เมื่อความคิดครอบครัวกับความคิดเราไม่ตรงกัน

เริ่มเรื่องคือ ที่บ้านกับเรามีความสัมพันธ์ที่ดี เราจะเป็นฝ่ายโทรหาที่บ้านอาทิตย์ละ 1 ครั้ง (ช่วงปี1-2 จะ 3วันโทรที พอขึ้นปี4 จนเริ่มทำงาน เป็นอาทิตย์ละ 1 ครั้ง) เราคุยปกติ ถามว่าทำอะไร บ้างไงบ้าง กินข้าวยัง วันนี้ทำอะไรกิน เป้นแบบนี้มาตลอด พอมีเวลาว่างเยอะเราก็จะกลับบ้านเอย่างน้อยดือนละ 2 ครั้ง (พอช่วงโควิค เรากลับเดือนละครั้ง และพอโควิคระลอก 4 เรายังไม่ได้กลับบ้านมา3-4 เดือนแล้ว)  เราเริ่มมีปัญญากับที่บ้าน ตอนเรามีงานทำ ที่บ้านพอเราว่า "พอเราได้งานทำงาน เค้าจะหยุดให้เงินเดือน" เราก็โอเคตามนั้น เราได้เงินเดือน เดือนแรกเราบอกเค้าก่อนว่า "เรายังไม่ได้เงินกับที่บ้านนะ เราพึ่งเริ่มทำงานตอนจ่ายค่าที่อยู่ ค่ากินต่างๆ " ง่ายๆ คือ เรายังไม่พร้อมที่จะส่งเงินให้  จนเราทำงานได้ 4 เดือนเราก็ออกด้วยเหตุผลที่ต้องการเกือบ18 ชั่วโมง ในเดือนแรก เราขอให้เค้าส่งเงินให้แค่ 1 เดือน เพราะมีงานที่รองรับเราไว้แล้ว พอเราได้ทำงานที่ใหม่ เราได้เงินเดือนกับที่เก่า 15000 เราไม่เสียค่าที่อยู่ (เพราะอยู่บ้านแฟน ทำงานบ้านแฟน) เสียแต่ค่ากิน ของใช้ ค่าโทรศัพท์ เท่านั้น เราก็เลยให้เงินกับที่บ้าน เดือนละ2000 เงินที่เหลือใช้ก็พอแบบฉิดเฉียด อีกเดือนก็ไม่พอ ให้ประมาณ 2 เดือน เราเริ่มต้องมีส่งประกัน (เป็นประกันแบบออม+ประกันโรคร้าย เพราะ เราเลือกอันนี้เพราะว่า เราเก็บเงินเองไม่ได้อยากฝากแบบไม่ต้องถอน ) เราก็ยังส่งเงินให้เค้าอยู่นะในอีกเดือน แล้วเราก็เริ่มรู้สึกว่าเราใช้เงินไม่พอ 
         เราก็เลยบอกที่บ้านว่า "เราจะไม่ส่งเงินให้แล้วนะ เรามีภาระที่ต่อส่งเงินเพิ่ม" เค้าก็ถามว่าไปส่งอะไร "เอาไปส่งประกัน พึ่งทำประกันมา" ที่บ้านก็เหมือนจะโมโหหนักมาก "ทำไปทำไม" "ทำตัวไหน" "ได้ประโยชน์อะไร" "เงื่อนไขออ่านครบหรือยังไง" "ทำให้ตัวเองมีเรื่องผูกมัดทำไม" "ต้องมีกับมัน10 20ปีเลยนะ" เราก็ฟังไม่มีจังหวะให้พูด พอได้พูดเหตุผลของเรา เค้าไม่ฟังใดๆ ไม่มีความเชื่อในการตัดสินใจของเรา แล้วเราก็ง้อที่เป็นไปรอบที่ 1 _ไม่คุยกันประมาณ 2 อาทิตย์ (เราเสียใจและน้อยใจมากนะ)
