JJNY : 4in1 โอด‘ศาลพระพรหม’เงียบยาว2ปี│หมอธีระชี้ไตรมาสสุดท้าย-ต้นปีเสี่ยงสูง│ขอนแก่นท่วมแล้วหลายหมู่บ้าน│หัวหินจี้ศบค.

กระทู้ข่าว
โอด ‘ศาลพระพรหม’ เงียบยาว 2 ปี ลุ้นเปิดประเทศแต่ไม่หวังมาก เผยอาชีพรับจ้างไหว้-ขอพรออนไลน์
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2956845
 

 
คนขายเครื่องสักการะ ‘ศาลพระพรหมเอราวัณ’ โอดเงียบยาว 2 ปี ลุ้นเปิดประเทศแต่ไม่หวังมาก เผยอาชีพรับจ้างไหว้-ขอพรออนไลน์
 
วันที่ 24 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศาลพระพรหม เอราวัณหรือศาลท้าวมหาพรหม บริเวณแยกราชประสงค์ ในวันนี้มีประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติมาไหว้สักการะขอพรค่อนข้างหนาตา เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ
 
จากการสอบถามคนขายเครื่องสักการะ ระบุว่า คนจะมากในช่วงวันหยุด วันพฤหัส วันเสาร์และอาทิตย์ ส่วนใหญ่เป็นคนไทยและมีคนจีนบ้างเล็กน้อย จะมาไหว้ขอพร และแก้บน
 
แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนลดลงอย่างมากเหลือประมาณ 10% เนื่องจากที่ผ่านมาก่อนเกิดโควิดระบาดคนมาสักการะประมาณ 90% จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะคนจีน เมื่อประเทศยังไม่เปิด ทำให้บรรยากาศไม่คึกคักเหมือนเมื่อก่อน
 
อย่างไรก็ตามสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไม่ได้ จะฝากเพื่อนที่ยังอยู่ในประเทศไทยมาไหว้สักการะแทนก็มีหรือใช้บริการไหว้ขอพรผ่านออนไลน์ ซึ่งจะมีผู้รับจ้างมาสักการะขอพรแทน
 
“บรรยากาศเงียบมา 2 ปีแล้ว ตั้งแต่มีโควิด หากรัฐบาลจะเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ คิดว่าจะทำให้คึกคักมากยิ่งขึ้นแต่คงไม่เหมือนเดิมและไม่อยากจะคาดหวังมากเพราะโควิดยังไม่คลี่คลาย ไม่รู้ว่านักท่องเที่ยวจะกล้าเข้ามาหรือไม่ ถ้าไม่มาก็ไม่มีผล ”
 
ด้านพนักงานรักษาความปลอดภัย(รปภ.)กล่าวว่า ปัจจุบันศาลเปิดให้เข้ามาสักการะในเวลา 6 โมงเช้าถึง 1 ทุ่ม มีคนมาสักการะน้อยลงมาก จากก่อนโควิดอยู่ที่ระดับ 1,000 คน/วัน ตอนนี้เหลือ 400 คน/วัน คาดว่าหลังเปิดประเทศ จะทำให้บรรยากาศกลับมาคึกคัก
 
ขณะที่ “นาน่า” พนักงานออฟฟิศ ที่รับจ้างสักการะศาลพระพรหมทางออนไลน์ เป็นอาชีพเสริมช่วงวันหยุด กล่าวว่า การรับจ้างสักการะทางออนไลน์มีมาก่อนโควิด แต่มาบูมช่วงที่มีการระบาดโควิด ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไม่ได้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นคนฮ่องกง และไต้หวัน ที่จะใช้บริการ
 
“ที่ฮิตเพราะเขาขอแล้วสมหวัง จึงมาไหว้และแก้บน ส่วนใหญ่จะขอพรเรื่องโชคลาภ การงาน และครอบครัว ได้ค่าจ้าง 50 บาท/ชุด โดยจะติดต่อผ่านทางเพจและวีแชตของคนจีน ต้องได้ทั้งภาษาจีน และภาษาอังกฤษด้วย เพราะต้องสื่อสารกับลูกค้า หากเปิดประเทศ คาดว่าบรรยากาศจะคึกคักขึ้น”
 


