พวกเธอจงมี " ตน " เป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่ มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือจงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ....

กระทู้คำถาม
๓. มหาปรินิพพานสูตร (๑๖)  👉👉https://etipitaka.com/read/thai/10/86/
 

ลืมเรื่อง สมมุติ&ปรมัตถ์...ไปเถอะ  ไม่จำเป็นในการศึกษาพระสัทธรรม...
พระผู้มีพระภาคท่านจะไม่มีการกล่าวขัดแย้งกัน...  ผู้ที่ไม่เข้าใจก็ไปกล่าวตู่...ว่าท่านกล่าวโดยสมมุติ

ในพระสูตรก็ไม่เคยได้ยิน...  ผู้ที่จะมาถามพระศาสดาว่า " ที่พระองค์กล่าวนี่...เป็นสมมุติ หรือ?? "
ลองไปค้นอ่านดูได้...ถ้าสอนแบบสมมุติ-ปรมัตถ์..ผู้ฟังคำเทศนาจะไม่งงหรือ?...ใครจะไปเข้าใจพระสัทธรรมได้??

ปัณหาที่จะต้องไปใช้คำว่า "สมมุติ "...กับคำว่า " ตน - อตฺต - อัตตา "..นะ 
มันมาจากการที่ไปเข้าใจผิดว่า...อนัตตา ก็คือ...ไม่ใช่อัตตา..หรือเป็น...ปฏิภาค-ส่วนกลับของ..อัตตา 

ที่จริงขันธ์๕...หรือ..อุปาทานขันธ์๕ <---นี่หละ...ที่เรียกว่า " ตน "..หรือ.." อัตตา "...
แต่เป็น " ขันธ์๕ที่ไม่เที่ยง - ตนที่ไม่เที่ยง - อัตตาที่ไม่เที่ยง "...

สรุป   อนัตตา = อัตตาที่ไม่เที่ยง - อัตตาที่เกิดขึ้นและเสื่อมไป
         ตน..หรือ...อัตตา  ที่พระศาสดากล่าวในพระสูตรที่ผมยกมานี้ 
         หมายถึง " อัตตาที่ไม่เที่ยง - อัตตาที่เกิดขึ้นและเสื่อมไป "...นี่หละ
         
         เอา.." ตนเป็นเกาะ "...หมายถึงเอา...อุปาทานขันธ์๕ที่ไม่เที่ยง..นี้  มาพิจารณาธรรม..
         ตน(ที่ไม่เที่ยง)ในที่นี้คือ..กายใจ(กาย-เวทนา-จิต) <----เราพิจารณาโดย " ธรรม '...
         
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่