จากเด็ก ม.4 เกรด 1 กว่า เรียนแต่ภาคไทย สู่ International Civil Servant ของ United Nations (ผ่านโครงการ UN YPP)

สวัสดีครับ

ตั้งใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์การสอบเข้าทำงานที่ UN และเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ว่าถ้าเรากล้าฝันและตั้งใจลงมือทำ อะไรก็เป็นไปได้ (สำหรับทุกๆเรื่องไม่ใช่เฉพาะเรื่องงานที่ยกตัวอย่างในที่นี้)

ตัวผมตอนนี้ทำงานกับ United Nations หรือ องค์การสหประชาชาติ เข้ามาด้วยโครงการ United Nations Young Professional Programme (YPP) ซึ่งจะเล่าให้ทุกท่านอ่าน ในลำดับถัดไป

มีคนไทยหลายคนทำงานที่นี่ในฐานะ internation civil servant เช่นผม ซึ่งทุกคนล้วนเก่งกว่าผม ที่ผมมาแชร์เพราะอยากให้ทุกท่านรู้ว่า profile ธรรมดาๆแบบผมก็สามารถเข้ามาทำงานที่นี่(รวมไปถึงองค์กรอื่นๆที่บางคนคิดว่าไกลตัว)ได้ ถ้ามีความตั้งใจพอ ดังนั้นอย่ากลัวที่จะฝัน

ชีวิตผมเริ่มจากเด็กไม่เรียนหนังสือคนหนึ่ง เรียนม.ปลาย ที่ รร.สตรีวิทยา 2 (ใกล้บ้าน) ม.4 เทอม 1 เกรด 1.67 เทอม 2 เกรด 1.96 สุดท้ายจบ ม. ปลาย เกรด 2.78 (โดนพักการเรียน 2 ครั้ง โชคดีไม่โดนไล่ออกก่อน ^^") ต่อมาเข้า มธ. เรียน ป.ตรี บริหาร (การเงิน) โดยการสอบ SMART I (ขอบคุณที่ทางมหาลัยมีโครงการรับตรง ไม่งั้นผมคงไม่ได้เข้าเรียนที่นี่) ซึ่งมีเกณฑ์ขั้นต่ำคือเกรด ม.ปลาย 2.75 (เกินมา 0.03 โชคดีสุดๆ) คะแนนสอบก็เกือบๆจะไม่ติด (โชคดีชั้นที่ 2)

และก่อนมาที่ UN มีประสบการณ์ทำงานในภาคเอกชน (และจบ ป.ตรี นิติ มธ ภาคบัณฑิต อีกใบ)

(1) ทำไมถึงเข้ามาทำงานที่ UN ได้ ?
แน่นอนเพราะมีการเปิดสอบโครงการ UN YPP มิเช่นนั้น profile อย่างผมคงไม่ถูกเรียกสัมภาษณ์ เพราะ 1. ไม่เคยทำ public sector หรืออยู่ใน UN system มาก่อน 2. ไม่ได้จบปริญญาโท 3. เรียนแต่ภาคไทย
แน่นอนว่าปัจจัยเหล่านี้ ไม่ใช่ requirement แต่มันคือ profile ของคนส่วนใหญ่ที่ทำงาน UN ในฐานะ international civil servant ในระดับ Professional

