สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 57
ผมอายุ 34 ปี
อาชีพโปรแกรมเมอร์
สาย .Net
จบราชภัฎนครปฐม(*)
วิทยาการคอมพิวเตอร์
เกรดจบ 3.47
เป็นเด็กต่างจังหวัดจ๋าๆ(**)
ชนิดที่แม้แต่ตัวจังหวัดตัวเองยังไม่ค่อยได้ไป
มาเรียนนครปฐมไม่เที่ยวไหนเลย
เลิกเรียนก็กลับที่พัก รับจ้างเจ้าของหอพักทำงาน
เรียนจบอายุ 24 เข้ามาทำงานกรุงเทพ
พักอยู่ปากเกร็ด ด้วยความที่แฟนทำงานอยู่
ที่ปากเกร็ด ผมจึงได้ตามเข้าเมืองมาจนได้
ไปสัมภาษณ์งานครั้งแรก
แถวๆหลังบริษัท TOT งามวงศ์วาน
เงินเดือนที่บริษัทนั้นประกาศไว้
14,000-20,000 บาท
ด้วยความไม่เคยและจบใหม่
จึงกรอกใบสมัครช่องเงินเดือนที่ต้องการ
กรอกไป 14,000 คือต่ำสุดที่ประกาศไว้
ตอนสัมภาษณ์ผู้สัมภาษณ์
ใช้น้ำเสียงอย่างเหยียดๆว่า
"เด็กจบใหม่ทำไมกล้าเรียกตั้งหมื่นสี่
ไปเอาค่านิยมนี้มาจากไหน" (***)
ก็ตอบเขาไปตามตรง
ว่าเรียกต่ำสุดตามที่บริษัทคุณพี่ลงประกาศไว้
สัมภาษณ์เสร็จต้องกลับปากเกร็ด
โอ้ว ข้ามสะพานลอยมาฝั่งที่จะกลับปากเกร็ด
เดินย้อนมาทางแครายเพื่อหาป้ายรถเมล์
เพราะตลอดเวลาที่อยู่บ้านนอก
เคยได้ยินเรื่องเล่าจำพวก รถควันดำห้ามเข้ากรุงเทพ,
กรุงเทพรถเมล์จอดเฉพาะป้ายเท่านั้น
เลยคิดว่ามันเป็นจริงทุกอย่างต้องตามกฎเป๊ะๆ
เดินไปเรื่อยจนรองเท้ากัดยังไม่เจอป้ายรถเมล์
เดินไปเจอป้ายรถเมล์หน้าโลตัสแครายโน่นเลย
ยิ่งนึกยิ่งขำ(****)
รอไปหนึ่งสัปดาห์โดยไม่ได้สมัครงานที่อื่นเพิ่ม
เพราะโง่ กลัวว่าถ้าสมัครหลายที่แล้วเกิดได้ทุกที่
จะต้องปฏิเสธบางที่ ที่นั้นๆจะเสียความรู้สึก
ครบสัปดาห์ ที่แรกไม่โทรมา จึงไปสมัครแห่งที่สอง
แถวๆหลักสี่ ด้วยความกลัวจากที่แรก
ยอมลดเงินเดือนลงอีก กรอกใบสมัคร 11,000 เลย
ที่สองนี่ได้งานครับ ทำงานหนึ่งเดือนเจ้านายปรับให้เป็น
12,000 พอผ่านโปร 4 เดือน เจ้านายปรับให้เป็น
13,000 ดีใจอย่างที่สุด ตา ยาย แม่ น้า ดีใจกันทุกคน
แต่... มีโอกาสได้คุยกับเพื่อนสมัยมัธยม
ที่รู้ว่าไปเรียนต่อวิทยาการคอมเหมือนกัน
แต่เพื่อนเรียนที่ ม.มีชื่อเสียงในเชียงใหม่
จบมาเป็นโปรแกรมเมอร์เหมือนกัน
เพื่อนถามว่าเงินเดือนเท่าไหร่
เราก็ภูมิใจของเรานิ ก็บอกแบบไม่ปิดบัง
13,000 หวะเพื่อน คิดว่ามันจะดีใจกับเรา
ที่ไหนได้.. เพื่อนตอบมาว่า เพราะมีคนแบบมิง
วงการโปรแกรมเมอร์ไทยถึงเงินเดือนไม่ไปไหน
เงินเดือนแค่เศษเงินมิงยังทำ
ผมก็ไม่โกรธเพื่อนนะ แค่เสียดาย
จากกันไปตั้ง 4 ปี แยกย้ายกันไปเรียน
