เล่าประสบการณ์สอบ TOEFL iBT@home edition ครั้งแรกในชีวิต เตรียมตัว 1 เดือน อ่านเอง ได้ 83 คะแนน

สวัสดีทุกคนค่า กระทู้นี้จะเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการสอบ TOEFL iBT@home edition ค่ะ ทั้งการเตรียมตัวสอบ หนังสือที่อ่าน รวมถึงประสบการณ์สอบแบบ at home ด้วยค่ะ

เกริ่นก่อนค่ะ คือ จขกท ตั้งใจไปเรียนต่อต่างประเทศค่ะ พอดีได้ทุนเรียนต่อโทของออสเตรเลีย แต่มีเงื่อนไขคือต้องได้คะแนนภาษาอังกฤษค่ะ score รวม 79 reading≥13 Listening≥12 Speaking≥18 Writing ≥21 ค่ะ ส่วนที่ไม่ถนัดมากที่สุดคือ speaking กับ writing ค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าควรจะเรียนตามโรงเรียนสอนภาษา แต่ก็เสียดายเงิน เพราะแต่ละคอร์สก็แพง เลยตัดสินใจอ่านเองหมดเลยค่ะ
พื้นฐาน จขกท คือไม่ใช่คนเก่งอังกฤษอ่ะ อ่านพอได้เพราะตอนเรียนมหาลัยต้องอ่านพวกเปเป้อ ฟังพอได้บ้างค่ะเพราะชอบดูซีรี่ตลอดๆ (ชอบดู Friends มากกกกกกกกก ดูวนล้านรอบ) ส่วน speaking นี่เอิ่มมม.... Writing ก็เขียนไปตามแต่ใจอยากจะเขียน ไม่ถนัดแกรมม่าเลยยยยยยย

หนังสือที่ใช้
ซื้อหนังสือก่อนเลย รายการหนังสือที่ใช้ (ทุกเล่มซื้อที่ศูนย์หนังสือจุฬา ราคาดีที่สุดค่ะ)
 1. Barron TOEFL iBT 16ed เล่มสีเขียวหน้าปกเป็นผู้ชายเสื้อขาว
 2. Barron Essential words for the TOEFL เล่มสีเขียว ท่องยังไม่จบเล่มเลย แต่เจอคำศัพท์ใน  
ข้อสอบเยอะจริงค่ะ แนะนำ!!!
 3. Official guide TOEFL iBT test เล่มนี้คือสิ่งที่ควรรู้ทั้งหมดของ TOEFL ต้องมีค่ะ
 4. Official TOEFL tests เล่ม 1
 5. Official TOEFL tests เล่ม เล่ม 2
อ่านแค่นี้จริงๆค่ะ

