สารานุกรมปืนตอนที่ 969 โคลท์ ซูเปอร์ ซีรีส์ 70 จุดสังเกตุกัฟเวิร์นเมนท์ของเก่า

ผมนึกถึงเรื่องราวตอนเป็นเด็กขึ้นมาทันทีที่เห็นคอลัมน์นี้ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์



ตอนนั้นผมอายุราว13-14 ปี ยังเรียนอยู่ชั้น ม.ต้น คุณพ่อทำงานเป็นเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเล็กๆแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ  จากหน้าที่ของท่านทำให้ต้องออกพื้นที่เพื่อทำการรังวัดและออกเอกสารสิทธิ์เช่น โฉนด, น.ส.3 ให้แก่ชาวบ้านที่สมัยก่อนนั้นยังเปิดให้มีการจับจองที่ดินว่างไม่มีเจ้าของให้เข้าไปทำประโยชน์ซึ่งเป็นเรื่องปกติและมีอยู่ทุกตำบลในพื้นที่  บางครั้งท่านจะใช้เวลาในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์สละเวลาจากการที่จะต้องได้หยุดพักผ่อนอยู่บ้านกับครอบครัว หรือสละเวลานันทนาการอันโปรดปราน คือการ "ตกปลา" ไปออกพื้นที่ดังกล่าว อันจำเป็นต้องมี "ลูกมือ" หรือผู้ช่วยในการนี้ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกหลายประการ เช่น ช่วยลากโซ่เหล็กขณะทำการรังวัด, เขียนเอกสาร (ลายมือสวย), รับเงิน(พิเศษ)ที่ทางกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านรวบรวมจากชาวบ้านให้มาเป็นค่าเหนื่อย(ที่เขาให้ด้วยความเต็มใจ ซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก) หน้าที่นั้นจึงตกเป็นของผมซึ่งเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว แต่ก็ด้วยความเต็มใจ ซึ่งก็แน่ละ ส่วนแบ่งค่าขนมนิดหน่อยของผมเมื่อกลับถึงบ้านก็ย่อมมีบ้าง 555
        ด้วยการที่ต้องออกพื้นที่บ่อยๆและมีเงินสดติดตัวตอนขากลับมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ปริมาณงาน และบ้าน ที่ยังเป็นชนบทบ้านนอก ทำให้คุณพ่อจำเป็นต้องมีอาวุธปืนประจำตัวและท่านก็เลือกเอา "โคลท์ ซูเปอร์ ซีรีส์ 70" นี่แหละเป็นอาวุธคู่ใจ  แต่จำได้ว่าท่านไม่ค่อยได้ใช้มันเลย นอกจากตอนเห่อของใหม่ก็ไปซ้อมๆมือบ้าง บ่อยนักก็ไม่ได้เพราะลูกกระสุนแพงครับ ส่วนใหญ่ก็เก็บและพกไว้ขู่คนเท่านั้นแหละ อีกอย่างหนึ่งที่ท่านใช้ไม่บ่อยเพราะถอดทำความสะอาดไม่เป็น ต้องพึ่งตำรวจ ตชด.เพื่อนบ้านซึ่งเป็นพ่อของเพื่อนผมเอง (วันหลังผมจะเล่าเรื่องไอ้เพื่อนตัวแสบคนนี้ให้อ่านเล่น) ทำให้ ด้วยความสนใจผมจึงคอยไปดูและให้เขาสอนและผมก็ทำเป็นในเวลาต่อมา เจ้าปืนกระบอกนี้จึงเหมือนกับผมเป็นเจ้าของด้วยครึ่งหนึ่งเพราะผมจะยืมคุณพ่อไปซ้อมมือบ้างและถอดล้างเองได้(อย่างเชี่ยวชาญ) นับเป็นข้อต่อรองที่ท่านก็ยอมให้
         เพราะเหตุนี้ ผมกับเจ้า "โคลท์ ซูเปอร์ ซีรีส์ 70" กระบอกนี้จึงเป็นเหมือนเพื่อนที่คุ้นเคยกัน  แต่แล้วมันก็มีเหตุน่าระทึกที่ไม่คาดคิดเกี่ยวกับปืนกระบอกนี้ขึ้นจนได้เมื่อ..