          พอเรื่องนั้นจบไป เราก็เป็นคนโทรไปหาที่บ้านก่อน เราอยากคุยด้วยแหละ แล้วคิดว่าเค้าเป็นห่วงเราก็เลยไม่คิดอะไรมากก็เลยโทรกลับหาเค้าปกติ จนล่าสุด เราก็คุยกับที่บ้านปกติ เค้าเปิดประเด็นมาว่า "อยู่ดีแฮปปี้ไหม" เราก็ตอบว่า "อยู่ดีแฮปปี้นะ เค้าให้เงินกองกลางข้าวเย็นกับซื้อของเข้าบ้าน 10000 แล้วก้เรารวมของเราไปด้วย 5000 เป็น 15000 " เค้าได้ยินก็รีบสวนกลับมาเลย "ทำไมยังต่อเอาของเราไปรวมอีกไม่พอเหรอ" "คิดดูนะ ถ้าออกมาอยู่คนเดียว คิดว่าใช้คนเดียวถึงไหม 5000อ่ะ" "แม่ว่ามันไม่มีประโยชน์นะ เราให้ความสำคัญเกินไปนะ" "แม่ไม่ได้เรียกร้องให้เราดูแลนะ แต่เราเอาเงินไปไว้ตรงนั้น แม่เสียความรู้สึกนะ ทำให้แม่ผิดหวังมาก" "เราเป็นแม่บ้านไม่ได้" เราก็พยายามอธิบาย "10000 ใช้ 1 เดือน ผู้ใหญ่ 4 คนนะ" "เคยลองใช้10000 1เดือนแล้ว มันไม่พอ" "ถ้าเป็นบ้านเรา มันพอ แต่มีบ้านคนอื่น วิถีการใช้ชีวิตการกินไม่เหมือนกัน" "แล้วนี้ก็ไม่ได้ทำกับข้าวเองทุกวัน บางวันก็ซื้อ" แล้วเรากับที่บ้านก็คุยไม่รู้เรื่องกัน พอสักพักเค้าโทรมาอีกรอบ "แม่ว่านะ ถ้าเป็นแบบดูเวลาแล้วจัดงานแต่ง" เราก็ขึ้นเลย "ทำไมต้องบังคับด้วยอ่ะ บอกแล้ว ว่าตอนนี้ยังไม่พร้อม ยังไม่อยาก" เค้าก็บอกว่า "กลับไปคิดเอาเองนะ " จริงๆเค้าบอกเยอะกว่านี้แค่เราจำได้ไม่ จากวันนั้นเราก็ไม่ได้คุยกับเค้ามา 2 อาทิตย์
         ล่าสุดของล่าสุด พ่อทักมาประมาณว่า "ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวบ้างนะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะทำอะไรลงไปขอให้คิดให้มากๆก่อน อย่างน้อยก็นึกถึงความรู้สึกคนในครอบครัวบ้าง" เราตอบไปว่า "เราขอโทษที่ใช้ชีวิตไม่ตรงตามที่พ่อกับแม่คิด เราก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน แต่เราก็มีความคิดเป็นของตัวเอง อยากให้พ่อกับแม่รับฟังบ้าง บอกแค่นี้แหละ" "เรื่องที่ไม่โทรเพราะคิดว่ายังโกธรอยู่ ไม่อยากโทรไปคุยแล้วต้องมาจบที่เรื่องเดิม ตอนที่ไปฉีดวัคซีนกัน เราก็ถามเป็นไงบ้าง พ่อก็ตอบแค่ว่า ปกติดีทั้ง2คน แล้วก้เงียบไม่บอกไรอีก แล้วให้ตอบว่าไงอ่ะ" พ่อก็ตอบเราว่า " ที่บ้านไม่ได้โกธรแต่แค่น้อยใจ" "เราจะดีเลวร้ายแค่ไหนเค้าก็รับได้ เค้าต้องการให้เรามองตัวเองบ้าง" "เป็นห่วงเราที่ทำงานต้องตื่นเช้า" "ไม่มีเวลาพักผ่อนไม่มีวันหยุด" "อยู่ที่บ้านเราจะตื่นเมื่อไหร่ก็ได้" "เค้าดีใจที่เราเรียนจบมีงานทำงาน