รีวิวแต่ละเล่มก่อน
1. Barron TOEFL iBT 16ed เล่มสีเขียวหน้าปกเป็นผู้ชายเสื้อขาว
 - บอก guide การสอบ TOEFL มีข้อสอบแบบไหนบ้าง trick ต่างๆในแต่ละพาร์ท grammar ที่จำเป็น
ต้องใช้
 - มีตัวอย่างข้อสอบให้ทำด้วย เนื่องจากเราสอบแบบ @home edition แนะนำว่าลองทำข้อสอบจาก
โน้ตบุ๊คที่เราต้องการจะใช้สอบจริงเลยดีที่สุดค่ะ จะได้ชินด้วย ซึ่ง Barron ก็มีแบบข้อสอบ online ให้ 
หน้าจอเสมือนสอบจริงเลย แต่ข้อสอบไม่ได้เหมือนเป๊ะๆ เท่าเล่ม Official ที่เขียนโดย ​ETS
2. Barron Essential words for the TOEFL เล่มสีเขียว
 - มีคำศัพท์ทั้งหมด 500 คำแบ่งออกเป็น 30 บท ในแต่บทจะมีแบบแบบฝึกหัดตอนจบไว้ทดสอบดูว่า  เราจำได้จริงมั้ย
 - ศัพท์เจอเยอะใน TOEFL จริง โดยเฉพาะใน Reading เจอในบทความ ใน choice
 - เราเอาศัพท์มาอัพคะแนนเราในพาร์ท Speaking กับ Writing ได้ด้วย
 - วิธีการท่องของ จขกท คือ จดใส่ flash card จดคำศัพท์ ความหมายแบบภาษาอังกฤษ คำในแต่ละรูป
เช่น adj. n. adv. ส่วนด้านหลังเขียน synonym ของคำนั้น คือเล่มนี้ดี ตอบโจทย์มาก
3. Official guide TOEFL iBT test เล่มนี้คือสิ่งที่ควรรู้ทั้งหมดของ TOEFL ต้องมีค่ะ
 - เล่มนี้เป็นจากศูนย์สอบ ETS เป็นคนเขียนขึ้นมา ถึงแนวทางการสอบ รูปแบบคำถามที่จะเจอในการสอบทั้งหมด เกณฑ์การคิดคะแนน คือทุกอย่างงงงงที่ต้องรู้อ่ะ ไม่รู้ไม่ได้!!!!
 - มี Trick การทำข้อสอบ Grammar ที่จำเป็นต้องใช้
 - มีข้อสอบแบบเต็มๆ จากข้อสอบจริงเลย เป็นข้อสอบเก่าทั้งหมด 4 ชุด ทำแบบออนไลน์ได้ โดยในหนังสือจะมีเว็บให้เราเข้าไปโหลดโปรแกรม หน้าหลังสุดหนังสือจะมี code ให้กรอก เฉพาะของเราเท่านั้น โหลดโปรแกรม ทำในโน้ตบุ๊ค เหมือนข้อสอบจริงเล้ยยย 
 - แต่ในเล่มนี้ถึงจะเป็นข้อสอบเก่า แต่ก็ค่อนข้างเก่าเลย คิดว่าง่ายเกินกว่าปัจจุบัน
4. Official TOEFL tests เล่ม 1 
5. Official TOEFL tests เล่ม เล่ม 2
 - สองเล่มนี้เป็นรวมข้อสอบเก่าที่เคยสอบมา มีเล่มละ 5 โจทย์
 Reading - เป็นบทความให้อ่าน 3 บทความ จับเวลาให้ด้วย
 Listening - ก็ฟังๆๆๆๆๆตอบๆๆ
 Speaking - จะมีแต่โจทย์เราต้องอัดเสียงตัวเอง ฟังเอง หรือให้เพื่อนที่เก่งอังกฤษกว่าเรา ฟังให้
 Writing - มีแต่โจทย์เหมือนกัน แนะนำให้พิมพ์ใส่ words หรือ pages เสร็จแล้ว copy ใส่ grammarly เลยจ้า (แนะนำซื้อ premium grammarly เลย ดีมาก เหมือนเป็นคุณครูเลย ประเมินคะแนน แก้คำ จัดเรียงประโยค paraphrase คือครบจบที่ grammarly เลย) แต่ grammarly ก็ตรวจได้แค่ grammar ไม่สามารถตรวจเนื้อหาที่เราเขียนได้ ว่ามัน logical ดีมั้ย รู้เรื่องมั้ย ก็ต้องให้เพื่อนที่เก่งอังกฤษกว่าเรา อ่านค่ะ หรือไม่ก็อ่านเองดูว่ารู้สึกว่ามัน clear มั้ย