ผมได้ติดตามคุณพ่อออกท้องที่ในวันหยุด(วันเสาร์)เหมือนที่เคยมา คราวนี้เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ประจำบ้าน Honda จำรุ่นไม่ได้ (ไม่แน่ใจว่าเป็น Super Cup หรือเปล่า)แต่เป็นขนาด 75 ซีซี.รุ่นแรกๆที่คุณพ่อเก็บเงินซื้อด้วยราคาราว 3-4 พันบาท (เงินเดือนคุณพ่อขณะนั้น 700 บาท ราวปี พ.ศ.2507) เรามุ่งตรงไปหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่นัดกำนันให้บอกชาวบ้านไว้แล้ว ไกลจากตัวอำเภอราวเกือบสามสิบ กม. ด้วยเส้นทางที่ทุรกันดารในสมัยนั้นทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางถึงเกือบสี่ชั่วโมง ด้วยเหตุนี้เราจึงจำต้องเตรียมตัวไปพักค้างคืนที่หมู่บ้านดังกล่าวเพราะกว่าจะเสร็จงานก็คงมืดค่ำ มันเป็นความตื่นเต้นสำหรับเด็กเริ่มวัยรุ่นอย่างผมที่เหมือนกับได้ออกผจญภัย และที่สำคัญหมู่บ้านปลายทางนี้เป็นหมู่บ้านของชนเผ่า”ลาวโซ่ง”ที่อพยพมาตั้งรกรากกันอยู่ที่นั่นนานนับร้อยปีจนกลายเป็นคนไทยไปแล้ว สาวๆที่นั่นจะรวมตัวกันไปอาบน้ำที่ลำห้วยใกล้หมู่บ้านทุกเย็น อา...ผมวาดฝันอันกระเจิดกระเจิงด้วยวัยเริ่มหนุ่มอย่างบรรเจิดเพราะมีโอกาสไม่มากนักที่จะเห็นสาวๆชาวบ้านนุ่งกระโจมอกอาบน้ำ ผมว่ามันดูเซ็กซี่มากๆ ยิ่งยามที่พวกเธอผลัดเปลี่ยนผ้านุ่งกันแบบสบายๆ อะไรต่อมิอะไรก็จะเผยโฉมตอนนั้นแหละ หุหุ..ชักนอกเรื่องแล้วเรา



เราสองคนพ่อลูกไปถึงที่หมู่บ้านนั้นก็สายมากแล้วและเริ่มลงมือทำงานทันทีหลังอาหารมื้อเที่ยงที่บ้านกำนัน วันนั้นเรารังวัดที่ดินได้ร่วมยี่สิบแปลง คงเหลือทำวันรุ่งขึ้นอีกราวสิบแปลง  และเย็นนั้นผมก็ไม่พลาดโอกาสที่วาดไว้นั่นคือไปอาบน้ำที่ลำห้วย...ซึ่งก็ไม่ผิดหวังด้วยมีของแถมอย่างไม่คาดคิดที่ขออุบไว้ก่อนและอาจเปิดเผยวันหลัง..อิอิ
ก่อนนอนผมเอาเจ้า โคลท์ ซูเปอร์ ออกมาเล่นโดยคุณพ่อก็คอยเตือนว่าให้ระวัง แล้วคืนนั้นเราก็เข้านอนและหลับไปด้วยความเพลีย
            รุ่งเช้าอากาศสดชื่นเย็นสบาย หลังอาหารเช้าคือต้มไก่, แกงไก่ของชาวบ้านที่เอร็ดอร่อยเราก็ออกทำงานอย่างรีบเร่งและเสร็จงานตอนเที่ยงวันพอดี  หลังมื้อเที่ยงผมช่วยงานเอกสารคุณพ่อจนเสร็จแล้วรอคุณพ่อและกำนันที่คุยกับชาวบ้านเจ้าของที่ดินราวสี่-ห้าสิบคนอยู่ใต้ถุนบ้าน ส่วนผมเลี่ยงขึ้นบนบ้านกะจะเอนหลังนอนเล่นสักพัก มือควานไปเจอปืนพกที่อยู่ในซองของคุณพ่อ ผมหยิบมันออกมาอย่างคุ้นเคย   ผมพิจารณามันอยู่พักใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเพื่อจะเล่นกับมันเหมือนเคยนั่นคือ ปลดแม็กกาซีน ดึงลำเลื่อนเพื่อให้ลูกกระสุนถ้ามีอยู่ในรังเพลิงกระเด็นออกมาแล้วผมก็จะลั่นไกเล่นเปล่าๆอย่างคึกคะนอง จนเบื่อ ผมจึงเสียบแม็กกาซีนที่มีลูกกระสุนบรรจุอยู่เต็ม 8 นัดเข้าที่เพื่อจะเก็บ แต่พอคิดว่าอีกไม่นานเราก็จะออกเดินทางกลับ ผมจึงตั้งใจว่าจะเตรียมความพร้อมของปืนด้วยการดึงลำเลื่อนเพื่อขึ้นลำให้กระสุนเข้าไปในรังเพลิงแล้วค่อยลดนกปืนลงก่อนจะปิดเซฟที่ใกล้ด้ามจับอีกที  ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็เคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน  แต่วันนี้ผมมาพลาดตอนที่จะปลดนกปืนลง ผมจับปืนด้วยมือซ้ายและค่อยเหนี่ยวไกเบาๆในขณะที่นิ้วโป้งมือขวาที่ถนัดดันนกปืนไว้แล้วค่อยๆผ่อนแรงเพื่อให้นกปืนลดลงชิดโครงปืน นิ้วมือเจ้ากรรมดันลื่นหลุดออกจากนกปืนอย่างเหลือเชื่อ ผมใจหายวาบในขณะที่เสียงปืนดังเปรี้ยงขึ้น!!!

