Dune - (9/10)
______________________________________________
.
"ผลงานระดับมาซเตอร์พีซอีกหนึ่งเรื่องของ Denis Villeneuve"

*แนะนำว่าควรดูในโรง imax ได้ยิ่งดี*
.
เมื่อได้ยินถึงชื่อผกก. Denis Villeneuve แล้วนั้น ตอนแรกก็กังวลว่า Dune 2021 จะออกมาเป็นหนังเนิบๆช้าๆค่อยๆไต่ระดับแบบ bladerunner 2049 มั้ย จริงๆชอบผลงานแกหมดทุกเรื่องนะ โดยเฉพาะ Sicario และ Bladerunner 2049 แต่ที่ห่วงเพราะคนดูส่วนใหญ่เกลียดหนังแนวนี้ หนังที่เข้าใจยากและช้า แต่ต้องเซอรไพรส์เลยทีเดียวว่า Dune กลับดำเนินเรื่องได้เร็ว กระชับ และน่าตื่นเต้น ดูมีความแมสมากขึ้นในการกำกับหนังเรื่องนี้
.
Dune นั้นเล่าถึงเรื่องราวของชีวิตมนุษย์ในอนาคตหลังจากการปลดแอกตนเองจาก A.I. หรือปัญญาประดิษฐ์ที่ตนเองสร้างขึ้นมา ซึ่งผู้คนได้ละทิ้งโลกมาเป็นเวลานานแล้ว แต่จะแบ่งปกครองเป็นดวงดาวกันไป โดยจะมีตระกูลทั้ง 4 ที่ขึ้นตรงแก่มหาจักรพรรดิ ซึ่ง พระเอกของเรานั้นก็เป็นบุตรของตระกูลอะทรีดีส ซึ่งจะต้องมารับช่วงต่อปกครองดาวอาแรคคิส จากตระกูลฮาโคแนน ภายใต้คำสั่งของท่านจักรพรรดิ โดยสิ่งสำคัญที่อยู่บนดาวอาแรคคิสนั้นก็คือ spice เป็นสสารสำคัญที่ใช้ในการเดินทางข้ามดวงดาว และเป็นเสมือนแหล่งทองคำของจักรวาล คำถามคือเพราะเหตุใดจักรพรรดิถึงตัดสินใจให้ตระกูลของพระเอกมาปกครองแทน ?
.
ปัญหาทางด้านการเมืองและชนวนสงครามเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในเรื่องนี้ เพราะคงพูดได้ว่า Game of Thrones ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก Dune ในฉบับนวนิยาย ดังนั้นเราก็คงพูดได้ว่าจริงๆแล้ว GoT นั้นก็คือ Dune ในสมัยยุคกลางบนโลก ปมปัญหาการขัดแย้งต่างๆ การวางแผน รวมไปถึงการเข้าใจสถานการณ์ทางการเมือง House Atreides และ House Harkonen มีลักษณะปมขัดแย้งที่เหมือนกับ House Stark และ House Lannister รวมไปถึงอิทธิพลภายใต้หลังม่านของศาสนาหรือลัทธิ
.
ด้วยปมต่างๆที่ในฉบับหนังได้ปูทางเอาไว้ ก็ตั้งตารอดูภาค 2 ทันทีที่หนังจบ เพราะเรายังรู้สึกว่ายังอยากค้นหาเบื้องลึกหรือเส้นทางต่อไปของตัวละครต่างๆ และการปรากฏตัวของเหล่าอาณาจักรที่เหลือ เป็นการทำปฐมบทที่น่าปรบมือมากๆ เพราะนอกจากผกก.จะต้องแบกรับความยากในการดัดแปลงจากนิยายมาสู่หนังแล้วนั้น ยังต้องแบกรับความกดดันจากการที่ Dune นั้นเคยล้มเหลวในการดัดแปลงสู่จอภาพยนตร์มาก่อน รวมถึงจะทำภาคปฐมบทอย่างไรให้ทำเงินได้และในทางเดียวกันก็ต้องลึกซึ้งและเคารพต้อนฉบับที่มีความยาวถึง 6 เล่ม การแบ่งเนื้อเรื่องให้ลงตัวเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
.
ในส่วนของภาพและดนตรีประกอบ ต้องขอบอกเลยว่า Dune ต้องได้เข้าชิงเพลงประกอบและงานถ่ายภาพยอดเยี่ยมแน่นอน จึงอยากแนะนำให้ทุกคนไปดูในโรงเพราะ มันจะกลืนคุณไปสู่บรรยากาศดาว ประหนึ่งคุณได้ไปผจญภัยไปพร้อมกับตัวละครในเรื่องเลย บวกกับเพลงประกอบที่สร้างบรรยากาศให้เราเชื่อจริงๆว่าเราได้อยู่ในวัฒนธรรมของโลกอนาคตในแบบฉบับของ Dune การแต่งกาย ภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชาติพันธุ์คือออกแบบมาอย่างละเอียด
.
ฉากแอคชั่นก็ถือว่ามีมาอย่างเหมาะสม ไม่เยอะจนเกินไป ให้ความลุ้นได้เสมอ เพราะหนังจะหนักไปในเชิงการเล่าเรื่องเสียมากกว่า โดยรวมแล้วนี่คือหนึ่งในหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปีนี้เลย
สามารถติดตามรีวิวต่อได้ที่เพจ facebook: โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable
[CR] Dune (9/10) - "ผลงานระดับมาซเตอร์พีซอีกหนึ่งเรื่องของ Denis Villeneuve"
______________________________________________
.