กรูดีใจแทบตายที่ได้คุยกับมิง
แล้วดูมิงพูดกับกรูดิ 55+
แต่จะบอกว่าสมัยเงินเดือนๆละ
หมื่นสาม ผมเก็บเงินได้เดือนละสี่พันนะ
จนทำงานที่นั่นมา 6 ปี อายุ 30 ละ
ไม่เคยคิดย้ายงาน
เพราะคิดอยู่ในใจเสมอว่าเจ้านายมีพระคุณมาก
ให้โอกาสได้ทำงาน สอนงานมากมาย
จนวันนึง ได้เป็นหัวหน้าทีมมีลูกน้อง
เทรนลูกน้องจนเก่ง ทำงานแทนเราได้หมด
ไม่ต้องห่วงบริษัทอีกต่อไปละ เลยเริ่มหมดไฟ
อยากลองขายของ อยากขายลูกชิ้นทอด
อยากขายหมูปิ้ง นี่เรื่องจริงนะครับ
เลยลาออกในที่สุด
ลาออกที่เงินเดือน 22,000 บาท
ตอนออกเจ้านายยังให้ขวัญถุงมาอีกสองหมื่น
ยิ่งรักเจ้านายเข้าไปอีก
เฮียวิทูรครับ ถ้าเฮียได้ผ่านมาอ่าน
ผมกราบขอบพระคุณเฮียจริงๆครับ
ลาออกมาสิ้นสิงหา พักผ่อนไป 1 เดือนเต็ม
ก่อนลาออกได้หาดูทาวน์เฮาส์ไว้
เพราะจะขายของต้องใช้พ่วงข้าง
ต้องเก็บของล้าง ต้องขนของขาย
อยากอยู่ที่ซึ่งขนของได้สะดวกๆ
ดูไว้หลายที่ราคา 6,000 นิดๆ
พอจะเอาจริงๆ ไปตามดูที่เหล่านั้น
ก็ดันโดนคนอื่นเช่าไปหมดแล้ว
เลยต้องหาที่ใหม่
คราวนี้เหลือแต่ที่ค่าเช่าเดือนละ 8,000+
ตัดสินใจอยู่นาน ค่ารถพ่วงข้าง
ค่าอุปกรณ์ รวมๆแล้วเริ่มสูง ปอดแหกอีก
ในที่สุดล้มแผนขายของซะแล้ว
จึงเริ่มสมัครงานใหม่เดือน พ.ย. ปีเดียวกัน
และได้ค้นพบตัวเอง ดังนี้
1.ชอบชานเมือง ไม่ชอบคนมากๆ
2.ชอบบริษัทเล็กๆ อบอุ่นๆ
3.อยากเหนื่อยแค่กับงาน สู้เต็มที่
แต่ไม่อยากเหนื่อยกับคน
4.ไม่อยากแก่งแย่งชิงดี
5.อยากแข่งแค่กับความพอใจของลูกค้า
ไม่อยากแข่งกับเพื่อนร่วมงาน
สรุปสมัครงานย่านปากเกร็ดและนนทบุรีเท่านั้น
ได้งานแถวๆรัตนาธิเบศร์
เริ่มงานด้วยเงินเดือนที่ 23,000
ผ่านโปรปรับเป็น 25,000
ครบปีปรับเป็น 28,000
ครบอีกปีปรับเป็น 30,000
จะบอกว่า ระหว่างทางที่เงินเดือนขึ้น
ดีใจแทบลงไปดิ้นกับพื้นทุกครั้ง 55+
เสียดายปีถัดมาเจอโควิดเงินเดือนขึ้นไม่ได้
แต่ไม่ว่ากัน ก็มันแย่กันทุกคน เข้าใจได้อยู่
นึกเล่นๆป่านนี้เพื่อนคนนั้นคงเงินเดือน
เฉียดๆแสนไปละมั้ง (ตั้งแต่บัดนั้น
จนบัดนี้ครบ 10 ปี ไม่ได้คุยกันอีก
มันคงเกลียดคนทำวงการโปรแกรมเมอร์
เสื่อมเสีย 55)
จากเป็นแค่โปรแกรมเมอร์
สูงสุดก็เป็นหัวหน้าทีมโปรแกรมเมอร์
ปัจจุบันเพิ่มวิเคราะห์ระบบเข้าไปด้วย
วิเคราะห์เอง เขียนเอง คุยกับลูกค้าเอง
เวลาลูกค้าชมก็ชมที่เรา เราก็ยิ้มหน้าบาน
บางทีลูกค้าไปชมให้เจ้านายฟัง เจ้านายมาบอกเรา
หน้าเราก็จะบานขึ้นไปอีก 55+
