CW Leonis : หนึ่งในดาวคาร์บอนที่มีชื่อเสียงและอยู่ใกล้โลกที่สุด




กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลของ NASA/ESA ฉลองวันฮัลโลวีนในปีนี้ ของดาวคาร์บอน CW Leonis ที่โดดเด่น
ซึ่งคล้ายกับดวงตาสีส้มที่ดูอ่อนล้ากำลังจ้องมองจากด้านหลังม่านควัน
 Cr. ESA / Hubble & NASA, T. Ueta, H. Kim


NASA และ ESA ใช้งานกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลมาเป็นเวลานานแล้ว พวกเขามีประวัติอันยาวนานในการแบ่งปันภาพพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองวันหยุด
ในวันฮัลโลวีนที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ESA ได้ฉลองวันฮาโลวีนในปีนี้ด้วยการสังเกตการณ์ที่โดดเด่น โดยได้แบ่งปันภาพของดาวคาร์บอน
CW Leonis ที่เป็นเหมือนดาวเรืองแสงสีส้มเข้ม สีเขียว และสีเหลือง

สำหรับนักดาราศาสตร์  CW Leonis เป็นหนึ่งในดาวที่โด่งดังที่สุดบนท้องฟ้า ที่รู้จักกันในชื่อ CW Leo, IRC +10216 หรือ RAFGL 1381 และ LEDA 1427054 เป็นดาวยักษ์แดงที่ประกอบด้วยคาร์บอนเป็นหลัก เป็นดาวประเภท Carbon Star ที่มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ถึง 500 เท่า อยู่ห่างจากโลกประมาณ 400 ปีแสงในกลุ่มดาวราศีสิงห์

ดาวถูกค้นพบโดยกลุ่มนักดาราศาสตร์ที่นำโดย Eric Becklin ในปี 1969 จากการสังเกตการณ์อินฟราเรดด้วยกล้องโทรทรรศน์อินฟราเรด Caltech ขนาด 62 นิ้ว (1.6 เมตร) ที่หอดูดาว Mount Wilson (California) ต่อมาในปี 2001 เมื่อนักดาราศาสตร์ใช้ดาวเทียมดาราศาสตร์คลื่น Submillimeter Wave Astronomy (SWAS) ค้นพบเมฆไอน้ำที่ไม่คาดคิดรอบๆ ดาวฤกษ์ CW Leonis  พวกเขาก็เริ่มมองหาแหล่งที่มาทันทีตั้งแต่นั้นมา

นักดาราศาสตร์คาดว่า CW Leonis จะใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของชีวิตและอาจกลายเป็นดาวแคระขาวในอนาคตอันไกลโพ้น และนี่คือตัวอย่างคลาสสิกของดาว
ที่กำลังจะตาย ที่ฝังอยู่ในใจกลางของเมฆ ก๊าซ และฝุ่น ที่สร้างขึ้นเมื่อชั้นนอกของดาวฤกษ์ถูกโยนออกสู่อวกาศ โดยสีส้มแดงมาจากกลุ่มฝุ่นหนาทึบที่มีบรรยากาศที่อุดมด้วยคาร์บอน แม้ว่ากล้อง SPIRE และ PACS ไม่สามารถมองเห็นดาวคาร์บอนยักษ์แดงนี้ได้ เพราะมันสว่างเกินไป แต่ตอนนี้มันกำลังขับวัสดุออกมาในสายลมที่แรงของดาวฤกษ์


เปลือกก๊าซที่อุดมด้วยคาร์บอนของดาวดวงนี้มีอายุอย่างน้อย 69,000 ปี
ตรวจพบองค์ประกอบทางเคมีต่างๆ ประมาณ 50 โมเลกุล รวมทั้งไนโตรเจน ออกซิเจน และน้ำ
เช่นเดียวกับซิลิกอนและเหล็กในกระแสที่ไหลออกจาก CW Leonis


นักดาราศาสตร์ฮับเบิลกล่าวว่า CW Leonis เป็นดาวฤกษ์มวลน้อยถึงมวลปานกลาง เมื่อดาวประเภทนี้กินเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในแกนกลางของพวกมันจนหมด แรงดันภายนอกที่รักษาสมดุลแรงโน้มถ่วงภายในแกนของพวกมันจะตกลงมาจนหมดสมดุล ทำให้ดาวฤกษ์เริ่มยุบตัว ในขณะที่แกนกลางยุบตัว เปลือกพลาสมารอบๆ แกนกลางจะร้อนขึ้นและเริ่มหลอมรวมไฮโดรเจน จนทำให้เกิดความร้อนสูงพอที่จะขยายชั้นนอกของดาวฤกษ์ออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มันกลายเป็นดาวยักษ์แดง 