"ผลงานระดับมาซเตอร์พีซอีกหนึ่งเรื่องของ Denis Villeneuve"
*แนะนำว่าควรดูในโรง imax ได้ยิ่งดี*
.
เมื่อได้ยินถึงชื่อผกก. Denis Villeneuve แล้วนั้น ตอนแรกก็กังวลว่า Dune 2021 จะออกมาเป็นหนังเนิบๆช้าๆค่อยๆไต่ระดับแบบ bladerunner 2049 มั้ย จริงๆชอบผลงานแกหมดทุกเรื่องนะ โดยเฉพาะ Sicario และ Bladerunner 2049 แต่ที่ห่วงเพราะคนดูส่วนใหญ่เกลียดหนังแนวนี้ หนังที่เข้าใจยากและช้า แต่ต้องเซอรไพรส์เลยทีเดียวว่า Dune กลับดำเนินเรื่องได้เร็ว กระชับ และน่าตื่นเต้น ดูมีความแมสมากขึ้นในการกำกับหนังเรื่องนี้
.
Dune นั้นเล่าถึงเรื่องราวของชีวิตมนุษย์ในอนาคตหลังจากการปลดแอกตนเองจาก A.I. หรือปัญญาประดิษฐ์ที่ตนเองสร้างขึ้นมา ซึ่งผู้คนได้ละทิ้งโลกมาเป็นเวลานานแล้ว แต่จะแบ่งปกครองเป็นดวงดาวกันไป โดยจะมีตระกูลทั้ง 4 ที่ขึ้นตรงแก่มหาจักรพรรดิ ซึ่ง พระเอกของเรานั้นก็เป็นบุตรของตระกูลอะทรีดีส ซึ่งจะต้องมารับช่วงต่อปกครองดาวอาแรคคิส จากตระกูลฮาโคแนน ภายใต้คำสั่งของท่านจักรพรรดิ โดยสิ่งสำคัญที่อยู่บนดาวอาแรคคิสนั้นก็คือ spice เป็นสสารสำคัญที่ใช้ในการเดินทางข้ามดวงดาว และเป็นเสมือนแหล่งทองคำของจักรวาล คำถามคือเพราะเหตุใดจักรพรรดิถึงตัดสินใจให้ตระกูลของพระเอกมาปกครองแทน ?
.
ปัญหาทางด้านการเมืองและชนวนสงครามเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในเรื่องนี้ เพราะคงพูดได้ว่า Game of Thrones ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก Dune ในฉบับนวนิยาย ดังนั้นเราก็คงพูดได้ว่าจริงๆแล้ว GoT นั้นก็คือ Dune ในสมัยยุคกลางบนโลก ปมปัญหาการขัดแย้งต่างๆ การวางแผน รวมไปถึงการเข้าใจสถานการณ์ทางการเมือง House Atreides และ House Harkonen มีลักษณะปมขัดแย้งที่เหมือนกับ House Stark และ House Lannister รวมไปถึงอิทธิพลภายใต้หลังม่านของศาสนาหรือลัทธิ
.
ด้วยปมต่างๆที่ในฉบับหนังได้ปูทางเอาไว้ ก็ตั้งตารอดูภาค 2 ทันทีที่หนังจบ เพราะเรายังรู้สึกว่ายังอยากค้นหาเบื้องลึกหรือเส้นทางต่อไปของตัวละครต่างๆ และการปรากฏตัวของเหล่าอาณาจักรที่เหลือ เป็นการทำปฐมบทที่น่าปรบมือมากๆ เพราะนอกจากผกก.จะต้องแบกรับความยากในการดัดแปลงจากนิยายมาสู่หนังแล้วนั้น ยังต้องแบกรับความกดดันจากการที่ Dune นั้นเคยล้มเหลวในการดัดแปลงสู่จอภาพยนตร์มาก่อน รวมถึงจะทำภาคปฐมบทอย่างไรให้ทำเงินได้และในทางเดียวกันก็ต้องลึกซึ้งและเคารพต้อนฉบับที่มีความยาวถึง 6 เล่ม การแบ่งเนื้อเรื่องให้ลงตัวเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
.
ในส่วนของภาพและดนตรีประกอบ ต้องขอบอกเลยว่า Dune ต้องได้เข้าชิงเพลงประกอบและงานถ่ายภาพยอดเยี่ยมแน่นอน จึงอยากแนะนำให้ทุกคนไปดูในโรงเพราะ มันจะกลืนคุณไปสู่บรรยากาศดาว ประหนึ่งคุณได้ไปผจญภัยไปพร้อมกับตัวละครในเรื่องเลย บวกกับเพลงประกอบที่สร้างบรรยากาศให้เราเชื่อจริงๆว่าเราได้อยู่ในวัฒนธรรมของโลกอนาคตในแบบฉบับของ Dune การแต่งกาย ภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชาติพันธุ์คือออกแบบมาอย่างละเอียด
.
ฉากแอคชั่นก็ถือว่ามีมาอย่างเหมาะสม ไม่เยอะจนเกินไป ให้ความลุ้นได้เสมอ เพราะหนังจะหนักไปในเชิงการเล่าเรื่องเสียมากกว่า โดยรวมแล้วนี่คือหนึ่งในหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปีนี้เลย
สามารถติดตามรีวิวต่อได้ที่เพจ facebook: โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้