สวัสดีค่ะ เนื้อหาอาจจะเหมือนมามาระบายความอัดอั้นนั แต่จริงๆแล้วพวกนี้คือสิ่งที่ทำให้เราจริงจังกับการอยากมีบ้านค่ะ...
ตอนนี้เราเคลียดมากเลย เรื่องบ้านนี่แหละค่ะ เราขออธิบายที่มาที่ไปก่อนนะ คือเราอยู่บ้านที่เป็นบ้านของญาติอีกทีแล้วมันเป็นแบบบ้านติดนนใหญ่ คนก็ไม่ค่อยอยู่ ก็พอมีบ้างแต่ไม่รู้จักใครเลย อยู่ห่างกันค่อนข้างไกล
บ้านเราเป็นบ้านที่เรียกว่าบ้านไม่ได้เลย สภาพคือรับไม่ได้อ่ะ เป็นบ้านชั้นเดียว อายเพื่อนมั้ยก็อายนะเอาตรงๆเลย จะทำอะไรถ่ายรูปตัวเองถ่ายของถ่ายอะไรก็จะพยายามไม่ให้ติดพื้นหลัง ก็จะถ่ายแบบใกล้ๆแทน เราอยากให้พวกคนรู้จัก พวกเพื่อน มาหาที่บ้านเราบ้าง แต่ความที่ผปคของเรา เราขอเรียกว่าคพ นะคะ เค้าเหมือนแบบ อย่าเลยดูสภาพบ้านสิอายเค้า ยั่งงี้มันเลยเฟลๆมาตลอด ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรก็มั่นใจนะว่าบ้านก็คือบ้านอ่ะ เรายังอยู่ได้เลย พอโตมามันได้เห็นว่าสภาพมันไม่ได้จริงๆแหละ คือทุกอย่างวางไว้บนพื้น ไม่มีกระเบื้องสักแผ่น มีแต่ผ้ายางปูพื้นเก่าๆอ่ะ กับพวกตู้ที่เราเห็นตั่งแต่เด็กเก่าๆปลวกก้กินไม้ในบ้าน ปูนที่บ้านก็แตก

เรามั่นใจในตัวเองนะ แต่รู้สึกไม่มีความมั่นใจเรื่องบ้านของเราเลยสักนิดนึง
เรารู้สึกไม่ปลอดภัยทุกครั้งเลยพอถึงเวลากลางคืนแล้วมีเสียงนิดๆหน่อยๆรอบบ้าน รู้สึกระแวงไปหมดเลย อาจจะเพราะตอนประถมมันมีคนเข้ามาขโมยของในบ้าน ตั่งแต่นั้นมารู้สึกตัวเองเป็น แพนิคบวกกับซึมเศร้าสะสมมาเรื่อยๆ ตอนนอนเราก็ต้องนอนก่อน(หลับแล้วจะได้ไม่รู้เรื่อง) และเปิดไฟสลัวๆเพราะกลัวมีคนเข้ามา แต่บอกคนในบ้านเขาก็ขำแบบไม่เชื่อคิดว่าเราคิดไปเอง และบอกเหมือนแบบ โห มันจะตายมั้ยเนี่ย ตัวแค่นี้จะตายมั้ยเนี่ย แบบนี้ทุกครั้งที่เราคุยเรื่องนี้ด้วย ไม่รู้จะเอาไปคุยกับใคร คนที่บ้านคุยไปก็เอาแต่ความคิดตัวเอง เลยไม่จะอยากคุยด้วย
เรามีที่ดินอีกที่นะ เป็นบ้านเกิดที่เราอยากจะไปทำบ้านตรงนั้น
ขอระบายนิดหนึ่งนะคะ ข้ามไปเลยก็ได้ค่ะ...
