JJNY : 4in1 ไตรมาส3เชื่อมั่นท่องเที่ยวโคม่า│หอค้าฯมอบเงินช่วยน้ำท่วม│อุตุฯหวั่น5-6ต.ค.โดนพายุ│นายกฯ-สมาชิกอบต.พ้นตำแหน่ง

ไตรมาส 3 ความเชื่อมั่นท่องเที่ยวโคม่า ต่ำสุดตั้งแต่ทำสำรวจมา - น่าตกใจพบทุกกิจการกว่า 54% ไม่มีรายได้เลย
https://www.khaosod.co.th/economics/news_6646067
 
 
ไตรมาส 3 ความเชื่อมั่นท่องเที่ยวต่ำสุดตั้งแต่เคยสำรวจมา คะแนน 7 เต็ม 200 – น่าตกใจพบทุกกิจการกว่า 54% ไม่มีรายได้เลย
 
ความเชื่อมั่นท่องเที่ยวโคม่า – น.ส.ผกากรอง เทพรักษ์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 3/2564 ที่จัดทำร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดทำดัชนี โดยอยู่ที่ระดับ 7 จากคะแนนเต็ม 200 สะท้อนสถานการณ์การท่องเที่ยวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ไตรมาสที่ 4/2564 อยู่ที่ระดับ 29
 
แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการคาดว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวในไตรมาสหน้าจะดีขึ้นกว่าไตรมาสนี้มาก แต่สถานการณ์ท่องเที่ยวยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมากที่สุด และตราบที่คะแนนยังต่ำกว่าระดับ 50 ถือว่าอยู่ในขั้นโคม่า เป็นผู้ป่วยอยู่ในห้องไอซียู โดยตลอดปี 2564 คาดว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 280,447 คนและมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 16,827 ล้านบาท
 
ไตรมาส 3/2564 ธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีการเปิดบริการเพียง 51% ลดลงจากไตรมาสก่อน 7% ส่วนที่ปิดกิจการชั่วคราวมี 44% เพิ่มขึ้น 6% และปิดกิจการถาวร 5% เพิ่มขึ้น 1% ขณะที่ 84% ของสถานประกอบการมีพนักงานเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง โดยมีแรงงานที่ออกจากระบบไปมากถึง 71% ประมาณ 3.05 ล้านคน ทั้งถูกเลิกจ้างและเปลี่ยนอาชีพอื่น จากเดิมที่มีอยู่ 4.3 ล้านคน
 
อีกทั้ง 54% ของสถานประกอบการไม่มีรายได้เข้ามาเลย โดยเฉพาะสถานบันเทิง 100% สวนสนุกและธีมพาร์ค 94% บริษัทนำเที่ยว 93% ธุรกิจนวดและสปา 86% ธุรกิจบริการขนส่งนักท่องเที่ยว 68%
 
นอกจากนี้ จากสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวในไตรมาสหน้า พบว่า 36% มีแผนเดินทางไปต่างจังหวัด และ 33% มีแผนเดินทางท่องเที่ยว โดยส่วนใหญ่กว่า 44% ยังไม่ตัดสินใจเดินทาง ที่น่าตกใจ คือ ประชาชนกว่า 70% มีรายได้ลดลงเฉลี่ย 40% ของรายได้ที่เคยรับ และ 78% มีภาวะหนี้สิน ดังนั้น การตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวในช่วงต่อจากนี้คงเป็นไปได้ยาก และอาจทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศปีนี้ชะลอตัว
 
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธาน สทท. กล่าวว่า เงื่อนไขในการเข้าประเทศยังไม่เอื้อกับการเดินทางท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวยังมีความสับสนในเรื่องของเกณฑ์และรูปแบบที่แตกต่างกันของแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะความยุ่งยากการขอใบอนุญาตเข้าประเทศ (COE)
 
โดยได้เสนอทุกพื้นที่ใช้แนวทางปฏิบัติ (SOP) เดียวกันและให้ใช้ชื่อ “แซนด์บ็อกซ์” ต่อท้ายเหมือนกันเหมือนกันกับทุกพื้นที่ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้ แม้กระทั่งแนวทางปฏิบัติ (SOP) ในการเข้าแต่ละจังหวัดของคนในประเทศก็เป็นตัวทำให้คนไทยไม่อยากเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเข้าภูเก็ต
 
ด้านนางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ตลอดปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 280,447 คน จะน่าวิตกมากว่าเราจะอยู่รอดได้หรือไม่ ส่วนที่รัฐบาลเตรียมออกมาตรการร่วมจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน 3 เดือน มองว่าน้อยเกินไป เพราะ 2 ปีจากนี้ไปเราจะลำบากมาก
 

 
“หอการค้าฯ”มอบเงินช่วยน้ำท่วม คาดสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจหมื่นล้าน
https://www.thansettakij.com/economy/497590

หอการค้าไทยห่วงใยสถานการณ์น้ำท่วมพร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นผ่าน 10 หอการค้าจังหวัด  คาดการณ์ความมเสียหายครังนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ5,000-10,0000ล้านบาท
 
นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยห่วงใยในสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากกระทบกับเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างมาก ในเบื้องต้น
 
