ติดหนี้ ไม่มีเงินจ่าย คุณจะประนอมหนี้ หรือ ให้ศาลตัดสิน "ล้มละลาย"⁉️

ติดหนี้ ไม่มีเงินจ่าย คุณจะประนอมหนี้ หรือ ให้ศาลตัดสิน "ล้มละลาย"⁉️









มีหนี้แต่ไม่ยอมจ่าย จะเจออะไรบ้าง⁉️ เมื่อคุณเป็นหนี้แล้วไม่ยอมจ่ายหรือไม่มีเงินจ่าย สิ่งที่ต้องโดนแน่ ๆ คือการโดนทวงหนี้นั่นเอง ซึ่งใครที่เคยเจอก็คงจะรู้ว่าการโดนทวงถามหนี้นั้นสร้างความเครียดให้คุณได้มากขนาดไหน ฉะนั้น คุณเลือกจะหาทางออกแบบไหนระหว่าง ประนอมหนี้ หรือ ให้ศาลตัดสิน "ล้มละลาย" กันดี❓❓







👉ผมเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่อยากเป็นหนี้ เพราะมันคือความทุกข์ของตัวคุณเอง และคนรอบข้าง แต่ผมเข้าใจครับว่าบางคนยอมเป็นหนั เพื่อวางรากฐานอนาคต



แต่ว่า...เมื่อคุณไม่มีเงินจ่ายหนี้นี่สิครับ ปัญหาก็จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นการทวงหนี้รายเดือน หรือบางคนโดนทวงรายวันจนต้องหนีจากที่พักอาศัยก็มี ไม่ว่าคุณจะเป็นหนี้ด้วยสาเหตุใดก็ตาม



"หนี้ก็ต้องมีการชดใช้ "



เพียงแต่คุณจะเลือกระหว่าง การประนอมหนี้ หรือ คุณจะปล่อยให้ศาลตัดสินคุณล้มละลาย ดูแล้วตัดสินใจให้ดี ๆ  และวันนี้ผมจะมาอธิบายทางเลือกทั้ง 2 ส่วนนี้ ว่าส่วนไหนมันสามารถปรับให้เข้ากับสถานการณ์ด้านการเงินของคุณ ณ ตอนนี้ได้บ้าง




✅เริ่มจาก “การประนอมหนี้” ที่เกิดจากการที่คุณไม่มีเงินจ่ายทางธนาคาร ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้การเป็นหนี้ในระบบทุกประเภท หากเริ่มจ่ายคืนเขาไม่ไหวสามารถเจรจาประนอมหนี้ได้นะครับ เนื่องจากการประนอมหนี้สามารถขอได้หลายวิธี อาทิเช่น ขอปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขยายเวลาชำระหนี้  หรืออีกกรณีหนึ่งที่คนเป็นหนี้มักมองข้าม

👉นั่นก็คือ การขอลดค่าปรับดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ที่มีจำนวนค่าปรับเท่า ๆ กับดอกเบี้ยเลยก็ว่าได้ เมื่อคุณสามารถขอประนอมหนี้โดยการขอลดอัตราดอกเบี้ย หรือ การขอลดค่าปรับดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ได้ในส่วนใดส่วนหนึ่งแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ หาเงินหารายได้เพิ่ม ทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย ไปจนถึงการออมเงินเพื่อชำระหนี้ที่คุณได้ขอประนอมหนี้ไว้จนหมด



แต่‼️ ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำเช่นนี้ได้กันทุกคน เพราะบางคนจ่ายเพียงแค่ 2-3 เดือน ก็ไม่จ่ายแล้ว ซึ่งจะอยู่ในลักษณะคนที่ไม่มีเงินสำหรับที่จะจ่ายหนี้แต่มีเงินที่ใช้จ่ายเฉพาะปัจจัยสี่เพียงเท่านั้น  

💪ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ณ ตอนนี้ คุณก็ต้องมาวางแผนกับชีวิตของคุณแล้วว่า คุณจะเริ่มทำอาชีพไหนที่ไม่ต้องลงทุน และสามารถนำเงินเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เพียงพอ แล้วในช่วงที่คุณพยายามตั้งตัวอยู่นั้น แน่นอนว่าทางธนาคารหรือเจ้าหนี้ไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยอาจจะมีการฟ้องร้องทางชั้นศาลเพื่อไกล่เกลี่ยหนี้ของคุณ สิ่งที่คุณพอจะทำได้ในการไปเจรจากับชั้นศาลในขณะนั้นก็คือ ความจริงเรื่องสถานการณ์การเงินรายรับและรายจ่ายของคุณเอง เมื่อศาลรับรู้ถึงรายรับและรายจ่ายที่คุณไม่สามารถชำระหนี้ได้ในเวลานั้น ก็อาจจะยืดเวลาการชำระหนี้ของคุณออกไปจนกว่าคุณจะสามารถตั้งตัวได้ ซึ่งผมอาจจะไม่ขอลงลึกในกระบวนนี้นะครับ