(2) อะไรคือ UN YPP ?
UN YPP หรือ United Nations Young Professional Programme เป็นโครงการรับสมัครบุคลากรเข้าทำงานกับ UN ในระดับ Professional และเป็น international civil servant เป็น global recruitment สมัครและสอบแข่งขันพร้อมกันทั่วโลก โดยแต่ละปีจะเปิดสาขาที่รับสมัครต่างกันออกไป รวมถึงรายชื่อประเทศที่เข้าร่วม (ขึ้นอยู่กับว่าประเทศนั้นๆ un or under represent ใน UN หรือไม่) และจำกัดอายุที่ 32 ปี
ขั้นตอนหลักๆก็คือจะมีการสอบข้อเขียน (รุ่นหลังๆเข้าใจว่าเป็น online ส่วนของผมตอนนั้น (UN YPP 2017) ไปสอบที่ห้องประชุมใหญ่ UNESCAP ตรงราชดำเนิน) ถ้าผ่านข้อเขียนก็จะได้สัมภาษณ์ (ทาง skype หรือ อื่นๆ) ถ้าผ่านสัมภาษณ์ก็จะได้เข้ามาเป็น roster และรอ hiring manager เรียกเข้าทำงาน ซึ่งสถานที่ทำงานหลักๆสำหรับงานออฟฟิศ คือ Addis Ababa, Bangkok, Beirut, Geneva, Nairobi, New York, Santiago, Vienna จริงๆมีที่อื่นอีกรอบโลกแต่เป็นที่รองๆลงมา ซึ่งข้อดีของ UN YPP คือจะมีโครงการให้ rotate ไปยังประเทศอื่นๆได้ทุกๆ 2 ปี (รวมถึงงานแผนกอื่นๆในประเทศเดิม) ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีในการไปทำงานในที่ต่างๆรอบโลก (ตัวผมเริ่ม assignment แรกที่ Addis Ababa)
ส่วนเรื่องการเตรียมตัวสอบ ไม่ต้องห่วงเลยครับ ทาง UN จะ support อย่างเต็มที่ (ผ่านทาง link ด้านล่าง) เช่น จะมี resouces ให้อ่านเตรียมสอบ ตอนสัมภาษณ์ก็จะมีคลิปวิดีโอสอนให้เตรียมตัว ซึ่งผมคิดว่าค่อนข้าง fair สุดๆ คือทุกคนเข้าถึงข้อมูลที่เท่าเทียมกัน ประมาณว่าติวสอบให้ก่อนเลยแบบฟรีๆ
ส่วนเรื่องจำนวนคนสมัครและการแข่งขันก็แล้วแต่ว่าแต่ละปีเปิดรับประเทศไหนบ้าง (จะมีผลเยอะหน่อยก็เช่น จีน อินเดีย) ตัวอย่างก็ตามรูปด้านล่างครับ (บังเอิญเจอมา แต่เป็นข้อมูลค่อนข้างเก่า) ผ่านปีละ 100 กว่าคน ซึ่งรวมทุกสาขาวิชาที่เปิด ปีนึงเปิด 2-4 สาขา ก็ตกสาขาละ 25-50 คน โดยประมาณ 

UN YPP link : https://careers.un.org/lbw/home.aspx?viewtype=nce ซึ่งมีข้อมูลเกือบทุกอย่างให้ศึกษา

ซึ่งทุกคนก็สามารถสมัครตรงกับทาง UN ได้เหมือนกัน ไม่ต้องผ่าน UN YPP ในทุก level (ไม่ใช่แค่ Professional) และ duty station (เลือกได้เลยว่าอยากทำที่ไหน) ผ่าน link นี้ : https://inspira.un.org/psp/PUNA1J/?cmd=login&languageCd=ENG&

ส่วนตัวผมคิดว่าการสอบพวกนี้มันทำให้การรับคนเข้าทำงานไม่ต้องมี bias ใน profile ของผู้สมัคร คือ วัดกันที่ความรู้ความสามารถผ่านคะแนนสอบอย่างเดียว ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คน profile ธรรมดาๆ ได้เป็นอย่างดี ถ้าให้ยกตัวอย่างของไทยก็เช่นการสอบผู้พิพากษา อัยการ สนามใหญ่ ที่จะเห็นได้ว่าไม่ว่าคุณจะจบมหาลัยไหน เกรดเท่าไหร่ ก็สอบผ่านได้ หรือเป็นที่ 1 ได้ ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถที่วัดโดยการสอบ ล้วนๆ

(3) รายได้และสวัสดิการสำหรับการเป็น international civil servant ที่ UN
อันนี้ขอแชร์คร่าวๆนะครับ
1. เงินเดือนในระดับพออยู่พอกิน 2. income tax free 3. บำนาญ (คล้ายๆของข้าราชการไทย, ถ้าอยู่ยันเกษียณ ซึ่งประเทศไทย บำนาญ UN ก็ไม่ต้องเสียภาษี - เป็นข้อยกเว้นสำหรับไม่กี่ประเทศ) 4. ค่ารักษาพยาบาล เบิกได้ค่อนข้างเยอะ รพ.เอกชนก็ได้ และครอบคลุมลูกเมีย 5. ค่าเทอมบุตร (ในกรณีที่ไม่ได้ประจำที่ home country) 6. วันหยุดวันลาค่อนข้างเยอะ