ทุกวันนี้เงินเดือน 30,000 ก็ได้เก็บทุกเดือน
ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 15,000
ช่วงหลังๆส่งให้แม่ทุกปีๆละ 30,000
ชำระหนี้ กยศ.ครบทุกปี
ร่ายซะยาวมากมาย
สรุปว่าจากหมายเหตุ (*) ถึง (****)
และจากเหตุผลส่วนตัว 1 ถึง 5
อายุ 34 ปี
เงินเดือน 30,000 ผมมีความสุขมาก
เลือกงาน, เลือกรูปแบบบริษัท,
เลือกที่ตั้งบริษัทแบบที่ผมชอบ
อยู่ชานเมืองขี่มอเตอร์ไซต์สบายๆ
ตกเย็นมีตลาดนัดให้ซื้อผัก ซื้อขนม
เบื่อๆก็ไปท่าน้ำ ไปให้อาหารปลา
เฮ้ออออ มีแต่น้ำหาประโยคจบสวยๆไม่ได้อีก 55
เอาเป็นว่า
ผมไม่มีเงินเดือนเป็นถัง
เป็นกะละมังแบบใครเขา
แต่ผมมีความสุขเต็มคันรถสิบล้อเลยนะครับ
เจ็บป่วยก็หวังแค่ประกันสังคม
แค่นี้เลยจริงๆ
อันนี้มุมมองส่วนตัวผมนะครับ
ขอพลังจงสถิตย์อยู่กับ จขกท. ครับ
(แก้ไขคำผิด และคำที่โดนเซนเซอร์ครับ)
อาชีพโปรแกรมเมอร์
สาย .Net
จบราชภัฎนครปฐม(*)
วิทยาการคอมพิวเตอร์
เกรดจบ 3.47
เป็นเด็กต่างจังหวัดจ๋าๆ(**)
ชนิดที่แม้แต่ตัวจังหวัดตัวเองยังไม่ค่อยได้ไป
มาเรียนนครปฐมไม่เที่ยวไหนเลย
เลิกเรียนก็กลับที่พัก รับจ้างเจ้าของหอพักทำงาน
เรียนจบอายุ 24 เข้ามาทำงานกรุงเทพ
พักอยู่ปากเกร็ด ด้วยความที่แฟนทำงานอยู่
ที่ปากเกร็ด ผมจึงได้ตามเข้าเมืองมาจนได้
ไปสัมภาษณ์งานครั้งแรก
แถวๆหลังบริษัท TOT งามวงศ์วาน
เงินเดือนที่บริษัทนั้นประกาศไว้
14,000-20,000 บาท
ด้วยความไม่เคยและจบใหม่
จึงกรอกใบสมัครช่องเงินเดือนที่ต้องการ
กรอกไป 14,000 คือต่ำสุดที่ประกาศไว้
ตอนสัมภาษณ์ผู้สัมภาษณ์
ใช้น้ำเสียงอย่างเหยียดๆว่า
"เด็กจบใหม่ทำไมกล้าเรียกตั้งหมื่นสี่
ไปเอาค่านิยมนี้มาจากไหน" (***)
ก็ตอบเขาไปตามตรง
ว่าเรียกต่ำสุดตามที่บริษัทคุณพี่ลงประกาศไว้
สัมภาษณ์เสร็จต้องกลับปากเกร็ด
โอ้ว ข้ามสะพานลอยมาฝั่งที่จะกลับปากเกร็ด
เดินย้อนมาทางแครายเพื่อหาป้ายรถเมล์
เพราะตลอดเวลาที่อยู่บ้านนอก
เคยได้ยินเรื่องเล่าจำพวก รถควันดำห้ามเข้ากรุงเทพ,
กรุงเทพรถเมล์จอดเฉพาะป้ายเท่านั้น
เลยคิดว่ามันเป็นจริงทุกอย่างต้องตามกฎเป๊ะๆ
เดินไปเรื่อยจนรองเท้ากัดยังไม่เจอป้ายรถเมล์
เดินไปเจอป้ายรถเมล์หน้าโลตัสแครายโน่นเลย
ยิ่งนึกยิ่งขำ(****)
รอไปหนึ่งสัปดาห์โดยไม่ได้สมัครงานที่อื่นเพิ่ม
เพราะโง่ กลัวว่าถ้าสมัครหลายที่แล้วเกิดได้ทุกที่
จะต้องปฏิเสธบางที่ ที่นั้นๆจะเสียความรู้สึก
ครบสัปดาห์ ที่แรกไม่โทรมา จึงไปสมัครแห่งที่สอง