เงินเดือนเค้าก็ไม่ได้ต้องการ ถ้าให้ก็จะดีต่อความรู้สึก อยากให้โทรหาบ่อยๆ คิดถึงและเป็นห่วง " เราจุกคำแรกคือ "เลวร้ายแค่ไหนก็รับได้" เราคิดในใจ นี้เราไม่ได้ส่งเงินให้ ใช้ชีวิตไม่ตรงกับที่บ้านมันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ เราเข้าใจเค้านะเป็นห่วงเราอ่ะ แต่เรามีความคิดเป็นของตัวเอง เราคิดแล้วว่าแบบนี้จะโอเคสำหรับเรา ใช่อยู่บ้านเราจะตื่นเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เราไม่สบายใจ เราไม่เป็นอิสระ เราจึงเลือกที่จะไม่กลับไปทำงานที่บ้านตั้งแต่ต้น ส่วนเรื่องโทรหาอ่ะ เรายอมรับว่าผิดด้วยแหละที่ไม่ค่อยโทร แต่เค้าใช้โทรศัพท์เป็นนะ จะโทรหาเราก่อนก็ได้นิ ส่วนเรื่องที่ทำงาน 2-3 เดือนแรก เราเหนื่อยจริง ท้อจริง เรายังปรับตัวไม่ได้ 4-5เดือนต่อมาเรารู้แล้วว่าต้องทำอะไรตอนไหน อย่างไร มีเวลานอนกลางวัน มีวันหยุดวันอาทิตย์ มีวันตื่นสาย เราเริ่มปรับตัวได้อันนี้เค้าก็รู้ เราไม่เข้าใจทำไมต้องโยงทุกเรื่องราวมารวมกัน  แต่เราไม่บอกเค้าไปแบบนี้นะ พูดให้มากความ เราก็ส่งสติ้กเกอร์ตอบไป 
       ล่าสุดของล่าสุด ก็คือวันต่อมา พ่อทักมาอีก คนอื่นเมื่อเลิกรากันไป เป็นแค่คนเคยรู้จัก คนในครอบครัวจะดีจะร้ายไม่ตัดขาดได้ คนในครอบครัวควรในความสำคัฯก่อนใครๆ เราไม่รู้จะตอบยังไง ส่งสติ๊กเกอร์ไป เราเหนื่อยใจอ่ะ เพราะแค่เรื่องเล็กๆต้องพูดย้ำอะไรขนาดนี้ เค้าก็ถามย้ำอีก "โทรหาแม่ยัง" เราก็ยังไม่สนิทใจที่จะคุยกับแม่ เราก็ตอบ "ยัง ถ้าจะโทรเดี๋ยวก็โทรนะ ไม่ต้องบังคับ แล้วก้เคยบอกนะ จริงๆโทรหาเราเองก่อนก็ได้" เค้าก็บอกไม่ได้บังคับ  ใครต้องการทำอะไร ทำได้ตามสะดวก เพราะโตกันแล้ว แต่พ่อจะคอยให้กำลังใจ และดูห่างๆคอยช่วยเหลือ เมื่อเขาต้องการความช่วยเหลือ" ประเด็นนี้เรารู้อยู่แล้ว  เพราะเราก็เป็น มีปัญญาอะไร บอกมาสิพร้อมช่วยตลอดอ่ะ ขอแค่บอกมา เรายังไม่ตอบเค้านะ ไม่รู้จะตอบยังไงอ่ะ

*ยาวมาก เราขอคำปรึกษาจริงๆ เรื่องนี้เราว่าไม่มีใครผิดใครถูก มันเป็นความคิดเห็น การใช้ชีวิคไม่ตรงกันเท่านั้น แต่เราอยากได้ความคิดเห็นที่แตกต่างจากคนอื่นบ้าง ทุกคนคิดว่ายังไงบ้างค่ะ
*ที่บ้านฐานะปานกลาง ไม่ได้ยากจน หรือต้องทำงานหนัก มีพี่สาวที่อยู่ใกล้ 1 คน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่