 หน้าผมตอนนั้นคงจะซีดเป็นไก่ต้มที่กินเมื่อเช้าเพราะขณะปืนลั่นนั้นปากกระบอกชี้ลงไปใต้ถุนบ้านพอดิบพอดีและผมก็มองเห็นรูกระสุนที่ทะลุผ่านพื้นไม้กระดานที่ไม่หนามากนักออกไป ผมแทบเป็นลมเมื่อนึกถึงคุณพ่อ,กำนัน และชาวบ้านอีกหลายสิบคนที่กำลังอยู่ใต้ถุนบ้าน  เสียงคุณพ่อวิ่งพรวดขึ้นมาบนบ้านก่อนใครตามมาด้วยกำนันและตะโกนถามด้วยความตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น  ผมหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม คุณพ่อเข้ามาเก็บปืนแล้วประคองผมที่นั่งคอตกน้ำตาไหลด้วยความตกใจและเสียใจ  คำถามจากคอแห้งผากของผมในขณะนั้นคือ “มีใครโดนลูกหลงบ้างครับ” กำนันกลับลงไปดูสถานะการณ์สักพักแล้วมาบอกคุณพ่อว่าโชคดีที่ลูกกระสุนทะลุไปโดนจอบที่เสียบไว้ใต้คานที่ใต้ถุนบ้านแล้วมันเลยแฉลบไปทางที่ไม่มีคนอยู่..เดชะบุญ  ผมเกือบกลายเป็น “มือปืน” ด้วยความประมาทไปแล้ว เฮ้ออ..
                จากกำหนดการที่จะเดินทางกลับวันนั้นก็ต้องเลื่อนออกไป เพราะกำนันบอกว่า “ผีบ้านผีเรือน” ของเขาต้องตกใจเสียงปืนและเผ่นหนีกันหมด ต้องทำพิธีเรียก “ผีบ้านผีเรือน” กลับมา โดยคุณพ่อต้องเป็นผู้ขอขมาแทนผมและเสียค่า “เสียผี” ให้เจ้าของบ้านคือกำนันเป็นเงินยี่สิบบาท และต้องมีการเชือดไก่เพื่อใช้ในการนี้ด้วย ที่สำคัญต้องเป็นเวลาเช้า  อันเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องอยู่ค้างคืนอีกคืนหนึ่ง  แต่ผมก็แอบดีใจเงียบๆเพราะจะได้ไปอาบน้ำที่ลำห้วยในตอนเย็นอีกครั้งหนึ่งโดยไม่คาดฝัน ฮ่าๆๆๆ
             มันเป็นบทเรียนที่ผมจะไม่มีวันลืมชั่วชีวิต ก็เพราะเจ้า "โคลท์ ซูเปอร์ ซีรีส์ 70" กระบอกนี้แหละ

