ก็จะยิ่งเจาะลึก
สีอ่อนก็อาจจะเจาะลงไปตื้นๆหน่อย
📌แต่ถึงหนังแท้หมดแน่นอน 📌
ทำให้สักเสร็จก็จะปวดและมีเลือดออกบ้าง
และเป็นแผลคล้ายๆกับเราล้มถลอก
แต่แค่แผลเปิดรอบนี้ลายสวยแค่นั้นเอง
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
4️⃣ เมื่อการสักก็คือการเกิดแผลเปิดที่ลายสวยกว่าปกติ
แปลว่าต้องดูแลมากกว่าปกติ เพราะ
🔸ความสวยนี้ทำให้เกิดการติดเชื้อได้
🔸ร่างกายสามารถ recovery ได้ แต่ใช้เวลาและการดูแลผิวที่ดีมากๆ
🔸การ recovery ที่ดีต้องไม่ทำให้สีซีดลง หรือลายหลุด
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
5️⃣ ดังนั้น คนที่จะสักให้สีสวยติดทน ให้ meaning อยู่กับเราไปได้นานๆ
❤️ต้องใจรักรอยสักมาก และมีวินัยในการดูแลผิวดีมากๆ
เพราะหลังจากนี้จะเป็นวิธีการดูแลรอยสัก
ข้อควรระวัง ข้อห้ามทั้งหมดที่ต้องใช้ในการดูแลรอยสักค่า^^
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
6️⃣ Day0 - หลักสักเสร็จทันที
🔸ตั้งใจฟังที่คนสักบรีฟก่อนกลับบ้าน ว่าให้เราทำอะไรบ้าง
เปิดแผลเมื่อไหร่ ล้างแผลยังไง ทาครีมอะไรบ้าง
🔸สิ่งที่เค้าพูดจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลรอยสัก
จำให้ได้ จำไม่ได้ให้จด !!
🔸สิ่งที่ควรรู้
แผลจะหายช้าหรือเร็วขึ้นกับ
การ recovery ของแต่ละคน
ลายและ detail ที่สัก +ขนาดลายด้วย
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
7️⃣ Week 1 (วันที่ 1-7)
1️⃣ อาบน้ำระวังอย่าให้แผลเปียกมากนัก
2️⃣ ล้างแผล
♦️ ล้างมือให้สะอาดก่อนล้างแผล
♦️ เปิดผ้าพันแผลออก
อาจมีของเหลวอย่างเลือด พลาสมา น้ำเหลือง
หรือหมึกสีที่ใช้สักไหลซึมออกมาจากแผลซึ่งเป็นเรื่องปกติ
อาจมีอาการเจ็บปวดและมีรอยแดงบริเวณรอยสักด้วย
♦️ ล้างแผล ด้วยน้ำอุ่นและสบู่ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม 1-2 ครั้ง/วัน
อย่าเกินนี้ เพราะแผลจะชื้นและติดเชื้อง่าย และสีจะหลุดง่ายไปด้วย
♦️ เทคนิดการล้างแผลคือ
อย่าเปิดน้ำลงแผลตรงๆแค่ใช้น้ำผ่านแผลก็พอ
แล้วก็อย่าเอาแผลแช่น้ำด้วย
♦️ ซับแผลให้แห้ง ย้ำว่าซับ ไม่ใช่เช็ด
โดยใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม ทิชชู่พอได้แต่ระวังขุยกระดาษติดแผล
.