(4) คิดว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้สอบผ่าน
ผมคิดว่าการเตรียมตัวสอบก็ส่วนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนต้องทำให้เต็มที่ เรื่องภาษา(อังกฤษ)ก็อีกส่วนหนึ่ง ที่ต้องค่อนข้างแน่นในพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว และสำหรับผมไม่มีคำว่า อัจฉริยะข้ามคืน ดังนั้นการเตรียมตัวระยะยาวคือคำตอบ ส่วนตัวผมที่สอบผ่านข้อเขียนคิดว่า 10% มาจากความรู้ที่เรียน อีก 90% มาจากความรู้จากการทำงาน
ซึ่งต่อไปนี้คือแนวคิด 10 ข้อของผม (สามารถข้ามไปได้ครับ เพราะผมก็ไม่ใช่คนเก่งอะไร แค่อยากแชร์)
1. จ้างร้อยเล่นล้าน - ทำมากกว่าที่คนอื่นขอ ทำงานให้เกินเงินเดือนที่ได้ ไม่ต้องสนว่างานนี้ควรจะเป็นของเราหรือของใครถ้าได้รับมอบหมายมา สุดท้ายคุณจะเก่งขึ้นเอง
2. หมั่นกำจัดจุดอ่อนและข้อเสีย - ทบทวนตัวเองว่าจุดอ่อนและข้อเสียของตัวเองคืออะไร และเอาชนะหรือปรับปรุงมัน ใช้ได้กับทั้ง การทำงาน และ การทำข้อสอบ (ที่มีหลายๆ part) พึ่งระลึกไว้เสมอว่าจุดอ่อนและข้อเสียใหม่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นต้องหมั่นทบทวน เช่น เมื่อคุณโตขึ้นคุณจะมี ego คุณจะหลงตัวเอง คุณจะฟังคนอื่นน้อยลง คุณจะพูดแทรกคนอื่นมากขึ้น (หูคุณจะเล็กลง ปากคุณจะใหญ่ขึ้น) 
3. กัดไม่ปล่อย - ไม่ใช่กับคน แต่กับเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึง หรือกับงานที่ต้องจบให้ได้
4. Everything happens for a reason - ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคุณก็ตาม มันมีเหตุผลของมัน อย่าเสียเวลาเศร้าโศกเสียใจ ให้ก้าวไปข้างหน้าเสมอ แล้วซักวันคุณจะรู้เหตุผลว่าทำไมเรื่องนั้นถึงเกิดขึ้นกับคุณ
5. Give and take - อย่าเป็นผู้รับอย่างเดียว คุณต้องเป็นผู้ให้ด้วย ยิ่งให้ยิ่งได้
6. เรียนเพื่อเข้าใจไม่ใช่เพื่อสอบ - แล้วความรู้เหล่านั้นจะติดตัวคุณไปจนวันตาย
7. ไม่ต้องวิ่งตลอด เดินบ้างก็ได้ แต่อย่าเดินถอยหลังก็พอ
8. เป้าหมายเขียนไว้บนแผ่นหิน แต่แผนงานเขียนไว้บนผืนทราย
9. ถ้าคิดว่าจุดหมายหรือเป้าหมายนั้นคิดมาดีแล้ว ไม่ต้องแคร์คำพูดของทุกคน หลายคนหลายความคิด (แต่ไม่ใช่ไม่ฟังใครเลย)
10. กำลังใจคือสิ่งสำคัญ(มากๆ) - เมื่อเราเหนื่อยเราจะได้รู้ว่าเรากำลังทำเพื่อใคร พ่อ แม่ ลูก เมีย

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณท่านที่อ่านมาจนจบ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ต่อท่าน ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
ยินดีพูดคุยแลกเปลี่ยนทั้งในนี้และหลังไมค์ครับ


 

ผมทำได้ คุณก็ทำได้

สู้ๆ ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่