   มาเข้าเรื่องของปืน "โคลท์ ซูเปอร์ ซีรีส์ 70" อย่างเป็นเรื่องราวซะทีนะครับ
ยิงเป้า เฝ้าบ้าน แม่นยำเหนือกว่า เป็นโคลท์รุ่นสุดท้ายที่ใช้ชุดลั่นไกดั้งเดิม
 
        เมื่อกองทัพบกสหรัฐ รับปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด .45 ที่เป็นผลงานออกแบบของ จอห์น เบรานิงก์ เข้าประจำการในปี ค.ศ. 1911 ผู้ผลิตคือ บริษัทโคลท์ ก็ทำปืนรุ่นประวัติศาสตร์นี้ออกขายในเชิงพาณิชย์ ควบคู่ไปกับการผลิตส่งให้กองทัพตามสัญญาซื้อ  สลักอักษรกำกับชัดเจนว่า  UNITED STATES PROPERTY บนโครงปืนด้านซ้าย และชื่อรุ่น Model of 1911 บนลำเลื่อนด้านขวา

ปืนพาณิชย์เริ่มวางตลาดในปี ค.ศ.1912 มีชื่อรุ่นกัฟเวิร์นเมนท์ (Government Model) สลักไว้บนลำเลื่อน และเพื่อให้ตรวจสอบจำนวนได้แน่นอนขึ้น ทางโรงงานจึงวางระบบเลขประจำปืนให้แตกต่างกัน โดยปืนทหารใช้ตัวเลขล้วน ส่วนปืนพาณิชย์มีอักษร C (ย่อจาก Commercial) นำหน้า จนถึงปี ค.ศ.1950 จึงย้ายตัว C ไปไว้ด้านหลัง เริ่มที่เลขประจำปืน 240228 C ต่อมาเปลี่ยนแบบเล็กน้อยเป็นซีรีส์ 70 (Series 70) ใช้รหัส 70G นำหน้า ตามด้วยเลขห้าหลัก จนถึง 70G99999 จึงเปลี่ยนเป็นรหัสอยู่ด้านหลัง คือ xxxxxG70  ทั้งหมดทำในขนาดกระสุน .45 ออโตฯ

ในปี ค.ศ. 1929 จอห์น เบรานิงก์ ออกแบบกระสุนขนาด .38 ความ เร็วสูงสำหรับปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ตั้งชื่อว่า .38 Super Automatic และโคลท์ทำ ปื น “ซูเปอร์” รูปทรงเดียวกับ 1911/กัฟเวิร์นเมนท์ ให้ใช้กระสุนใหม่นี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นกระสุนปืนพกที่มีสมรรถนะในการเจาะทะลวงสูง สุดของยุคนั้น ปืนโคลท์ ซูเปอร์ ตอกเลขประจำปืนเป็นตัวเลขล้วน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1929 จนถึง ค.ศ. 1968 เลขสูงสุด 202188 จึงเปลี่ยนใส่รหัสตัวอักษร CS (คือ Colt Super) ในปี ค.ศ. 1969 เริ่มจาก CS001001 และใช้อยู่เพียงสองปี ถึงตัวเลข CS005280 ก็เข้าสู่ยุคของซีรีส์ 70 เปลี่ยนรหัสอีกครั้งหนึ่ง
 
       เมื่อปรับแบบดั้งเดิม มาเป็นซีรีส์ 70 นี้ โคลท์ทำปืนกัฟเวิร์นเมนท์ ออกมาสามขนาดกระสุน คือ .45 ออโตฯ ใช้รหัส 70G นำ หรือ G70 ต่อท้ายเลขประจำปืน, ขนาด .38 ซูเปอร์ ใช้ 70S นำหน้าเลข  และขนาด 9 มม. ใช้รหัส 70L นำหน้า โดยตัว S คือ Super และตัว Lคือ Luger ตามชื่อเรียกกระสุน 9 มม. ในสหรัฐ