3️⃣ ทายาผสมยาฆ่าเชื้อ วันละ 2-3 ครั้ง
♦️ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฆ่าเชื้อในตัวทำให้แผลแห้งเร็ว
📌ข้อมูลเพิ่มเติม📌
อาจจะมีหลายคนแนะนำ Vaseline ว่าดี
♦️ ถือเป็นการปิดแผลในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าการใช้ผ้าปิดแผล
เพราะอากาศยังผ่านได้บ้าง
♦️ ให้ความชุ่มชื้นและเคลือบผิวได้ในตัว
♦️ สูตรอ่อนโยนไม่มีน้ำ ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์
ไม่มีอะไรที่ก่อการแพ้ หรือมี water activity ให้เกิดการติดเชื้อได้เลย
แต่เหนียวและมันขนาดนั้นทาไม่ไหวอยู่ไม่ไหวหรอกจ้าาาาา
❌อย่าหาทำเลย❌
4️⃣ อย่าเพิ่งใส่เสื้อแขนยาวช่วงนี้ เพราะจะเสียดสีรอยแผลได้
5️⃣ ตอนนอนาหาผ้านุ่มมาปูอีกที
เพื่อรองน้ำจากแผลและสีหมึกส่วนเกินที่อาจจะเลอะเตียง
6️⃣เลี่ยงแดดแต่ยังไม่ต้องทากันแดด
เลี่ยงแดดเพราะแผลยังสดมาก
แดดจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวมากขึ้น
❌ยังไม่ต้องทากันแดด❌
ไม่ต้องทาอะไรเลย
แม้ว่าจะเป็น physical sunscreen สูตรแพ้ง่ายก็ตาม
เพราะตอนนี้โอกาสแพ้สูงมาก
และเนื้อ Physical ทั้งเหนียวขาวและวอกมาก
ในความเป็นจริงมันจะค่อนข้างฝืดผิวมาก
ส่วน Chemical sunscreen หรือ สูตร Hybrid
ยิ่งไม่ควรใช้เพราะ Chemical sunscreen
ผิวปกติบางคนยังแพ้
ผิวเป็นแผลไม่ต้องพูดถึง!!
7️⃣ช่วงวันหลังๆแผลจะจะเริ่มแห้ง ห้ามแคะ แกะ เกา เด็ดขาด
8️⃣อย่าเพิ่งออกกำลัง เพราะเหงื่อทำให้แผลหายช้า
9️⃣ว่ายน้ำก็ไม่ได้ คลอรีนจะกัดผิว และห้ามแช่น้ำด้วย
🔟 ดื่มน้ำมากๆ
เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายใน
ให้ผิวกลับมาทำงานได้ตามปกติโดยไว
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
8️⃣ Week 2-4 (วันที่ 8-30) ทำเหมือนเดิมที่เพิ่มเติมคือ
1️⃣อาบน้ำแผลเริ่มโดนน้ำได้บ้าง แต่
-ห้ามสครับหรือใช้อะไรขัดผิว แค่มือถูก็พอ
-เลี่ยงการอาบน้ำร้อน เพราะอาจทำให้หมึกสีบริเวณรอยสักจางลงได้
2️⃣เปลี่ยนจาก #ยาฆ่าเชื้อ เป็น #ครีม หรือ น้ำมันทาตัวได้
❌ห้ามใช้ไวทเทนนิ่ง
❌ไม่ผสมน้ำหอมและแอลกอฮอล์
ทาเท่าเดิมวันละ 2-3 ครั้ง
เพราะถึงแผลจะดูแห้งแต่ข้างในยังพังอยู่จงทาความชุ่มชื้นต่อไป
📌ข้อมูลเพิ่มเติม📌
ใช้ครีมหรือน้ำมันสูตรสำหรับทาแก้ท้องลายของคุณแม่ตั้งครรภ์ก็ได้
เพราะให้ความชุ่มชื้นดี ซึมไว เคลือบผิวได้ดี
สู๖รอ่อนโยนและไม่แพงมาก
หรือจะใช้ Facial oil / Body oil ที่ซึมไวๆก็ได้
เพราะเคลือบผิวดี ให้ความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่มด้วย