✅ต่อไปก็จะมาพูดถึงในส่วน “การปล่อยให้ล้มละลาย” มีสาเหตุจากการที่คุณมีหนี้สินมากจนเกินไป และไม่สามารถชำระคืนกับเจ้าหนี้ได้จริง ๆ หรือเรียกว่า หมดตัวก็เป็นได้ จึงถูกเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลาย โดยการจะถูกฟ้องล้มละลายนั้นมีสาเหตุมาจาก
เป็นบุคคลธรรมดา – ที่มีหนี้สินเกิน 1 ล้านบาท👉เป็นนิติบุคคล – ที่มีหนี้เกิน 2 ล้านบาท
เป็นผู้ที่เข้าข่ายว่า “มีหนี้สินล้นพ้นตัว” หรือ “ไม่มีความสามารถที่จะชำระหนี้ได้”
การโดนฟ้องล้มละลายนั้นมีโอกาสเกิดกับทุกคนหากว่ามียอดหนี้สูงเกินกว่าที่ พรบ.ล้มละลาย ได้กำหนดไว้ และพระราชบัญญัติล้มละลายก็ไม่ได้จำกัดว่า ผู้ที่ล้มละลายจะต้องเป็นบุคคลประเภทใด

💪ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลประเภทใดก็สามารถล้มละลายได้เช่นกัน ซึ่งการที่คุณจะอยู่ในสถานะ "ล้มละลาย” ต้องผ่านกระบวนการการประนอมหนี้มาเรียบร้อยแล้ว และตัวคุณเองก็ได้ขาดการชำระหนี้ที่ได้ตกลงประนอมหนี้กันไว้ติดต่อกันหลายๆ เดือน ฉะนั้น คุณไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากต้องรอและเป็นไปตามกระบวนการของศาล ซึ่งการเป็นบุคคลล้มละลายจะมีผลทำให้เราไม่สามารถทำนิติกรรมใด ๆ ทั้งสิ้นได้ รวมถึงธุรกรรมการเงินต่าง ๆ  เช่น เปิดบัญชีธนาคาร เป็นต้น




💡💡ดังนั้น เมื่อคุณเป็นหนี้และสามารถประนอมหนี้ได้ คุณก็ควรจะชำระหนี้ให้ทันตามที่เจ้าหนี้กำหนดถึงแม้ว่าการเป็นบุคคลล้มละลายนั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนก็ตาม แต่หากคุณมีวินัยการเงินที่ดีและมีการวางแผนการใช้จ่ายเงินของคุณให้ดี รวมถึงมีวินัยในการชำระคืนหนี้ที่คุณยืมมาให้ครบถ้วนและไม่สร้างหนี้สินให้ล้นพ้นตัว กู้ยืมมาเฉพาะที่เราใช้คืนไหวเท่านั้น  เพียงเท่านี้เราก็ห่างไกลจากการเป็นบุคคลล้มละลายได้แล้วล่ะครับ






💚💚เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับใครที่เป็นหนี้อยู่เมื่ออ่านบทความนี้แล้วคุณพอจะมีไอเดียหรือเลือกการชำระหนี้แบบไหนกันดี เหนืออื่นใดทุกคนย่อมรู้แก่ใจว่า ถึงแม้ว่าเราเป็นหนี้เราก็ต้องชดใช้ แต่ระหว่างทางคุณก็ต้องรีบกระตือรือร้น วางแผนการหาเงินหารายได้เพิ่ม การทำธุรกิจที่ยังไม่ต้องลงทุน

💡อาทิเช่น การทำธุรกิจขายของออนไลน์แบบไม่ต้องสต็อกสินค้า หรือหางานประจำควบคู่กันไปด้วย เมื่อคุณหางานหาเงินที่สามารถแบ่งเงินมาชำระหนี้ในแต่ละเดือนได้แล้วคุณก็อย่าลืมที่จะทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ทั้งหมด แล้วเริ่มเก็บเงินออมเงินไว้ให้เป็นสัดเป็นส่วน เพื่อที่จะได้เลี่ยงการเป็นหนี้ซ้ำในอนาคตนั่นเอง ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าคุณไม่ลงมือทำ หรือคุณคิดว่าอย่างสามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ👇👇

================
วรัทภพ รชตนามวงษ์
พาพันขอบคุณ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่