เรามีพสกับคม. แต่เขาอยู่อีกบ้านเป็นบ้านในเมือง อยู่ดีแบบดูดีเลยอ่ะ เขาก็มาหาบ้านเราบ้างนะ ไปเที่ยวไปไหนก็ไป ใช้ของมีราคา ต้องใช้ไอโฟนต้องแต่งตัวดีๆ และบีบให้เราทำแบบนั้น เรารู้สึกได้เลยว่ามันปลอมอ่ะ ทั้งๆที่บ้านตัวเอง

โคตรห่วย และมีหนี้กองเท่าภูเขา แต่พอเงินเดือนเขาออกเขาเอาไปซื้อของสิ้นเปลืองและไปเที่ยวกับแฟนหรือมีแฟนกี่คนก็จะทำตัวเหมือนตัวเองบ้านมีฐานะ ทั้งๆที่ไม่ใช่ เค้าไม่เคยนึกถึงบ้านเราเลย (คือเราไม่ได้ต้องการเงินนะ เราแค่อยากให้เขาช่วยมาแบ่งเบาและเก็บเงินทำบ้านจริงๆจังๆ เพราะเขาบอกว่าเขาจะช่วยหาเงินมาทำบ้านให้) แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น พอฝั่งบ้านเขาอยากได้อะไรเขาก็จะให้คพไปทำไปต่อเติมให้บ้านเค้าดูดี เราเห็นชัดเลยว่าเขาไม่ได้จะพยายามอะไรเหมือนที่เขาพูดเลยทั้งที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
เรารู้สึกว่าทุกวันนี้เราไปไหนมาไหน พอกลับมาที่บ้านมันก็กลับมาร้องไห้ตลอดว่านี่เราทำอะไรไม่ได้เลย พยายามหาเงินขายของขายครีมแล้วมันก็ไม่พอที่จะทำบ้านให้เราได้อยู่แบบดีๆสักที พอมีรายได้ก็จะมีรายจ่ายเยอะกว่า ช่วงนี้จะไปหางานทำก็ไม่มีที่ให้ทำ และที่บ้านก็ไม่ยอมให้ทำงานข้างนอกด้วย เหมือนจะให้ช่วยแต่บ้านๆๆแบบนี้ ทั้งๆที่เราก็เห็นนะว่าที่ทำอยู่มาตั้งนานเป็น10-20 ปีเนี่ย มันขาดทุนและไม่มีอะไรได้กลับมาเลย แถมมีหนี้เพิ่มอีก ถ้าที่ทำอยู่มันดี ป่านนี้เรามีบ้านไปแล้วอ่ะ
เราสับสนตัวเองมากว่าเราต้องทำตัวอย่างไง จะหาเงินก็ไม่ยอมให้ทำ จะให้เรียน พอเรียนจริงๆจังๆก็ไม่สนับสนุนเรา มีแต่บอกว่าให้ตั้งใจกว่านี้ ทำได้แค่นี้หรอ คำพวกนี้ได้เย็นตั่งแต่ประถมจนตอนนี้อยู่มอปลายแล้วอ่ะ ส่วนบ้านฝั่งนู้นเราก็สับสนว่าเขามีเงินเดือนหมื่นอัพ แต่เขาไม่อยากจะเก็บเงินมาช่วยกันทำบ้านให้บ้านเราเลยหรอ เพราะสุดท้ายแล้วทำบ้านมาก้ต้องมาอยู่ด้วยกันอยู่ดีอ่ะ
ทุกคนว่าเราคิดมากคิดไปเองเกินไปหรือป่าว หรือใครมีวิธีแก้นิดๆหน่อยๆก็ได้ค่ะ ช่วยบอกๆ มาคุยกันหน่อยนะคะ หนูจะทนไม่ไหวแล้ว
อายุ16 อยากมีบ้านที่เรียกว่าบ้าน
ตอนนี้เราเคลียดมากเลย เรื่องบ้านนี่แหละค่ะ เราขออธิบายที่มาที่ไปก่อนนะ คือเราอยู่บ้านที่เป็นบ้านของญาติอีกทีแล้วมันเป็นแบบบ้านติดนนใหญ่ คนก็ไม่ค่อยอยู่ ก็พอมีบ้างแต่ไม่รู้จักใครเลย อยู่ห่างกันค่อนข้างไกล