แต่ถ้ากลัวว่าจะมันเลอะเสื้อผ้าก็ครีมของคุณแม่ค่า
3️⃣วีคนี้จะเริ่มคันมากๆๆ
ห้ามเกาเด็ดขาด
ถ้าคันให้ทาครีม
📌แต่ถ้าบวมให้ไปหาหมอเพราะติดเชื้อ📌
4️⃣ถ้าแผลเริ่มแห้ง ใส่เสื้อแขนยาวได้
- แต่ลองเอามาส่องแสงไฟหน่อยว่า แสงทะลุรึเปล่า
ถ้าทะลุก็อย่าใส่เลย ไม่ได้ช่วยกันแสงเลย
- ถ้าเอาชัวร์เลือกเสื้อที่มีค่า UPF (Ultraviolet Protection Factor) 30 ขึ้น
- ระวังเสื้อต้องไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อป้องกันการเสียดสีกับรอยสัก
5️⃣ถึงจะใส่แขนยาวก็ควรทากันแดด (ถ้าแผลเริ่มแห้งและทาได้)
-โดยทากันแดดแบบ physical ที่เนื้อไม่หนืดมากนัก
-ไม่จำเป็นต้องใช้สูตร water resistant ในช่วงนี้
เพราะไม่ได้ออกกำลังกายเหงื่อแตกอยู่แล้ว
6️⃣ใกล้ๆครบเดือน สะเก็ดแผลจะเริ่มหลุดออกไปจนหมด
อาจจะมีเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วเหลือๆอยู่บ้าง
แต่เดี๋ยวก็ลอกไปเอง
7️⃣ผิวก็อาจจะหมองๆบ้าง เป็นเรื่องปกติ
เพราะผิวเป็นแผล ร่างกายก็กระตุ้นการสร้างเมลานินมาปกป้องผิว
แต่ถ้ายังทาครีม ทากันแดด เลี่ยงแดดอยู่มันก็จะไม่คล้ำมาก
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
9️⃣ การดูแลระยะยาว (เดือนที่ 2เป็นต้นไปเมื่อแผลแห้งสนิท)
.
1️⃣ทาครีมบำรุงผิวและกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
-ครีมบำรุงผิว เลือกใช้ได้ตามปกติ แบรนด์อะไรก็ได้
จะผสมน้ำหอมก็ได้ จะไวท์เทนนิ่งได้
แต่ไม่ควรผสมแอลกอฮอล์
-กันแดด
1.วันธรรมดาทั่วไปเลือก Physical หรือ Chemical ก็ได้
แต่เน้น broad spectrum SPF50+
2.ถ้าออกกลางแจ้งแดดจัด extreme ใช้แบบ water resistant ไปเลย
2️⃣เลี่ยงแดดได้ให้เลี่ยง ใส่เสื้อแขนยาวได้ให้ใส่
เพราะสีทาบ้านยังซีดได้ สีบนตัวก็ซีดได้
3️⃣ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อคงความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง
4️⃣รักษาความสะอาดบริเวณที่สักอยู่เสมอ
ด้วยการล้างทำความสะอาดรอยสักเบา ๆ
ด้วยสบู่ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม
5️⃣ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป
เพราะอาจทำให้รอยสักขยายออกหรือแฟบลง
ไม่งั้นลายเสือเท่ห์ๆจะกลายเป็นเสื้อจ้ำม่ำหรือเสือผอมๆ
6️⃣ถ้าผิวตรงที่สักมีปัญหาหรือสีเพี้ยนหาหมอผิวหนังเลย
7️⃣ถ้าสักสีแดงแล้วแพ้เป็นผื่น ลอก บวม มีตุ่มสีให้รีบหาหมอ เป็นการแพ้สีแดงโดยเฉพาะ (เกิดช้าหรือเร็วแล้วแต่คน บางคนอาจะ 10ปี+)
8️⃣ถ้าต้องตรวจสุขภาพ ก็ให้ระวัง MRI Burn
(อันนี้เกิดได้กับการสักคิ้วสักปากด้วยนะ)