ได้มีการส่งมอบเงินในนามมูลนิธิพาณิชย์สงเคราะห์ผ่านไปยังหอการค้าจังหวัด 10 จังหวัด ได้แก่ หอการค้าจังหวัดตาก นครสวรรค์ พิจิตร เพชรบูรณ์สุโขทัย  อุทัยธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ ชัยนาท และลพบุรี รวมมูลค่าทั้งสิ้น 800,000 บาท โดยมีประธานหอการค้าจังหวัดต่าง ๆ ร่วมรับมอบผ่านระบบ VDO Conference
 
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งมอบกำลังใจและให้หอการค้าแต่ละจังหวัดนำไปบริหารจัดการในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคในเบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนตามความเหมาะสมต่อไป โดยหอการค้าไทยประเมินว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นนี้ จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจประมาณ 5,000-10,0000 ล้านบาท ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วงปลายปี
 
จากการสอบถามหอการค้าจังหวัดต่าง ๆ พบว่า สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ค่อนข้างรุนแรง หลายจังหวัดเกิดน้ำท่วมทุกอำเภอ และอาจขยายพื้นที่ไปมากกว่านี้ ซึ่งคาดว่ามวลน้ำจะเคลื่อนตัวลงมาเรื่อย ๆ และอาจส่งผลกระทบเพิ่มมากขึ้น จึงขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเฝ้าระวังและติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวด้วย ซึ่งหอการค้าจังหวัดก็ได้ทำงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานราชการ และผู้ประกอบการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด


 
‘อุตุฯ’ หวั่น 5-6 ต.ค. ไทยโดนพายุถล่มอีกลูก ลุ้น กลางเดือนเข้าหน้าหนาว
https://www.matichon.co.th/economy/news_2962875
 
‘อุตุฯ’ หวั่น 5-6 ต.ค. ไทยโดนพายุถล่มอีกลูก ลุ้น กลางเดือนเข้าหน้าหนาว
 
เมื่อวันที่ 28 กันยายน นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยกับ ‘มติชนออนไลน์’ ว่า ปริมาณฝนที่เกิดยังคงเป็นไปตามคาดการณ์ ในประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง การเริ่มต้นฤดูฝนของประเทศไทย พ.ศ. 2564 ว่า ปีนี้จะมีปริมาณฝนมากกว่าปีที่แล้วและมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ 5-10% โดยช่วงต้นของฤดูจะพบว่า ฝนมาเร็วสลับกับลดลง และเริ่มกลับมาตกหนักอีกครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน
 
“น้ำจะท่วมหรือไม่ กรมอุตุนิยมวิทยาไม่สามารถบอกได้ ทำได้เพียงแจ้งเตือนพยากรณ์อากาศ และประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ และวางแผนในการบริหารจัดการ โดยปัญหา​อุทกภัย​ขณะนี้ เกิดจากการเร่งระบาย​น้ำจากบริเวณตอนบนของประเทศ จึงอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณแนวแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก รวมถึงแม่น้ำท่าจีน ก่อนที่จะระบายลงสู่ทะเล ซึ่งช่วงสัปดาห์นี้ประเทศไทยมีฝนลดลง จึงเหมาะในการเร่งระบายน้ำ
 
โดยคาดว่าจะมีร่องมรสุมเกิดขึ้นอีกครั้ง ช่วงวันที่ 1-3 ตุลาคม จากนั้นต้องติดตามว่า ช่วงวันที่ 5-6 ตุลาคม จะมีพายุเข้ามาอีกหรือไม่ ซึ่งขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยาอยู่ระหว่างเฝ้าติดตามพัฒนาการของพายุที่บริเวณทะเลจีนใต้ หากเกิดการก่อตัวเป็นพายุจริงต้องติดตามว่า จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณตอนบนหรือตอนกลางของประเทศเวียดนาม หากเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณตอนกลางจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย แต่เบื้องต้นขณะนี้ยังไม่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน จึงไม่สามารถประเมินได้” นายณัฐพลกล่าว
 
นายณัฐพล กล่าวว่า ช่วงกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไปถึงเดือนธันวาคม ฝนจะเริ่มตกหนักบริเวณภาคใต้ จึงต้องเฝ้าระวังปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่ บริเวณตอนบนของประเทศเริ่มมีฝนลดลง จึงคาดว่าประมาณกลางเดือนตุลาคม บริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงตอนบน อุณหภูมิจะเริ่มลดลง และเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งวันเวลาที่ชัดเจนในการประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการของประเทศไทย กรมอุตุนิยมวิทยาจะมีการพิจารณา และแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
 
“ยอมรับว่าแอพพลิเคชั่นแจ้งเตือนพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ยังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากมีการใช้งานมากกว่า 5 ปี จึงติดบางข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่ไม่สามารถพัฒนาต่อได้ ล่าสุด จึงได้รับการจัดสรรงบประมาณหลักล้านบาท สำหรับพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างตรงจุด โดยได้ประสานไปยังเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการแจ้งเตือนข้อมูลแล้ว คาดว่าใน 6 เดือนการพัฒนาจะแล้วเสร็จ” นายณัฐพลกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่