ด่วน! โควิดวันนี้ พบติดเชื้อเสียชีวิต 113ราย ผู้ป่วยใหม่พุ่ง 11,200ราย
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6662761
ศบค. รายงานสถานการณ์ โควิดวันนี้ เศร้า พบผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่ม 113 ราย ผู้ป่วยใหม่ 11,200 ราย เผย ผู้ป่วยกำลังรักษา 109,022 ราย
วันที่ 7 ต.ค.2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน เบื้องต้นมีผู้ป่วยใหม่ 11,200 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 138 ราย ราย ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 9,996 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 1,046 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 20 ราย
หายป่วยกลับบ้าน 10,087 ราย หายป่วยสะสม 1,524,431 ราย ยอดผู้ป่วยสะสมระลอกเดือนเม.ย.2564 จำนวน 1,649,434 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 113 ราย ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 109,022 ราย ทั้งนี้ ศบค. จะแถลงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง
อนามัยโลกย้ำ ศึกโควิดยังไม่พ้นขีดอันตราย ชี้เพิ่งถึงช่วงกลางของการแพร่ระบาด
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2977029
อนามัยโลกย้ำ ศึกโควิดยังไม่พ้นขีดอันตราย ชี้เพิ่งถึงช่วงกลางของการแพร่ระบาด
องค์การอนามัยโลกออกมาเตือนว่า การต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่พ้นขีดอันตราย แม้ว่าหลายคนจะคิดว่ามันใกล้จะจบลงแล้วก็ตามที
มาเรีย แวน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคขององค์การอนามัยโลกในการรับมือกับโควิด-19 ระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3.1 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 54,000 ราย แต่ตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก
เคอร์โคฟกล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังคงเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะเราไม่สามารถควบคุมโคโรนาไวรัสได้ เรายังไม่พ้นขีดอันตราย แต่น่าจะอยู่ในช่วงกลางของการแพร่ระบาด ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจนัก เพราะเรายังไม่ได้ใช่เครื่องมือที่มีที่จะทำให้เราเข้าใกล้จุดจบของการแพร่ระบาดได้
“เรายังคงมีปัญหาและยังคงดิ้นรนต่อสู้อยู่ ในอีกหลายเมืองเราได้เห็นตัวเลขคนไข้ในหอผู้ป่วยหนักและในโรงพยาบาลเต็มล้นและผู้คนที่ยังล้มตาย ขณะที่ในท้องถนน เราก็เห็นผู้คนที่ทำเหมือนสถานการณ์ทุกอย่างจบลงแล้ว แต่ในความเป็นจริงเราจะมีทั้ง 2 ทางแบบนี้ไม่ได้” เคอร์โคฟกล่าว
เคอร์โคฟกล่าวว่า ข้อมูลจากประเทศต่างๆ ที่แจ้งเข้ามาให้ทราบ แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน โดยเธอยังตำหนิข้อมูลผิดๆ และข้อมูลที่มีการบิดเบือนซึ่งถูกเผยแพร่ผ่านอินเตอร์เน็ตว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนเสียชีวิต
“วิธีที่โลกรับมือกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น กับการที่เราไม่โจมตีไวรัสให้หนักแน่นพอที่เราควรจะทำในระดับโลก ทำให้โควิด-19 ไม่ถูกขจัดไป และมันจะอยู่ที่นี่กับเราต่อไป” เคอร์โคฟกล่าว
แนวกั้นเอาไม่อยู่! พระ-เณรขนกระสอบทรายกลางดึก คลองบางบัวทองทะลักแล้ว
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6662600
เจ้าอาวาสวัดละหาร บางบัวทอง ระดมพระ-เณรเร่งกั้นกระสอบทรายกลางดึก หลังน้ำคลองบางบัวทอง ทะลักท่วมซอยวัดแล้ว เทศบาลระดมติดตั้งเครื่องสูบน้ำสู้หลังแนวกั้นกระสอบทรายเอาไม่อยู่
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 6 ต.ค.2564 นางเครือพันธ์ ปิ่นแก้ว รองนายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมด้วย นาย