เริ่มเตรียมตัวสอบ
อาทิตย์ที่ 1-2
จขกท เริ่มจากทำตารางแต่ละวันเลย เป็นเวลา 1 เดือนว่าแต่ละวันจะอ่าน จะท่อง จะทำอะไรบ้าง แล้วกำหนดวันสอบที่แน่ชัดเลยค่ะ เว้นว่าง 1 อาทิตย์ก่อนสอบ เอาไว้ตะลุยโจทย์รัวๆ
-  ท่องศัพท์ตั้งใจไว้ว่าจะท่องทุกวันค่ะ วันละบท (แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ทุกวันค่ะ ก่อนสอบท่องไป 19 บท)
ช่วงเริ่ม 1 อาทิตย์แรกเริ่มจากการอ่าน Barron TOEFL iBT 16ed ให้รู้ว่าข้อสอบมีอะไรบ้างประมาณไหน อ่านให้จบเลยค่ะ เว้นไว้แค่พวก test เก็บไว้ทำทีหลัง อ่านพวก general ก่อน (อย่าลืมว่าเล่มนี้มี online ด้วยคือมีศัพท์เพิ่มเติมนิดๆหน่อยๆในเว็บค่ะ เว็บเข้าได้จากในหนังสือเลย) ในเล่มนี้มีตารางวิธีการอ่านให้ด้วยนะเอามาปรับๆใช้ได้
วันแรกเริ่ม Pretest เลยใช้เล่ม Barron นี่แหละ Model test 1 เพื่อเป็น pretest 
ผลออกมาคือ reading อ่านไม่ทันเกร็งไปหมด listening ก้ฟัง conversation ได้แต่ lecture นั้น.... ส่วน speaking คือ เงียบเลยจ้าา เอ่อออ...ฮ่าๆๆ Writing ก็ว่างเลยค่ะ ช็อค จะเอาตัวรอดยังไงดี เครียดไปหมด
หลังจากนั้นก็ลองเข้าเว็บของ ets >>>>https://www.ets.org/toefl/test-takers/ibt/about เว็บนี้เลย มีวีดีโอสอนอธิบายว่าข้อสอบในแต่ละพาร์ทจะเจออะไรบ้างดีมาก เป็นการฝึกฟังไปด้วย นอกจากนี้มี TOEFL® Test Preparation: The Insider's Guide เป็น course ให้ลงเรียนฟรี ดีเหมือนกัน มีทดลองสอบด้วย ว่าจะได้คะแนนประมาณไหน เจ๋งตรงที่ speaking กับ writing จะมี program ที่เอาไว้ใช้ตรวจตอนข้อสอบจริงมาลองตรวจให้ฟรีด้วย แนะนำ!!

อาทิตย์ที่ 3-4
หลังจากอ่าน Barron TOEFL iBT 16ed จบแล้ว (เว้นการทำข้อสอบ ถ้าเบื่อๆก็ทำได้นะ ทำเล่นๆ) ก็มาอ่าน Official guide TOEFL iBT test แบบข้อมูลแน่นรู้สึกรู้จริงของ TOEFL ส่งตรงมาจากศูนย์สอบเลย อ่านไปให้จบเล่ม ไม่ได้ให้มันรู้ไป!!!!! 
ระหว่างนี้เบื่อๆถ้าอยากลองทำข้อสอบก็ทำเลย กระตุ้นตัวเองเป็นพักๆ จขกท จะทำข้อสอบ full test ประมาณทุก 2 วัน แล้วก็มานั่ง review ว่าตัวเองผิดตรงไหนบ้าง speaking ก็อัดเสียงตัวเองไว้ writing ก็เขียนๆ แล้วอ่านคำแนะนำของ grammarly ว่าเราผิดบ่อยๆเรื่องไหนก็ไปเน้นแก้ตัวเองเรื่องนั้น (แก้แกรมม่านี่คือ ไม่ได้อ่านเล่มอื่นเพิ่มเลย อ่านแค่ใน Barron TOEFL iBT 16ed กับ Official guide TOEFL iBT test ก็มีบทที่เกี่ยวกับ grammar ที่ต้องใช้) คือเราไม่จำเป็นต้องรู้ grammar ทั้งหมด ก็ได้ แต่ถ้ารู้ได้ก็ดี
อาทิตย์ก่อนสอบ คือทำโจทย์รัวๆเลย เหลือโจทย์ไหนที่ยังไม่ได้ทำในเล่ม Official TOEFL tests เล่ม 1 เล่ม 2 ก็ทำให้หมด นั่งรีวิวดูว่าตัวเองผิดตรงไหน แล้วก็แก้ตรงนั้น ทำๆๆๆๆวนไป มันจะท้อๆหน่อย ผิดอยู่นั้นแหละ แต่ก็ต้องก้มหน้าทำต่อไปจ้า ฮึบๆๆอีกนิดเดียว
อย่าลืมว่าต้องท่องศัพท์ด้วยน้าา ถ้าเรามีคลังเยอะ เราก็จะอ่านเนื้อเรื่องเข้าใจ เอาออกมาใช้ในการพูด เขียนก็ง่าย สำคัญ ต้องท่องด้วย
ช่วงใกล้ๆสอบดู channel ใน youtube >>>>https://www.youtube.com/channel/   UCOPB7UX9lyG4U67BQI8LCqw คือดีค่ะ เก่งมากก แบบได้คะแนนจะเต็ม 120 อยู่แล้ว เค้าก็จะมาบอก trick บอก template ต่างๆในการใช้สอบ เราก็เอามาประยุกต์ใช้ของเราได้ 