9️⃣ถ้าวันไหนอยากลบรอยสักออกลองปรึกษาหมอผิวหนัง
เพราะสารที่ใช้เอาออกเป้นกรด อาจทำให้ผิวหนังเสียถาวร
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
🔟 หากวันนี้ตัดสนใจสักแล้ว
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายมาดเข้มแค่ไหน หรือเป็นสาวใสน่ารัก
แต่เมื่อสักแล้วอย่าได้แคร์สายตา และคำพูดคนอื่น
ในยุคนี้ก็ยังมีคนไม่เข้าใจศิลปะและความหมายของการสักอยู่อีกมาก
จงรักและดูแลรอยสักให้ดี
ถ้าไม่แคร์คำพูดและสายตาได้แล้ว
📌ก็อย่าเขิลที่จะดูแลผิวมากกว่าปกติ📌
พยายามทาครีม ทากันแดด หลบแดด
เพื่อรักษารอยสักของคุณให้สวยสดติดตัวไปตลอดนะคะ
#เพราะรักจึงบอก
#เภสัชกรรัก
❤️รวม 10 เรื่องดูแลรอยสัก ให้สวยสดถาวรแบบเภสัชกร❤️
เพราะค่านิยมการสักตอนนี้กับในอดีตต่างกันมากๆๆ
การสักเพื่อฝัง meaning หรือคุณค่าให้ติดตัวเราตลอดไปเริ่มเยอะขึ้น
เทคโนโลยีการสักก็ดีขึ้น
แนวการสักก็หลากหลายมากขึ้น
มีทั้งเท่ห์ ๆ สีสันน่ารัก และแบบมินิมอล
รวมไปถึงการสักเพื่อ beauty
อย่าง permanent make up
การสักคิ้ว สักปากให้หน้าสดยังสวย
ทำให้วัยรุ่นเริ่มหันมาสักกันมากขึ้น
แต่นอกจากจะ หาลาย หาตำแหน่งสัก หาช่างสัก
สิ่งที่ต้องรู้คือ
📌การดูแลหลังสักให้รอยสักยังสวยสด ไม่ซีด ไม่คัน และไม่ติดเชื้อ!!!📌
วันนี้รักจะมาตีแผ่การดูแลผิวหลังสัก
ให้สาวๆหนุ่มๆที่อยากสักได้ดูแลผิวกันอย่างถูกต้องนะคะ
(บทความนี้เน้นการสักบริเวณกว้างๆ
ลายเล็กๆมินิมอล(อาจจะ)ลดความเจ้มจ้นในการทำได้บ้างน้า ^^)
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
1️⃣ การสักคืออะไร?
คือการทำรูปทำลายด้วยสีต่างๆลงผิวเราแบบถาวร
โดยใช้เข็มปลายๆเล็กๆ กลไกคล้ายสว่านเจาะลงชั้นหนังแท้ (Dermis)
แล้วหยดฝังสีลงไปทีละจุดๆจนเป็นลายขึ้นมา
ซึ่งจะไปกระตุ้นกลไกการอักเสบและ wound healing
ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาว (Macrophage)
แห่มาเอาหมึกไปทำลายที่ต่อมน้ำเหลือง
เพราะถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทั้งหมด
เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ไม่ได้กลับที่ต่อมน้ำเหลือง
ก็จะคาอยู่ในผิวทำให้เราเห็นเป็นลายๆอย่างที่เราต้องการ
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
2️⃣ ทำไมต้องสักลงไปในชั้นหนังแท้ สักแค่ชั้นหนังกำพร้าไม่ได้หรอ
❌คำตอบคือไม่ได้ ❌
เพราะหนังกำพร้ามีรอบการผลัดเซลล์ผิว 28-54 วัน
ถ้าคิดง่ายๆเอาเร็วสุดแค่รอบ 28 วัน
แปลว่าไม่ทันครบรอบเต็ม
แค่ใช้เวลา 2 อาทิตย์ลายก็หายไปเกือบครึ่งแล้ว
