
ที่มาภาพประกอบ wikipedia
วันนี้มาคุยเรื่อง ทำเนียบดาวที่มีตำแหน่ง อาทิ มหาอุจจ์ มหาจักร ของโลกโซนเหนือและใต้กัน
สำหรับนักศึกษาโหราศาสตร์ที่ต้องเดินทางรอบโลกอยู่บ่อยๆ หรือพยายามเรียนรู้ธรรมชาติของโลกใบนี้อยู่บ่อยครั้ง ท่านอ่านบทความนี้แล้ว ก็จะได้รับมุมมองใหม่ๆ ทางโหราศาสตร์ที่กว้างขวาง เพราะตำราในประเทศไม่มี
วันนี้จะมาแชร์เรื่องมหาอุจจ์ของซีกโลกเหนือ กับซีกโลกใต้ ว่าต่างกันอยู่คนละจุด คิดว่า น่าจะเป็นบทความแรกๆของประเทศนี้ที่เขียนอธิบายแบบนี้ แต่เขียนเพื่อประโยชน์ของนักศึกษาโหราศาสตร์ในอนาคตที่ต้องอยู่กับโลกไร้พรมแดนมากขึ้นเรื่อยๆ จะได้มีความรู้ไปคุยกับชาวต่างประเทศที่เขามีความรู้เรื่องโหราศาสตร์ที่กว้างขวางกว่าตลาดภายในประเทศได้บ้าง
มหาอุจจ์ ที่นี้ขอเขียนเฉพาะ ดวงอาทิตย์ เป็นอนุมานดวงเดียว เพราะท่านอ่านแล้วจะขยายความดาวเคราะห์อุจจ์ดวงอื่นๆ ได้เอง ความว่า
ในโลกซีกเหนือ มนุษย์จะเห็น ดาวเหนือ หรือ ดาวโพลาริส ไม่เห็นดาวใต้ Acrux และ Bcrux (Mimosa)
มนุษย์ในโซนเหนือนี้ เมื่อผ่านจุดวิษุวัตในช่วงกลางเดือนมีนาคม ก็เริ่มเข้าสู่ฤดูที่อุ่นขึ้น คือ ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อนตามลำดับ
โดยดวงอาทิตย์ที่ผ่านเข้าตำแหน่งวิษุวัต คือ เข้าโซนพื้นที่ราศีเมษ พระอาทิตย์ขึ้นที่มุม 90° ทางทิศตะวันออกพอดี และในวันแรกของฤดูใบไม้ผลินั้น กลางวันกับกลางคืนจะยาวนานเท่ากัน เป็นวันที่แสดงจุดดุลยภาพของฤดูกาลขึ้น
พระอาทิตย์นั้นเป็นตัวแทนของพลังชีวิต ความร้อน และแสงสว่างให้โอกาสแก่สรรพชีวิต จึงเป็นมหาอุจจ์ คือความสูงสุดที่จะอุ้มชูชีวิตของมนุษย์และสัตว์ไปอีก 6 เดือน สัตว์ที่มาปฏิสนธิในครรภ์ก็จะได้รับพลังชีวิต มารดาก็เริ่มมีกำลังกายที่เข้มแข็ง ร่างกายอบอุ่น เกิดกิจกรรมทางร่างกาย มีการเผาผลาญของพลังงานมากกว่าฤดูหนาว บุตรที่มาปฏิสนธิในช่วงนี้จึงได้รับพลังงานที่ร้อนและเข้มแข็งไปด้วย
ในขณะเดียวกันบุตรของมนุษย์และสัตว์ที่คลอดออกมาในช่วงนี้ จะปฏิสนธิในช่วงฤดูร้อนของปีก่อน (9-10 เดือนที่ผ่านมา) พวกเขาก็ได้รับพลังงานของการเคลื่อนไหวเผาผลาญพลังงานมากกว่าฤดูหนาว จึงมีร่างกายภาพเข้มแข็งด้วยพลังงานชีวิตจากดวงอาทิตย์ จึงเป็นเกณฑ์มหาอุจจ์แท้
ในขณะที่คนในโซกโลกฝั่งเหนือพึงพอใจกับฤดูใบไม้ผลิที่มาถึง แต่โซนใต้เส้นศูนย์สูตรวิษุวัตของพวกเขากำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ฉะนั้นจึงเป็นเวลาที่ผู้คนตรึงเครียดสักหน่อย เพราะต้องเตรียมตัวรับฤดูหนาว เก็บสะสมเสบียง ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น เพื่อเผชิญกับความหนาวเย็นที่กำลังเข้ามา จึงไม่ได้เป็นมหาอุจจ์ของมนุษย์และสัตว์ในโซนขั้วโลกใต้ แต่เป็นนิจของพวกเขา
บทความคัดมาบางส่วน เพื่อเผยแพร่ความรู้
ต้องการอ่านบทสรุป วิธีการใช้มหาอุจจ์ในการพิจารณาดวงชะตาของคนโซนใต้ทั้งหมด อ่านต่อที่
ekhora.com