แถวๆหลักสี่ ด้วยความกลัวจากที่แรก
ยอมลดเงินเดือนลงอีก กรอกใบสมัคร 11,000 เลย
ที่สองนี่ได้งานครับ ทำงานหนึ่งเดือนเจ้านายปรับให้เป็น
12,000 พอผ่านโปร 4 เดือน เจ้านายปรับให้เป็น
13,000 ดีใจอย่างที่สุด ตา ยาย แม่ น้า ดีใจกันทุกคน
แต่... มีโอกาสได้คุยกับเพื่อนสมัยมัธยม
ที่รู้ว่าไปเรียนต่อวิทยาการคอมเหมือนกัน
แต่เพื่อนเรียนที่ ม.มีชื่อเสียงในเชียงใหม่
จบมาเป็นโปรแกรมเมอร์เหมือนกัน
เพื่อนถามว่าเงินเดือนเท่าไหร่
เราก็ภูมิใจของเรานิ ก็บอกแบบไม่ปิดบัง
13,000 หวะเพื่อน คิดว่ามันจะดีใจกับเรา
ที่ไหนได้.. เพื่อนตอบมาว่า เพราะมีคนแบบมิง
วงการโปรแกรมเมอร์ไทยถึงเงินเดือนไม่ไปไหน
เงินเดือนแค่เศษเงินมิงยังทำ
ผมก็ไม่โกรธเพื่อนนะ แค่เสียดาย
จากกันไปตั้ง 4 ปี แยกย้ายกันไปเรียน
กรูดีใจแทบตายที่ได้คุยกับมิง
แล้วดูมิงพูดกับกรูดิ 55+
แต่จะบอกว่าสมัยเงินเดือนๆละ
หมื่นสาม ผมเก็บเงินได้เดือนละสี่พันนะ
จนทำงานที่นั่นมา 6 ปี อายุ 30 ละ
ไม่เคยคิดย้ายงาน
เพราะคิดอยู่ในใจเสมอว่าเจ้านายมีพระคุณมาก
ให้โอกาสได้ทำงาน สอนงานมากมาย
จนวันนึง ได้เป็นหัวหน้าทีมมีลูกน้อง
เทรนลูกน้องจนเก่ง ทำงานแทนเราได้หมด
ไม่ต้องห่วงบริษัทอีกต่อไปละ เลยเริ่มหมดไฟ
อยากลองขายของ อยากขายลูกชิ้นทอด
อยากขายหมูปิ้ง นี่เรื่องจริงนะครับ
เลยลาออกในที่สุด
ลาออกที่เงินเดือน 22,000 บาท
ตอนออกเจ้านายยังให้ขวัญถุงมาอีกสองหมื่น
ยิ่งรักเจ้านายเข้าไปอีก
เฮียวิทูรครับ ถ้าเฮียได้ผ่านมาอ่าน
ผมกราบขอบพระคุณเฮียจริงๆครับ
ลาออกมาสิ้นสิงหา พักผ่อนไป 1 เดือนเต็ม
ก่อนลาออกได้หาดูทาวน์เฮาส์ไว้
เพราะจะขายของต้องใช้พ่วงข้าง
ต้องเก็บของล้าง ต้องขนของขาย
อยากอยู่ที่ซึ่งขนของได้สะดวกๆ
ดูไว้หลายที่ราคา 6,000 นิดๆ
พอจะเอาจริงๆ ไปตามดูที่เหล่านั้น
ก็ดันโดนคนอื่นเช่าไปหมดแล้ว
เลยต้องหาที่ใหม่
คราวนี้เหลือแต่ที่ค่าเช่าเดือนละ 8,000+
ตัดสินใจอยู่นาน ค่ารถพ่วงข้าง
ค่าอุปกรณ์ รวมๆแล้วเริ่มสูง ปอดแหกอีก
ในที่สุดล้มแผนขายของซะแล้ว
จึงเริ่มสมัครงานใหม่เดือน พ.ย. ปีเดียวกัน
และได้ค้นพบตัวเอง ดังนี้
1.ชอบชานเมือง ไม่ชอบคนมากๆ
2.ชอบบริษัทเล็กๆ อบอุ่นๆ
3.อยากเหนื่อยแค่กับงาน สู้เต็มที่
แต่ไม่อยากเหนื่อยกับคน
4.ไม่อยากแก่งแย่งชิงดี
5.อยากแข่งแค่กับความพอใจของลูกค้า
ไม่อยากแข่งกับเพื่อนร่วมงาน
สรุปสมัครงานย่านปากเกร็ดและนนทบุรีเท่านั้น
ได้งานแถวๆรัตนาธิเบศร์