ลักษณะข้อสอบแต่ละพาร์ท + รีวิวการเตรียมตัวสอบในแต่ละพาร์ท
Reading
 - ข้อสอบจะเป็น passage 3-4 passage 54-72 นาที คือถ้าเป็น 4 บทความจะมี 1 บทความที่ไม่ได้เอามาคิดคะแนน เป็นการทดลองข้อสอบเพื่อเอาไปใช้ในอนาคตเฉยๆ ตอน จขกท สอบ เจอ 4 บทความค่ะ แต่ตอนซ้อม ซ้อม 3 บทความตลอด พอเจอ 4 ก็แอบตกใจนิดๆ เพราะถ้าซ้อมตอน 3 บทความจะได้ 54 นาที บทความละประมาณ 18 นาทีพอจะกะเวลาถูก เวลาจะเป็นแบบนับถอยหลัง ทำเรื่องแรกต้องเหลืออีก 36 นาที ทำเรื่องที่สองต้องเหลือประมาณ 20 นาที ประมาณนี้ค่ะ
 - ข้อสอบเป็น choice ทั้งหมด มีถาม detail, ถูกทั้งหมดยกเว้นข้อไหน, ผู้เขียนบทความพูดถึงเรื่องนี้ทำไม, choice ไหน closet meaning to คำนี้, มีประโยคมาให้เติม ควรเติมตำแหน่งไหนของบทความดี และสุดท้ายข้อละ 2 คะแนน คือ ให้เลือก 3 จาก 6 ประโยค ว่าอันไหนคือ summary main idea ค่ะ
 - เนื้อเรื่องที่เอามาสอบเป็นบทความจาก text book ในเรื่อง geology ประวัติศาสตร์ ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ art อะไรก็ได้หลากหลายมาก แต่ ETS เค้าเคลมว่า เราไม่ต้องมีพื้นฐานในเรื่องนั้นเราก็ทำได้ แต่เอาจริงๆ พอ จขกท ได้เรื่อง biology genegic หรือเรื่องที่พอรุ้เรื่อง หรือเคยเรียนมาก่อนแล้ว มันก็ช่วยให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น อ่านแล้วเก็ทมากกว่า ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ T^T
 - ตอนสอบจริง ตื่นเต้นมาก รนมาก เจอเรื่องแรก agriculture and religious โอ้โห จะร้องไห้ อะไรเนี่ย ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ เวลาทำ จขกท จะอ่านโจทย์ ละก้มาอ่านในบทความ ตอบได้ก็ไปข้อต่อไป อ่านโจทย์ อ่านบทความตอบไปเรื่อยๆ ได้บ้างไม่ได้บ้างตอบๆไปค่ะ แต่ตอนสอบจริงแอบเสียเวลางมนาน ข้อไหนที่ไม่ได้งมอยู่นั่นแหละ พอหลังๆ เลยต้องอ่านรีบๆๆๆเกือบไม่ทัน แนะนำว่าอันไหนมันไม่ได้ก้ปล่อยค่ะ เราอาจจะไปเจอข้อง่ายๆอยู่ข้างหลังได้ เราย้อนกลับมาได้ค่ะ (แต่ไม่แนะนำ เสียเวลาค่ะ)
 - วิธีการฝึกในพาร์ท reading ของ จขกท คือ การทำจาก ข้อสอบเก่าเลยจ้า แค่ทำข้อสอบเก่าทั้งหมดให้ทันภายใน 1 เดือนก็ยากแล้วสำหรับ จขกท ก็เลยไม่ได้ไปหาอย่างอื่นอ่านเพิ่มเติมค่ะ แต่อ่าน และฟัง Trick ในการทำพาร์ท reading จากในทั้งเล่ม Barron และ official guide และฟังในเว็บ ETS ค่ะ
 - สรุป พาร์ทนี้ได้มา 22 คะแนนค่ะ ถามว่าตอนซ้อมสอบได้ประมาณนี้มั้ย ใช่เลยค่ะตอนซ้อมสอบที่ทำในเล่มข้อสอบเก่าของเล่ม Official TOEFL tests เล่ม 1 และ Official TOEFL tests เล่ม 2 ก็ได้ประมาณ 20-25 คะแนนค่ะ แต่ตอนที่สอบความรู้สึกคือคิดว่าได้ไม่ถึง 20 คะแนนแน่ๆ รู้สึกว่ายากกว่าตอนซ้อม แต่ก็ตอบๆไปค่ะ