ESA ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า โดยปกติดวงดาวในช่วงชีวิตนั้นจะปล่อยก๊าซและฝุ่นจำนวนมหาศาลออกไปสู่อวกาศ ในที่สุดก็จะทิ้งชั้นนอกของพวกมันจนหมด แต่ในกรณีของ CWLeonis กระบวนการนี้ได้ล้อมรอบดาวฤกษ์ด้วยฝุ่นเขม่าที่หนาแน่นเป็นเหมือนม่านควันไฟ และโทนสีส้ม สีเหลือง สีเขียวที่สดใส ก็ดูน่าขนลุกทำให้เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลองในวันฮาโลวีนที่ผ่านมา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พยายามจะเรียนรู้เกี่ยวกับมันให้มากขึ้น

แม้ว่าการสังเกตเหล่านี้จะสร้างภาพที่โดดเด่น ซึ่งเดิมสร้างขึ้นเพื่อตอบคำถามทางวิทยาศาสตร์ในฐานะที่เป็นดาวคาร์บอนที่อยู่ใกล้โลกที่สุด CW Leonis  เปิดโอกาสให้นักดาราศาสตร์เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างดาวฤกษ์กับเปลือกก๊าซโดยรอบ  นี่เป็นวัตถุที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่จะศึกษา เนื่องจากสิ่งห่อหุ้มของ CW Leonis ค่อนข้างจะปั่นป่วนจากโครงสร้างภายในที่ซับซ้อน ซึ่งนักดาราศาสตร์เชื่อว่าอาจก่อตัวขึ้นโดยดาวที่อยู่ใกล้เคียง

แผนที่ที่ตั้งของ CW Leonis ใน Leo

ข้อสังเกตที่น่าสนใจที่สุดประการหนึ่งเกี่ยวกับ CW Leonis คือลำแสงสว่างที่แผ่ออกไปด้านนอกได้เปลี่ยนความสว่างในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ อย่างไม่น่าเชื่อในแง่ดาราศาสตร์ นักดาราศาสตร์เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงความสว่างของลำแสงเกิดจากช่องว่างในฝุ่นที่อยู่รอบๆ ดาวฤกษ์ ทำให้ฝุ่นเหล่านี้ทะลุผ่านและส่องออกไปไกลขึ้น อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนและยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดความสว่างจึงเปลี่ยนไป 

ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา การสังเกตการณ์โดยละเอียดของฮับเบิลเกี่ยวกับ CW Leonis ยังแสดงให้เห็นการขยายตัวของเกลียวคล้ายวงแหวนของ
วัสดุที่พุ่งออกมารอบๆ ดาวฤกษ์ ซึ่งเป็นชั้นนอกของ CW Leonis และภาพบนสุดได้จากการสังเกตที่รวบรวมได้ในปี 2011 และ 2016 โดยหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตของฮับเบิล นั่นคือกล้อง Wide Field Camera 3 CW Leonis

ทั้งนี้ CW Leonis อยู่ห่างจากระบบสุริยะของเราประมาณ 310.00 ปีแสง (โลกและดวงอาทิตย์) หากจะไปที่นั่นต้องใช้ยานพาหนะที่เดินทางด้วยความเร็วแสงเพราะต้องใช้เวลาถึง 310 ปี  ซึ่งตอนนี้เรายังไม่มียานอวกาศที่สามารถเดินทางในระยะทางนั้นหรือด้วยความเร็วนั้นได้

 
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ภาพเคลื่อนไหวนี้วนไปมาเป็นเวลาประมาณ 3 ปีของภาพเหลื่อมเวลา (time-lapse images) แสดงการเคลื่อนที่ของกระจุกดาวและกลุ่มฝุ่น
ซึ่งร้อนแรงในบริเวณใกล้ดาวฤกษ์ตัวเอง เมื่อฝุ่นออกจากดาวฤกษ์จนหมด ในที่สุดมันก็จะสลายไปในดาราจักร และหาทางเข้าไปในกลุ่มเมฆก้อนใหญ่
ซึ่งอาจสลายตัวอีกครั้งเพื่อก่อตัวเป็นดาวฤกษ์รุ่นใหม่



(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่