สามารถ เจริญนนทสิทธิ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง นาย
เลอศักดิ์ นามพระ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบางบัวทอง
พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักกองช่าง เทศบาลเมืองบางบัวทอง กว่า 20 คน เร่งนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เข้าติดตั้งบริเวณพื้นที่ด้านหลังวัดละหารซึ่งติดกับริมคลองบางบัวทอง หลังระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมซอยชุมชนวัดละหาร ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา แม้ทางเทศบาลจะระดมสร้างแนวกั้นกระสอบทรายจำนวน 1,500 ถุงแล้วก็ตาม
จากการลงพื้นที่ซอยวัดละหารพบว่า ซอยมีระยะทางประมาณ 500 เมตร ท้ายซอยติดกับคลองบางบัวทอง โดยน้ำจากคลองที่ล้นตลิ่งได้เข้าท่วมสูงบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่รกร้างอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ระดับท่วมสูงประมาณ 20 – 30 ซม. บ้านเรือนประชาชนบางส่วนถูกน้ำท่วมพื้นชั้นล่างต้องยกของขึ้นที่สูง
เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองบางบัวทองเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดท่อ 10 นิ้ว ระบายน้ำออกจากพื้นอย่างเร่งด่วน เนื่องจากระดับกำลังไหลเข้าในชุมชนและมีแนวโน้มไหลเข้าภายในพื้นที่วัดละหาร ทำให้เจ้าอาวาสต้องเกณฑ์พระ-เณร30 รูป ขนกระสอบทรายสร้างแนวกั้นน้ำบริเวณประตูทางเข้า-ออกวัดไม่ให้น้ำที่ไหลล้นจากคลองบางบัวทองเข้ามาท่วม หลังจากน้ำเริ่มสูงถึงประตูหน้าวัด
สำหรับพื้นที่ในบริเวณนี้เมื่อปี 2554 เคยเป็นจุดที่คันกั้นน้ำพังถล่มลงจนเป็นเหตุทำให้มวลน้ำปริมาณมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จนสูงกว่า 1.5 เมตรมาแล้ว ตั้งแต่ตลาดบางบัวทองจนถึงสี่แยกบางพลู
JJNY : เสียชีวิต 113 ป่วยใหม่ 11,200│WHOย้ำศึกโควิดยังไม่พ้นขีดอันตราย│พระ-เณรขนกระสอบทรายกลางดึก│กสิกรชี้กินเจหดตัว8.2%
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6662761
วันที่ 7 ต.ค.2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน เบื้องต้นมีผู้ป่วยใหม่ 11,200 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 138 ราย ราย ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 9,996 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 1,046 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 20 ราย
หายป่วยกลับบ้าน 10,087 ราย หายป่วยสะสม 1,524,431 ราย ยอดผู้ป่วยสะสมระลอกเดือนเม.ย.2564 จำนวน 1,649,434 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 113 ราย ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 109,022 ราย ทั้งนี้ ศบค. จะแถลงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง
อนามัยโลกย้ำ ศึกโควิดยังไม่พ้นขีดอันตราย ชี้เพิ่งถึงช่วงกลางของการแพร่ระบาด
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2977029
อนามัยโลกย้ำ ศึกโควิดยังไม่พ้นขีดอันตราย ชี้เพิ่งถึงช่วงกลางของการแพร่ระบาด
องค์การอนามัยโลกออกมาเตือนว่า การต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่พ้นขีดอันตราย แม้ว่าหลายคนจะคิดว่ามันใกล้จะจบลงแล้วก็ตามที
มาเรีย แวน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคขององค์การอนามัยโลกในการรับมือกับโควิด-19 ระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3.1 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 54,000 ราย แต่ตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก
เคอร์โคฟกล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังคงเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะเราไม่สามารถควบคุมโคโรนาไวรัสได้ เรายังไม่พ้นขีดอันตราย แต่น่าจะอยู่ในช่วงกลางของการแพร่ระบาด ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจนัก เพราะเรายังไม่ได้ใช่เครื่องมือที่มีที่จะทำให้เราเข้าใกล้จุดจบของการแพร่ระบาดได้
“เรายังคงมีปัญหาและยังคงดิ้นรนต่อสู้อยู่ ในอีกหลายเมืองเราได้เห็นตัวเลขคนไข้ในหอผู้ป่วยหนักและในโรงพยาบาลเต็มล้นและผู้คนที่ยังล้มตาย ขณะที่ในท้องถนน เราก็เห็นผู้คนที่ทำเหมือนสถานการณ์ทุกอย่างจบลงแล้ว แต่ในความเป็นจริงเราจะมีทั้ง 2 ทางแบบนี้ไม่ได้” เคอร์โคฟกล่าว
เคอร์โคฟกล่าวว่า ข้อมูลจากประเทศต่างๆ ที่แจ้งเข้ามาให้ทราบ แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน โดยเธอยังตำหนิข้อมูลผิดๆ และข้อมูลที่มีการบิดเบือนซึ่งถูกเผยแพร่ผ่านอินเตอร์เน็ตว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนเสียชีวิต
“วิธีที่โลกรับมือกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น กับการที่เราไม่โจมตีไวรัสให้หนักแน่นพอที่เราควรจะทำในระดับโลก ทำให้โควิด-19 ไม่ถูกขจัดไป และมันจะอยู่ที่นี่กับเราต่อไป” เคอร์โคฟกล่าว
แนวกั้นเอาไม่อยู่! พระ-เณรขนกระสอบทรายกลางดึก คลองบางบัวทองทะลักแล้ว
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6662600
เจ้าอาวาสวัดละหาร บางบัวทอง ระดมพระ-เณรเร่งกั้นกระสอบทรายกลางดึก หลังน้ำคลองบางบัวทอง ทะลักท่วมซอยวัดแล้ว เทศบาลระดมติดตั้งเครื่องสูบน้ำสู้หลังแนวกั้นกระสอบทรายเอาไม่อยู่
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 6 ต.ค.2564 นางเครือพันธ์ ปิ่นแก้ว รองนายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมด้วย นายสามารถ เจริญนนทสิทธิ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง นายเลอศักดิ์ นามพระ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบางบัวทอง
พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักกองช่าง เทศบาลเมืองบางบัวทอง กว่า 20 คน เร่งนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เข้าติดตั้งบริเวณพื้นที่ด้านหลังวัดละหารซึ่งติดกับริมคลองบางบัวทอง หลังระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมซอยชุมชนวัดละหาร ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา แม้ทางเทศบาลจะระดมสร้างแนวกั้นกระสอบทรายจำนวน 1,500 ถุงแล้วก็ตาม
จากการลงพื้นที่ซอยวัดละหารพบว่า ซอยมีระยะทางประมาณ 500 เมตร ท้ายซอยติดกับคลองบางบัวทอง โดยน้ำจากคลองที่ล้นตลิ่งได้เข้าท่วมสูงบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่รกร้างอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ระดับท่วมสูงประมาณ 20 – 30 ซม. บ้านเรือนประชาชนบางส่วนถูกน้ำท่วมพื้นชั้นล่างต้องยกของขึ้นที่สูง
เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองบางบัวทองเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดท่อ 10 นิ้ว ระบายน้ำออกจากพื้นอย่างเร่งด่วน เนื่องจากระดับกำลังไหลเข้าในชุมชนและมีแนวโน้มไหลเข้าภายในพื้นที่วัดละหาร ทำให้เจ้าอาวาสต้องเกณฑ์พระ-เณร30 รูป ขนกระสอบทรายสร้างแนวกั้นน้ำบริเวณประตูทางเข้า-ออกวัดไม่ให้น้ำที่ไหลล้นจากคลองบางบัวทองเข้ามาท่วม หลังจากน้ำเริ่มสูงถึงประตูหน้าวัด
สำหรับพื้นที่ในบริเวณนี้เมื่อปี 2554 เคยเป็นจุดที่คันกั้นน้ำพังถล่มลงจนเป็นเหตุทำให้มวลน้ำปริมาณมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จนสูงกว่า 1.5 เมตรมาแล้ว ตั้งแต่ตลาดบางบัวทองจนถึงสี่แยกบางพลู