บ้านเราเป็นบ้านที่เรียกว่าบ้านไม่ได้เลย สภาพคือรับไม่ได้อ่ะ เป็นบ้านชั้นเดียว อายเพื่อนมั้ยก็อายนะเอาตรงๆเลย จะทำอะไรถ่ายรูปตัวเองถ่ายของถ่ายอะไรก็จะพยายามไม่ให้ติดพื้นหลัง ก็จะถ่ายแบบใกล้ๆแทน เราอยากให้พวกคนรู้จัก พวกเพื่อน มาหาที่บ้านเราบ้าง แต่ความที่ผปคของเรา เราขอเรียกว่าคพ นะคะ เค้าเหมือนแบบ อย่าเลยดูสภาพบ้านสิอายเค้า ยั่งงี้มันเลยเฟลๆมาตลอด ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรก็มั่นใจนะว่าบ้านก็คือบ้านอ่ะ เรายังอยู่ได้เลย พอโตมามันได้เห็นว่าสภาพมันไม่ได้จริงๆแหละ คือทุกอย่างวางไว้บนพื้น ไม่มีกระเบื้องสักแผ่น มีแต่ผ้ายางปูพื้นเก่าๆอ่ะ กับพวกตู้ที่เราเห็นตั่งแต่เด็กเก่าๆปลวกก้กินไม้ในบ้าน ปูนที่บ้านก็แตก
เรารู้สึกไม่ปลอดภัยทุกครั้งเลยพอถึงเวลากลางคืนแล้วมีเสียงนิดๆหน่อยๆรอบบ้าน รู้สึกระแวงไปหมดเลย อาจจะเพราะตอนประถมมันมีคนเข้ามาขโมยของในบ้าน ตั่งแต่นั้นมารู้สึกตัวเองเป็น แพนิคบวกกับซึมเศร้าสะสมมาเรื่อยๆ ตอนนอนเราก็ต้องนอนก่อน(หลับแล้วจะได้ไม่รู้เรื่อง) และเปิดไฟสลัวๆเพราะกลัวมีคนเข้ามา แต่บอกคนในบ้านเขาก็ขำแบบไม่เชื่อคิดว่าเราคิดไปเอง และบอกเหมือนแบบ โห มันจะตายมั้ยเนี่ย ตัวแค่นี้จะตายมั้ยเนี่ย แบบนี้ทุกครั้งที่เราคุยเรื่องนี้ด้วย ไม่รู้จะเอาไปคุยกับใคร คนที่บ้านคุยไปก็เอาแต่ความคิดตัวเอง เลยไม่จะอยากคุยด้วย
เรามีที่ดินอีกที่นะ เป็นบ้านเกิดที่เราอยากจะไปทำบ้านตรงนั้น
ขอระบายนิดหนึ่งนะคะ ข้ามไปเลยก็ได้ค่ะ...
เรามีพสกับคม. แต่เขาอยู่อีกบ้านเป็นบ้านในเมือง อยู่ดีแบบดูดีเลยอ่ะ เขาก็มาหาบ้านเราบ้างนะ ไปเที่ยวไปไหนก็ไป ใช้ของมีราคา ต้องใช้ไอโฟนต้องแต่งตัวดีๆ และบีบให้เราทำแบบนั้น เรารู้สึกได้เลยว่ามันปลอมอ่ะ ทั้งๆที่บ้านตัวเอง
เรารู้สึกว่าทุกวันนี้เราไปไหนมาไหน พอกลับมาที่บ้านมันก็กลับมาร้องไห้ตลอดว่านี่เราทำอะไรไม่ได้เลย พยายามหาเงินขายของขายครีมแล้วมันก็ไม่พอที่จะทำบ้านให้เราได้อยู่แบบดีๆสักที พอมีรายได้ก็จะมีรายจ่ายเยอะกว่า ช่วงนี้จะไปหางานทำก็ไม่มีที่ให้ทำ และที่บ้านก็ไม่ยอมให้ทำงานข้างนอกด้วย เหมือนจะให้ช่วยแต่บ้านๆๆแบบนี้ ทั้งๆที่เราก็เห็นนะว่าที่ทำอยู่มาตั้งนานเป็น10-20 ปีเนี่ย มันขาดทุนและไม่มีอะไรได้กลับมาเลย แถมมีหนี้เพิ่มอีก ถ้าที่ทำอยู่มันดี ป่านนี้เรามีบ้านไปแล้วอ่ะ
เราสับสนตัวเองมากว่าเราต้องทำตัวอย่างไง จะหาเงินก็ไม่ยอมให้ทำ จะให้เรียน พอเรียนจริงๆจังๆก็ไม่สนับสนุนเรา มีแต่บอกว่าให้ตั้งใจกว่านี้ ทำได้แค่นี้หรอ คำพวกนี้ได้เย็นตั่งแต่ประถมจนตอนนี้อยู่มอปลายแล้วอ่ะ ส่วนบ้านฝั่งนู้นเราก็สับสนว่าเขามีเงินเดือนหมื่นอัพ แต่เขาไม่อยากจะเก็บเงินมาช่วยกันทำบ้านให้บ้านเราเลยหรอ เพราะสุดท้ายแล้วทำบ้านมาก้ต้องมาอยู่ด้วยกันอยู่ดีอ่ะ
ทุกคนว่าเราคิดมากคิดไปเองเกินไปหรือป่าว หรือใครมีวิธีแก้นิดๆหน่อยๆก็ได้ค่ะ ช่วยบอกๆ มาคุยกันหน่อยนะคะ หนูจะทนไม่ไหวแล้ว