2. Listening
 - ข้อสอบจะเป็นฟังทั้งหมด 4 เรื่องเป็น conversation 2 เรื่อง คือ นักเรียนคุยกับ professor กับ นักเรียนคุยกับเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัย กับ lecture อีก 2 เรื่อง เป็นพวกเรื่อง geology astronomy psychology biology art history ประมาณนี้
 - เป็นข้อสอบ choice ทั้งหมด ถามประมาณ main idea นักเรียนมาพบอาจารย์ทำไม อาจารย์พูดแบบบี้ทำไม detail ต่างๆ เรียงลำดับก็มี ตอนฟังให้เราจดโน้ตช่วยได้ค่ะ
 - จขกท ลองฝึกทั้งแบบจดและไม่จดโน้ต คิดว่าจดโน้ตช่วงโฟกัสได้มากกว่า แม้ว่าบางครั้งเราจะไม่ได้ใช้โน้ตช่วยเลยด้วยซ้ำ
 - การฝึก listening ของ จขกท คือฟัง conversation หลักๆมาจาก ซีรี่ Friends ใน Netflix กับ Big bang theory เลยค่ะ สนุก ได้ความรู้ด้วย โดยเฉพาะ Big bang theory ศัพท์ academic เพียบเลย เพราะตัวละครคือจบปริญญาเอกกันค่ะ ส่วนพาร์ท lecture ก็ไม่ได้ฟังที่อื่นเพิ่มเลยค่ะ แค่ฟังในข้อสอบ เวลาซ้อมสอบแต่ละรอบในเล่ม Official TOEFL tests เล่ม 1 และ Official TOEFL tests เล่ม เล่ม 2 ค่ะ
 - สรุป พาร์ทนี้ได้มา 21 คะแนนค่ะ ตามประมาณที่คาดไว้เลย ตอนทำโจทย์เก่าก็ได้ประมาณ 20-25 คะแนนค่ะ ถ้าโชคดีเจอ Biology ก็จะได้เยอะหน่อย แต่พอสอบจริงรอบนี้ สติแตกค่ะ lecture เรื่องนึงฟังไม่ค่อยเข้าใจว่าพูดถึงอะไร เลยมั่วๆไปค่ะ

++++ต่อใน comment ค่ะ++++
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่