ถ้าอยากให้รอยสักอยู่ถาวรตรงตามคอนเซปต์
ก็ต้องลงหนังแท้เท่านั้น (จะมีคอลลาเจน หลอดเลือดต่างๆ)
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
3️⃣ ถ้างั้นการสักก็ทำให้เกิดแผลเป็นบนผิวหนัง แต่เป็นแผลที่สวยใช่มั้ย
✅ใช่ค่ะ
โดยหนังกำพร้าจะถูกทำลายเกือบหมด (ตามลายที่เราทำ )
ยิ่งตรงไหนสีเข้ม ก็จะยิ่งเจาะลึก
สีอ่อนก็อาจจะเจาะลงไปตื้นๆหน่อย
📌แต่ถึงหนังแท้หมดแน่นอน 📌
ทำให้สักเสร็จก็จะปวดและมีเลือดออกบ้าง
และเป็นแผลคล้ายๆกับเราล้มถลอก
แต่แค่แผลเปิดรอบนี้ลายสวยแค่นั้นเอง
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
4️⃣ เมื่อการสักก็คือการเกิดแผลเปิดที่ลายสวยกว่าปกติ
แปลว่าต้องดูแลมากกว่าปกติ เพราะ
🔸ความสวยนี้ทำให้เกิดการติดเชื้อได้
🔸ร่างกายสามารถ recovery ได้ แต่ใช้เวลาและการดูแลผิวที่ดีมากๆ
🔸การ recovery ที่ดีต้องไม่ทำให้สีซีดลง หรือลายหลุด
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
5️⃣ ดังนั้น คนที่จะสักให้สีสวยติดทน ให้ meaning อยู่กับเราไปได้นานๆ
❤️ต้องใจรักรอยสักมาก และมีวินัยในการดูแลผิวดีมากๆ
เพราะหลังจากนี้จะเป็นวิธีการดูแลรอยสัก
ข้อควรระวัง ข้อห้ามทั้งหมดที่ต้องใช้ในการดูแลรอยสักค่า^^
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
6️⃣ Day0 - หลักสักเสร็จทันที
🔸ตั้งใจฟังที่คนสักบรีฟก่อนกลับบ้าน ว่าให้เราทำอะไรบ้าง
เปิดแผลเมื่อไหร่ ล้างแผลยังไง ทาครีมอะไรบ้าง
🔸สิ่งที่เค้าพูดจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลรอยสัก
จำให้ได้ จำไม่ได้ให้จด !!
🔸สิ่งที่ควรรู้
แผลจะหายช้าหรือเร็วขึ้นกับ
การ recovery ของแต่ละคน
ลายและ detail ที่สัก +ขนาดลายด้วย
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
7️⃣ Week 1 (วันที่ 1-7)
1️⃣ อาบน้ำระวังอย่าให้แผลเปียกมากนัก
2️⃣ ล้างแผล
♦️ ล้างมือให้สะอาดก่อนล้างแผล
♦️ เปิดผ้าพันแผลออก
อาจมีของเหลวอย่างเลือด พลาสมา น้ำเหลือง
หรือหมึกสีที่ใช้สักไหลซึมออกมาจากแผลซึ่งเป็นเรื่องปกติ
อาจมีอาการเจ็บปวดและมีรอยแดงบริเวณรอยสักด้วย
♦️ ล้างแผล ด้วยน้ำอุ่นและสบู่ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม 1-2 ครั้ง/วัน
อย่าเกินนี้ เพราะแผลจะชื้นและติดเชื้อง่าย และสีจะหลุดง่ายไปด้วย
♦️ เทคนิดการล้างแผลคือ
อย่าเปิดน้ำลงแผลตรงๆแค่ใช้น้ำผ่านแผลก็พอ
แล้วก็อย่าเอาแผลแช่น้ำด้วย
♦️ ซับแผลให้แห้ง ย้ำว่าซับ ไม่ใช่เช็ด
โดยใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม ทิชชู่พอได้แต่ระวังขุยกระดาษติดแผล
.