ดขายของซีรีส์ 70 คือความแม่นยำเหนือกว่าแบบปืนทหารเดิม โดยโรงงานออกแบบบูชครอบลำกล้องเป็นแฉก หรือ “กลจำปา” ให้มีแรงสปริงบีบปลายลำกล้องแน่น ตัวลำกล้องถัดเข้าด้านในประมาณหนึ่งนิ้วจะคอด เพื่อลดแรงสปริงให้หมุน ถอดบูชได้ง่าย การเปลี่ยนแปลงจุดนี้อาจทำให้ปืนยิงแม่นขึ้นจริง แต่ก็ทำให้อายุใช้งานของบูชครอบลำกล้องสั้นลง แทนที่จะค่อย ๆ สึกเหมือนของเดิม ใช้ไปนาน ๆ หลวมคลอนแต่ปืนยังยิงได้ กลายเป็นว่าหมดอายุอาจหัก ทำให้ปืนพิการ ซึ่งผู้ที่ไม่ชอบจุดนี้สามารถเปลี่ยนใช้บูชทึบเหมือนของเดิมได้
 
       ปืนซีรีส์ 70 เป็นโคลท์รุ่นสุดท้ายที่ใช้ชุดลั่นไกดั้งเดิม ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นซีรีส์ 80 ที่เพิ่ม “สมอ” ล็อกเข็มแทงชนวน ถ้าไม่เหนี่ยวไกเข็มจะเดินหน้าไม่ได้ เป็นระบบนิรภัยเสริมขึ้นจากของเดิม แม้ว่าจะช่วยให้ปืนปลอดภัยขึ้น คือปืนหล่นไม่ลั่น ต้องเหนี่ยวไกเท่านั้นจึงจะลั่น แต่ก็ทำให้การทำงานของไกยุ่งยาก ซับซ้อนขึ้น แต่งไกให้หลุดคมแบบปืนยิงเป้าได้ยาก ทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร  ผู้ที่ชื่นชอบปืน 1911 จะมุ่งหาซีรีส์ 70 กันมากกว่า
จุดที่สองของการเปลี่ยนแปลงเป็น 80 คือร่องรับนกตก (half-cock notch) ที่ด้านในของตัวนกสับ จากเดิมแบบตะขอจับเซียร์ เข้าร่อง เมื่อนกอยู่ในตำแหน่งนี้จะเหนี่ยวไกไม่ได้ เมื่อซีรีส์ 80 เพิ่มสมอล็อกเข็มมาแล้ว ทางโรงงานเห็นว่าปลอดภัยเหลือเฟือ จึงปรับร่องรับนกตกเป็นแบบหน้าเปิด เมื่อนกสับอยู่ในตำแหน่งนี้สามารถเหนี่ยวไกให้นกสับต่อไปได้ แม้ว่าในทางทฤษฎีปืนจะไม่ลั่น เนื่อง จากนกง้างออกมาเพียงเล็กน้อย ระยะสับสั้นมาก  กระแทกท้ายเข็มไม่แรงจุดชนวนได้  แต่ผู้ใช้ก็ไม่มั่นใจเท่าระบบเดิม
         
ปืนนายแบบของสัปดาห์นี้ เป็นโคลท์ ซูเปอร์ .38 ซีรีส์ 70 ของแท้ไม่ดัดแปลง ตัวปืนและซองกระสุนบอกขนาดถูกต้อง บูชยังเป็นแบบแฉก ลำกล้องคอดใน นกสับกับ  ร่องรับนกตกเป็นแบบตะขอจับเซียร์ เลขประจำปืน 70S 09828 บ่งว่าผลิตปี ค.ศ. 1975 ตรงกับทะเบียนไทย พ.ศ. 2518.
 
ข้อมูลสรุป Colt Government Mk.IV Series 70
ขนาดกระสุน .38 Super ซองกระสุน 8 นัดมิติ ยาวxสูงxหนา : 210x138x32 มิลลิเมตรลำกล้องยาว 127 มม. (5 นิ้ว)น้ำหนัก 995 กรัม แรงเหนี่ยวไก 2,270 กรัม (5 ปอนด์)วัสดุ เหล็กรมดำด้าน อื่น ๆ รุ่นเดียวกันมีขนาด .45 ออโตฯ ลักษณะใช้งาน จนท. พกซองนอก, ยิงเป้า, เฝ้าบ้าน ตัวเลือกอื่น Remington, Springfield
 
https://www.dailynews.co.th/s__56156197/

ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่