‘หมอธีระ’ ชี้ไตรมาสสุดท้าย-ต้นปี สังคมเสี่ยงสูง เผย 3 ปัจจัยรอด
https://www.matichon.co.th/covid19/news_2956922

‘หมอธีระ’ ชี้ไตรมาสสุดท้าย-ต้นปี สังคมเสี่ยงสูง เผย 3 ปัจจัยรอด
 
วันที่ 24 กันยายน ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึงสถานการณ์รับมือโควิด-19 และ ปัจจัยหลักที่จะทำให้ประชาชนจะมีสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต ว่า
 
“ความท้าทายในช่วงเวลาถัดจากนี้ไป
 
หนึ่ง ความใส่ใจสุขภาพของตนเองและครอบครัว จะเป็นปัจจัยหลักในเรื่องสวัสดิภาพและความปลอดภัยจากโรค ใส่ใจมากความเสี่ยงก็น้อย ใส่ใจน้อยความเสี่ยงก็มาก เพราะสภาพแวดล้อมในสังคมซึ่งเกิดขึ้นจากนโยบายที่มุ่งเน้นการเปิดเศรษฐกิจนั้นความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยสัมพันธ์กับลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน
 
สอง ความสับสนเรื่องวัคซีน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่จัดให้มีชนิดวัคซีน และวิธีการใช้ที่หลากหลาย แปลก แตกต่างจากประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ ในขณะที่ข้อมูลวิชาการแพทย์ที่พิสูจน์แล้วและเป็นที่ยอมรับนั้นยังคงไปในแนวทางของประเทศพัฒนาแล้ว กล่าวคือใช้วัคซีนกระแสหลัก ส่วนการไขว้นั้นมีการยอมรับเพียงบางชนิด เช่น ChAdOx vaccine เข็มแรกต่อด้วย mRNA vaccines เข็มสอง ที่กระตุ้นระดับภูมิได้ดี แต่จะมีอาการไม่พึงประสงค์มากกว่าการฉีดชนิดเดียวกันทั้งสองเข็ม
 
ดังนั้นการเข้าถึงวัคซีน และการตัดสินใจเลือกใช้วัคซีนให้ถูกต้องเหมาะสม ทั้งชนิด และวิธีการฉีด สำหรับทั้งผู้ใหญ่ และเด็กนั้น ถือเป็นปัจจัยหลักประการที่ 2 ที่จะส่งผลต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยจากโรค ทั้งนี้จะถูกต้องเหมาะสมได้ คงหนีไม่พ้นการใช้ข้อมูลวิชาการแพทย์ที่ถูกต้อง พิสูจน์ได้ ตรวจสอบได้ และชั่งน้ำหนักเรื่องประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความเสี่ยงต่ออาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น จึงต้องไตร่ตรองตัดสินใจให้ดี
 
สาม การเข้ามาของวัคซีนทางเลือก ที่เป็นวัคซีนกระแสหลักอย่าง mRNA vaccine คือ Moderna รวมถึงวัคซีนตัวอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพดี เช่น Protein subunit vaccine (Novavax) และ Ad26 vaccine (J&J) หากเข้ามา และประชาชนสามารถเข้าถึงได้ จะช่วยลดความเสี่ยงระดับบุคคลและครอบครัวของกลุ่มที่เข้าถึงวัคซีนไปได้มาก
 