3️⃣ ทายาผสมยาฆ่าเชื้อ วันละ 2-3 ครั้ง
♦️ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฆ่าเชื้อในตัวทำให้แผลแห้งเร็ว
📌ข้อมูลเพิ่มเติม📌
อาจจะมีหลายคนแนะนำ Vaseline ว่าดี
♦️ ถือเป็นการปิดแผลในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าการใช้ผ้าปิดแผล
เพราะอากาศยังผ่านได้บ้าง
♦️ ให้ความชุ่มชื้นและเคลือบผิวได้ในตัว
♦️ สูตรอ่อนโยนไม่มีน้ำ ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์
ไม่มีอะไรที่ก่อการแพ้ หรือมี water activity ให้เกิดการติดเชื้อได้เลย
แต่เหนียวและมันขนาดนั้นทาไม่ไหวอยู่ไม่ไหวหรอกจ้าาาาา
❌อย่าหาทำเลย❌
4️⃣ อย่าเพิ่งใส่เสื้อแขนยาวช่วงนี้ เพราะจะเสียดสีรอยแผลได้
5️⃣ ตอนนอนาหาผ้านุ่มมาปูอีกที
เพื่อรองน้ำจากแผลและสีหมึกส่วนเกินที่อาจจะเลอะเตียง
6️⃣เลี่ยงแดดแต่ยังไม่ต้องทากันแดด
เลี่ยงแดดเพราะแผลยังสดมาก
แดดจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวมากขึ้น
❌ยังไม่ต้องทากันแดด❌
ไม่ต้องทาอะไรเลย
แม้ว่าจะเป็น physical sunscreen สูตรแพ้ง่ายก็ตาม
เพราะตอนนี้โอกาสแพ้สูงมาก
และเนื้อ Physical ทั้งเหนียวขาวและวอกมาก
ในความเป็นจริงมันจะค่อนข้างฝืดผิวมาก
ส่วน Chemical sunscreen หรือ สูตร Hybrid
ยิ่งไม่ควรใช้เพราะ Chemical sunscreen
ผิวปกติบางคนยังแพ้
ผิวเป็นแผลไม่ต้องพูดถึง!!
7️⃣ช่วงวันหลังๆแผลจะจะเริ่มแห้ง ห้ามแคะ แกะ เกา เด็ดขาด
8️⃣อย่าเพิ่งออกกำลัง เพราะเหงื่อทำให้แผลหายช้า
9️⃣ว่ายน้ำก็ไม่ได้ คลอรีนจะกัดผิว และห้ามแช่น้ำด้วย
🔟 ดื่มน้ำมากๆ
เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายใน
ให้ผิวกลับมาทำงานได้ตามปกติโดยไว
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
8️⃣ Week 2-4 (วันที่ 8-30) ทำเหมือนเดิมที่เพิ่มเติมคือ
1️⃣อาบน้ำแผลเริ่มโดนน้ำได้บ้าง แต่
-ห้ามสครับหรือใช้อะไรขัดผิว แค่มือถูก็พอ
-เลี่ยงการอาบน้ำร้อน เพราะอาจทำให้หมึกสีบริเวณรอยสักจางลงได้
2️⃣เปลี่ยนจาก #ยาฆ่าเชื้อ เป็น #ครีม หรือ น้ำมันทาตัวได้
❌ห้ามใช้ไวทเทนนิ่ง
❌ไม่ผสมน้ำหอมและแอลกอฮอล์
ทาเท่าเดิมวันละ 2-3 ครั้ง
เพราะถึงแผลจะดูแห้งแต่ข้างในยังพังอยู่จงทาความชุ่มชื้นต่อไป
📌ข้อมูลเพิ่มเติม📌
ใช้ครีมหรือน้ำมันสูตรสำหรับทาแก้ท้องลายของคุณแม่ตั้งครรภ์ก็ได้
เพราะให้ความชุ่มชื้นดี ซึมไว เคลือบผิวได้ดี
สู๖รอ่อนโยนและไม่แพงมาก
หรือจะใช้ Facial oil / Body oil ที่ซึมไวๆก็ได้
เพราะเคลือบผิวดี ให้ความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่มด้วย
แต่ถ้ากลัวว่าจะมันเลอะเสื้อผ้าก็ครีมของคุณแม่ค่า
3️⃣วีคนี้จะเริ่มคันมากๆๆ
ห้ามเกาเด็ดขาด
ถ้าคันให้ทาครีม
📌แต่ถ้าบวมให้ไปหาหมอเพราะติดเชื้อ📌
4️⃣ถ้าแผลเริ่มแห้ง ใส่เสื้อแขนยาวได้
- แต่ลองเอามาส่องแสงไฟหน่อยว่า แสงทะลุรึเปล่า
ถ้าทะลุก็อย่าใส่เลย ไม่ได้ช่วยกันแสงเลย
- ถ้าเอาชัวร์เลือกเสื้อที่มีค่า UPF (Ultraviolet Protection Factor) 30 ขึ้น
- ระวังเสื้อต้องไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อป้องกันการเสียดสีกับรอยสัก
5️⃣ถึงจะใส่แขนยาวก็ควรทากันแดด (ถ้าแผลเริ่มแห้งและทาได้)
-โดยทากันแดดแบบ physical ที่เนื้อไม่หนืดมากนัก
-ไม่จำเป็นต้องใช้สูตร water resistant ในช่วงนี้
เพราะไม่ได้ออกกำลังกายเหงื่อแตกอยู่แล้ว
6️⃣ใกล้ๆครบเดือน สะเก็ดแผลจะเริ่มหลุดออกไปจนหมด
อาจจะมีเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วเหลือๆอยู่บ้าง
แต่เดี๋ยวก็ลอกไปเอง
7️⃣ผิวก็อาจจะหมองๆบ้าง เป็นเรื่องปกติ
เพราะผิวเป็นแผล ร่างกายก็กระตุ้นการสร้างเมลานินมาปกป้องผิว
แต่ถ้ายังทาครีม ทากันแดด เลี่ยงแดดอยู่มันก็จะไม่คล้ำมาก
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
9️⃣ การดูแลระยะยาว (เดือนที่ 2เป็นต้นไปเมื่อแผลแห้งสนิท)
.
1️⃣ทาครีมบำรุงผิวและกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
-ครีมบำรุงผิว เลือกใช้ได้ตามปกติ แบรนด์อะไรก็ได้
จะผสมน้ำหอมก็ได้ จะไวท์เทนนิ่งได้
แต่ไม่ควรผสมแอลกอฮอล์
-กันแดด
1.วันธรรมดาทั่วไปเลือก Physical หรือ Chemical ก็ได้
แต่เน้น broad spectrum SPF50+
2.ถ้าออกกลางแจ้งแดดจัด extreme ใช้แบบ water resistant ไปเลย
2️⃣เลี่ยงแดดได้ให้เลี่ยง ใส่เสื้อแขนยาวได้ให้ใส่
เพราะสีทาบ้านยังซีดได้ สีบนตัวก็ซีดได้
3️⃣ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อคงความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง
4️⃣รักษาความสะอาดบริเวณที่สักอยู่เสมอ
ด้วยการล้างทำความสะอาดรอยสักเบา ๆ
ด้วยสบู่ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม
5️⃣ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป
เพราะอาจทำให้รอยสักขยายออกหรือแฟบลง
ไม่งั้นลายเสือเท่ห์ๆจะกลายเป็นเสื้อจ้ำม่ำหรือเสือผอมๆ
6️⃣ถ้าผิวตรงที่สักมีปัญหาหรือสีเพี้ยนหาหมอผิวหนังเลย
7️⃣ถ้าสักสีแดงแล้วแพ้เป็นผื่น ลอก บวม มีตุ่มสีให้รีบหาหมอ เป็นการแพ้สีแดงโดยเฉพาะ (เกิดช้าหรือเร็วแล้วแต่คน บางคนอาจะ 10ปี+)
8️⃣ถ้าต้องตรวจสุขภาพ ก็ให้ระวัง MRI Burn
(อันนี้เกิดได้กับการสักคิ้วสักปากด้วยนะ)
9️⃣ถ้าวันไหนอยากลบรอยสักออกลองปรึกษาหมอผิวหนัง
เพราะสารที่ใช้เอาออกเป้นกรด อาจทำให้ผิวหนังเสียถาวร
❤️🧡💛💚💙💜🖤🤎🤍
🔟 หากวันนี้ตัดสนใจสักแล้ว
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายมาดเข้มแค่ไหน หรือเป็นสาวใสน่ารัก
แต่เมื่อสักแล้วอย่าได้แคร์สายตา และคำพูดคนอื่น
ในยุคนี้ก็ยังมีคนไม่เข้าใจศิลปะและความหมายของการสักอยู่อีกมาก
จงรักและดูแลรอยสักให้ดี
ถ้าไม่แคร์คำพูดและสายตาได้แล้ว
📌ก็อย่าเขิลที่จะดูแลผิวมากกว่าปกติ📌
พยายามทาครีม ทากันแดด หลบแดด
เพื่อรักษารอยสักของคุณให้สวยสดติดตัวไปตลอดนะคะ
#เพราะรักจึงบอก
#เภสัชกรรัก