เอกโหรา - อย่าใช้ผิด!!! อาทิตย์อุจจ์ ของคนเกิดโซนโลกฝั่งเหนือและใต้ต่างกันนะ
ที่มาภาพประกอบ wikipedia
วันนี้มาคุยเรื่อง ทำเนียบดาวที่มีตำแหน่ง อาทิ มหาอุจจ์ มหาจักร ของโลกโซนเหนือและใต้กัน
สำหรับนักศึกษาโหราศาสตร์ที่ต้องเดินทางรอบโลกอยู่บ่อยๆ หรือพยายามเรียนรู้ธรรมชาติของโลกใบนี้อยู่บ่อยครั้ง ท่านอ่านบทความนี้แล้ว ก็จะได้รับมุมมองใหม่ๆ ทางโหราศาสตร์ที่กว้างขวาง เพราะตำราในประเทศไม่มี
วันนี้จะมาแชร์เรื่องมหาอุจจ์ของซีกโลกเหนือ กับซีกโลกใต้ ว่าต่างกันอยู่คนละจุด คิดว่า น่าจะเป็นบทความแรกๆของประเทศนี้ที่เขียนอธิบายแบบนี้ แต่เขียนเพื่อประโยชน์ของนักศึกษาโหราศาสตร์ในอนาคตที่ต้องอยู่กับโลกไร้พรมแดนมากขึ้นเรื่อยๆ จะได้มีความรู้ไปคุยกับชาวต่างประเทศที่เขามีความรู้เรื่องโหราศาสตร์ที่กว้างขวางกว่าตลาดภายในประเทศได้บ้าง
มหาอุจจ์ ที่นี้ขอเขียนเฉพาะ ดวงอาทิตย์ เป็นอนุมานดวงเดียว เพราะท่านอ่านแล้วจะขยายความดาวเคราะห์อุจจ์ดวงอื่นๆ ได้เอง ความว่า
ในโลกซีกเหนือ มนุษย์จะเห็น ดาวเหนือ หรือ ดาวโพลาริส ไม่เห็นดาวใต้ Acrux และ Bcrux (Mimosa)
มนุษย์ในโซนเหนือนี้ เมื่อผ่านจุดวิษุวัตในช่วงกลางเดือนมีนาคม ก็เริ่มเข้าสู่ฤดูที่อุ่นขึ้น คือ ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อนตามลำดับ
โดยดวงอาทิตย์ที่ผ่านเข้าตำแหน่งวิษุวัต คือ เข้าโซนพื้นที่ราศีเมษ พระอาทิตย์ขึ้นที่มุม 90° ทางทิศตะวันออกพอดี และในวันแรกของฤดูใบไม้ผลินั้น กลางวันกับกลางคืนจะยาวนานเท่ากัน เป็นวันที่แสดงจุดดุลยภาพของฤดูกาลขึ้น
พระอาทิตย์นั้นเป็นตัวแทนของพลังชีวิต ความร้อน และแสงสว่างให้โอกาสแก่สรรพชีวิต จึงเป็นมหาอุจจ์ คือความสูงสุดที่จะอุ้มชูชีวิตของมนุษย์และสัตว์ไปอีก 6 เดือน สัตว์ที่มาปฏิสนธิในครรภ์ก็จะได้รับพลังชีวิต มารดาก็เริ่มมีกำลังกายที่เข้มแข็ง ร่างกายอบอุ่น เกิดกิจกรรมทางร่างกาย มีการเผาผลาญของพลังงานมากกว่าฤดูหนาว บุตรที่มาปฏิสนธิในช่วงนี้จึงได้รับพลังงานที่ร้อนและเข้มแข็งไปด้วย
ในขณะเดียวกันบุตรของมนุษย์และสัตว์ที่คลอดออกมาในช่วงนี้ จะปฏิสนธิในช่วงฤดูร้อนของปีก่อน (9-10 เดือนที่ผ่านมา) พวกเขาก็ได้รับพลังงานของการเคลื่อนไหวเผาผลาญพลังงานมากกว่าฤดูหนาว จึงมีร่างกายภาพเข้มแข็งด้วยพลังงานชีวิตจากดวงอาทิตย์ จึงเป็นเกณฑ์มหาอุจจ์แท้
ในขณะที่คนในโซกโลกฝั่งเหนือพึงพอใจกับฤดูใบไม้ผลิที่มาถึง แต่โซนใต้เส้นศูนย์สูตรวิษุวัตของพวกเขากำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ฉะนั้นจึงเป็นเวลาที่ผู้คนตรึงเครียดสักหน่อย เพราะต้องเตรียมตัวรับฤดูหนาว เก็บสะสมเสบียง ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น เพื่อเผชิญกับความหนาวเย็นที่กำลังเข้ามา จึงไม่ได้เป็นมหาอุจจ์ของมนุษย์และสัตว์ในโซนขั้วโลกใต้ แต่เป็นนิจของพวกเขา
บทความคัดมาบางส่วน เพื่อเผยแพร่ความรู้
ต้องการอ่านบทสรุป วิธีการใช้มหาอุจจ์ในการพิจารณาดวงชะตาของคนโซนใต้ทั้งหมด อ่านต่อที่ ekhora.com