ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง...ครั้งแรก

กระทู้คำถาม
เมื่อผมไปเที่ยวกรุงเทพ
ครั้งแรก  ตอนนั้นน่าจะประ
มาณสิบขวบ  
คือร.ร.เขาพาไปทัศนศึกษา
ไปดูวัดพระแก้ว  ท้องฟ้าจำลอง และสวนสัตว์ดุสิต

พอรู้ว่าจะได้ไปเที่ยว เราก็เห่อกันมาก จับกลุ่มคุยกัน
ถึงเรื่องนี้ทั้งวัน  
โดยเรากะจะแต่งตัวกัน
อย่างหล่อ(เห่อเน๊อะ)
ที่ไหนได้...ครูให้ทุกคนใส่ชุดนักเรียน แป๋ว....

คืนก่อนจะเดินทางผมนี่
ตื่นเต้นมาก บอกเลย
เข้านอนตั้งแต่หนึ่งทุ่ม
กะว่ารีบนอนรีบหลับจะได้เช้าเร็ว ๆ
แต่ที่ไหนได้  นอนไม่หลับครับ😂 เที่ยงคืนยังลืมตาโพลงเป็นเค้าแมวอยู่เลย


ผมไม่รู้ตัวเลยครับว่า คืนนั้น
หลับไปตอนไหน  แต่รู้ว่า
ตีสี่ก็ตื่นมาอาบน้ำแล้ว
ครูนัดเจ็ดโมง  แต่ผมออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้า😁
แวะไปรับเพื่อนตามรายทาง
(เดินไปนะครับ) เราสนุกกันมาก คุยกันลั่นถนนจน ชาวบ้านร้านตลาดต้องโผล่มามองเป็นระยะ(แต่ผมไม่ได้คุยด้วยนะครับ แค่อยู่ในกลุ่มเฉยๆ)

ครั้งนั้นนอกจากจะได้ไป
กรุงเทพฯครั้งแรกแล้ว
ยังเป็นการเดินทางไกลโดย
ไม่มีพ่อแม่ไปด้วยเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน
และได้จับแบงค์ร้อยถึงสองใบเป็นค่าขนมครั้งแรกด้วย
จริงๆ แม่ห่อข้าวให้ด้วยนะ
ผมจำได้แม่นยำเลยว่า
เป็นเมนูข้าวผัดไข่กับหมูเค็ม  

และเมื่อคุณครูขานชื่อน.ร.ครบ เราก็ถูกต้อนขึ้น
รถเมล์  
จริงๆชั้นป.สี่นี้เป็น
ชั้นเด็กเล็กสุดที่ครูอนุญาตให้ไปด้วยได้
และเป็นยุคแรกของการไป
ทัศนศึกษาของร.ร.
เด็กๆ ก็เลยตื่นตัวและตื่นเต้นกันมาก เรียกได้ว่า
ตั้งแต่ป.สี่ถึงป.หก(ยังไม่มี
มัธยมครับ) เด็กทุกคนลงชื่อไปเที่ยวกันครบหมด
แต่ผมกับเฮียเรียนคนละที่
เลยไม่ได้ไปด้วยกัน

คุณครูพาเราแวะเที่ยววัด
หลวงปู่โสธร  และไม่อยาก
เล่าเลยว่า  ผม....เมารถ
แบบ..วินาศสันตโรเลยครับ😅เด็กบ้านนอกก็งี้  ออกจากวัดได้ผมก็นอนแบ่บ
เพื่อนเขาแวะที่ไหนกันบ้าง
ตานี่ก็ไม่ได้รู้เรื่องหรอกครับ เมาหัวซุนอยู่คนเดียวบนรถนั่นแหละ
พอจะรู้สติหน่อยตอนขึ้น
ภูเขาทองกับไปสวนสัตว์ดุสิต  อันนี้ได้เดิน
กับเขาหน่อยนึง

และเงินสองร้อยที่พกไป
ตาเจ็ดได้ใช้แค่ซื้อน้ำอัดลมขวดเดียว(ที่เหลือเอากลับ
มาคืนแม่ เพราะกินอะไรไม่
ลง)

เป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้จะ
เรียกยังไงดี เพราะจำได้
แต่เรื่องเมารถเรื่องเดียวจริงๆ

ว่ากันไปถึงเรื่องตื่นเต้น
ครั้งแรกแล้ว
คราวนี้ก็มาว่าถึงเรื่องรู้สึกดีมากๆ ครั้งแรกกันบ้าง
หลังจากผมทำงานได้หกปี
โรงงานก็จ้างพนักงานออก
ในที่นี้คือออกทุกคนเลย
นะครับ ตั้งแต่ระดับพนักงานจนถึงผู้จัดการทุกแผนก
คงจะสงสัยกันแล้วใช่ไหม
ครับว่า จะดีใจทำไมเพราะ
ถูกจ้างออกก็เท่ากับตกงาน

เปล่าตกครับ..เขาแค่เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่
เปลี่ยนเจ้าของใหม่
และเปลี่ยนทีมบริหารใหม่
แต่พวกผมก็ถูกบังคับแกม
ขอร้องให้สมัครงานที่นั่นใหม่ โดยใครเคยทำตำแหน่งใดก็อยู่ตำแหน่งนั้น
แต่ค่าแรงได้มากกว่าเดิมอีก
ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ +ค่าตกใจ
แบบเหมาจ่ายอีกสองระดับ
ตั้งแต่ห้าเดือนถึงสองปีได้
หนึ่งหมื่นบาท
สองปีขึ้นไปได้สามหมื่น
(แต่ระดับผู้บริหารผมไม่ทราบ)ตอนเขียนใบลาออก
ผมก็แอบกลัวตกงานจริง
เหมือนกันแต่ถึงเวลาก็ไม่ตก และมีเรื่องดีเข้ามา
หลายเรื่องอยู่เหมือนกัน
ถือเป็นการตกงานครั้งแรกและได้งานในเวลาเดียวกัน
เท่ากับ งานใหม่ในที่เก่า


และขอแถมอีกเรื่อง
เป็นเรื่องของพ่อผม  คือ
ช่วงปีห้าหนึ่ง เฮียได้ซื้อรถ
scooter มาให้พ่อคันหนึ่ง
(จริงๆ ต้องเรียกว่าของใช้หนี้จะถูกกว่า)  พอพ่อเห็น
ก็บอกว่า

"เอามาทำไม  พ่อขับไม่เป็น"

ผมกับน้องก็เลยช่วยกันเกลี้ยกล่อม สักพัก น้องก็
พาพ่อไปหัด หายกันไปพักใหญ่  น้องก็ซ้อนพ่อกลับมา
ก่อนมาขยิบตายิ้มๆ ใส่ผม
พอวันรุ่งขึ้น  พ่อก็ร้องจะขับอีก  น้องก็พาไปอีก  แต่แอบ
เดินกลับมาก่อน  ผมเป็นห่วงพ่อก็เลยเอารถออกไปตาม(ตอนนั้นแทบฆ่าน้องทิ้ง
แล้ว😄)
ที่ไหนได้ พอไปถึงกลับเห็น พ่อ   กำลังขับรถ
วนอยู่ในสนามโรงเรียนอย่างมันในอารมณ์มาก
(นั่นขนาดเพิ่งขับเป็นครั้ง
แรกนะนั่น)
เลยกลายเป็นว่าผมต้องไปนั่งดูห่างๆ อย่างห่วงๆ
อยู่ข้างสนามแทน เพราะพ่อขับรถมันส์เกิน
เลยไม่ยอมกลับซะอย่างนั้น  เฮ้อ...เบิ๊ดคำสิเว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่