เริ่มงานด้วยเงินเดือนที่ 23,000
ผ่านโปรปรับเป็น 25,000
ครบปีปรับเป็น 28,000
ครบอีกปีปรับเป็น 30,000
จะบอกว่า ระหว่างทางที่เงินเดือนขึ้น
ดีใจแทบลงไปดิ้นกับพื้นทุกครั้ง 55+
เสียดายปีถัดมาเจอโควิดเงินเดือนขึ้นไม่ได้
แต่ไม่ว่ากัน ก็มันแย่กันทุกคน เข้าใจได้อยู่
นึกเล่นๆป่านนี้เพื่อนคนนั้นคงเงินเดือน
เฉียดๆแสนไปละมั้ง (ตั้งแต่บัดนั้น
จนบัดนี้ครบ 10 ปี ไม่ได้คุยกันอีก
มันคงเกลียดคนทำวงการโปรแกรมเมอร์
เสื่อมเสีย 55)
จากเป็นแค่โปรแกรมเมอร์
สูงสุดก็เป็นหัวหน้าทีมโปรแกรมเมอร์
ปัจจุบันเพิ่มวิเคราะห์ระบบเข้าไปด้วย
วิเคราะห์เอง เขียนเอง คุยกับลูกค้าเอง
เวลาลูกค้าชมก็ชมที่เรา เราก็ยิ้มหน้าบาน
บางทีลูกค้าไปชมให้เจ้านายฟัง เจ้านายมาบอกเรา
หน้าเราก็จะบานขึ้นไปอีก 55+
ทุกวันนี้เงินเดือน 30,000 ก็ได้เก็บทุกเดือน
ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 15,000
ช่วงหลังๆส่งให้แม่ทุกปีๆละ 30,000
ชำระหนี้ กยศ.ครบทุกปี
ร่ายซะยาวมากมาย
สรุปว่าจากหมายเหตุ (*) ถึง (****)
และจากเหตุผลส่วนตัว 1 ถึง 5
อายุ 34 ปี
เงินเดือน 30,000 ผมมีความสุขมาก
เลือกงาน, เลือกรูปแบบบริษัท,
เลือกที่ตั้งบริษัทแบบที่ผมชอบ
อยู่ชานเมืองขี่มอเตอร์ไซต์สบายๆ
ตกเย็นมีตลาดนัดให้ซื้อผัก ซื้อขนม
เบื่อๆก็ไปท่าน้ำ ไปให้อาหารปลา
เฮ้ออออ มีแต่น้ำหาประโยคจบสวยๆไม่ได้อีก 55
เอาเป็นว่า
ผมไม่มีเงินเดือนเป็นถัง
เป็นกะละมังแบบใครเขา
แต่ผมมีความสุขเต็มคันรถสิบล้อเลยนะครับ
เจ็บป่วยก็หวังแค่ประกันสังคม
แค่นี้เลยจริงๆ
อันนี้มุมมองส่วนตัวผมนะครับ
ขอพลังจงสถิตย์อยู่กับ จขกท. ครับ
(แก้ไขคำผิด และคำที่โดนเซนเซอร์ครับ)
แสดงความคิดเห็น
ขออนุญาตถามเงินเดือน คนอายุ 30+ ค่ะ (งานประจำ)
อยากทราบข้อมูลของหลายๆคนเพื่อลองคิดค่าเฉลี่ยดู
เราอายุ 30 เป๊ะ เงินเดือน 21,400 บาท +โบนัส 3เดือนครึ่ง
ก็รู้สึกว่าไม่ได้เยอะ แต่ก็ไม่น้อยเกินไปค่ะ ถ้าเทียบกับงานก็คือพอใจค่ะ เพราะงานมั่นคง สวัสดิการดี บริษัทมีชื่อเสียง ไม่กดดัน วันหยุดเยอะ
แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความคิดว่า...เอ๊ะ! คนอายุ 30 คนอื่นๆอาจจะเงินเดือน 6-7 หมื่นแล้ว หรือบางคนอาจจะเป็นแสนรึป่าวนะ?
ขอเฉพาะงานประจำนะคะ เพราะถ้าทำธุรกิจส่วนตัวคงจะเทียบไม่ได้เลย เดี๋ยวอ่านแล้วท้อ 5555
ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าที่ช่วยออกความเห็นค่ะ