สรุปได้สั้นๆ ว่า ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และต้นปีหน้า สภาวะแวดล้อมในสังคมจะมีความเสี่ยงสูง การที่ประชาชนแต่ละคนจะมีสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตได้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสามประการหลักคือ ความใส่ใจสุขภาพเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงในการดำเนินชีวิตประจำวัน (Health conscious behaviors), การตัดสินใจรับวัคซีนทั้งชนิดและวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมโดยใช้ความรู้ที่ถูกต้อง (Evidence-based decision making to get vaccinated), และศักยภาพของคนที่จะสามารถเข้าถึงวัคซีนกระแสหลักของสากลที่เป็นวัคซีนทางเลือกของประเทศ (Accessibility and affordability to highly effective vaccines) 
 
ด้วยรักและห่วงใย”
 
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223165188670547
 

 
ขอนแก่นท่วมแล้วหลายหมู่บ้าน เดือดร้อนนับ 500 หลังคาเรือน หนักสุดในรอบ10ปี
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6639483

ขอนแก่นท่วมแล้วหลายหมู่บ้าน เดือดร้อนนับ 500 หลังคาเรือน ชาวบ้านเผยท่วมหนักในรอบ 10 ปี เจ้าหน้าที่เร่งนำกระสอบทรายมาวางช่วยเหลือ
   
วันที่ 24 ก.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านมูลนาค ม.10 ต.โพธิ์ไชย อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น โดยที่เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลโพธิ์ไชย และกำลังทหารนำกระสอบทรายมาวางกั้นทางน้ำที่ไหลมาจากลำห้วยสามหมอและลำปะทาว อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ที่เริ่มไหลท่วมพื้นหมู่บ้านมูลนาค พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ทางหลวงชนบทได้นำเสาสะท้อนเแสงมาวางเพื่อให้เป็นแนวเส้นทางถนนป้องกันอันตรายจากการสัญจรผ่านไปมาบนนถนนตลอดทั้งสาย
 
นางอมร หาญกล้า ชาวบ้านบ้านมูลนาค กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมามีเพื่อนบ้านมาตะโกนเรียกบอกว่า น้ำกำลังไหลเข้าท่วมบ้าน พอลุกขึ้นมาพบน้ำท่วมหน้าบ้านแลัวประมาณ 50 ซม. และกำลังจะไหลเข้าบ้านจึงแจ้งไปที่ผู้นำชุมชนและเทศบาลฯให้ช่วยเหลือ ซึ่งก็ได้น้ำทรายพร้อมกระสอบมาให้ เพื่อให้นำมาปิดกั้นน้ำ แต่น้ำก็ยังไหลมาเรื่อย ๆ
 
เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้เป็นจุดรับน้ำ 2 ทาง โดยที่ในขณะนี้น้ำได้ท่วมมานานกว่า 3 วัน ระดับน้ำยังคงทรงตัวและลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด ซึ่งน้ำท่วมครั้งนี้เป็นการท่วมพื้นที่ในรอบ 10 ปี หลังจากที่ท่วมหนักเมื่อปี 2554
 
ด้าน นายมีสวัสดิ์ ชมชัยภูมิ สอบจ.ขอนแก่น เขต อ.โคกโพธิ์ไช์ กล่าวว่า ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่นและ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ติดต่อกัน ทำให้น้ำไหลลงมาจากเขาภูผาแดง อ.แก้งคร้อ ไหลมาตามลำน้ำลงพื้นที่ 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านมูลนาค ม.7 , 10 และบ้านหนองใหญ่ ม.9 จำนวนกว่า 500 หลังคาเรือน ที่ตั้งขวางทางน้ำได้รับความเดือดร้อน น้ำท่วมถนนและไหลเข้าท่วมบ้านชาวบ้าน
 
เบื้องต้นได้ประสานหน่วยงานต่าง ๆ เข้าช่วยเหลือประชาชนแล้ว ขณะนี้ทุกหน่วยงานได้เฝ้าระวังระดับน้ำ หากในพื้นที่ไม่มีฝนตกลงมาคาดว่าภายใน 2-3 วันน้ำจะค่อย ๆ ลดลงและเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งหลังจากนั้นจะเร่งสำรวจความเสียหายทั้งบ้านเรือนประชาชนและถนนหนทาง เพื่อซ่อมแซมต่อไป
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่