[CR] เปรียบเทียบการสอบ TOEFL และ IELTS

เผื่อจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกสอบ สำหรับเพื่อนๆที่คิดจะไปเรียนต่อต่างประเทศค่ะ

TOEFL ibt สอบที่พญาไท ปัจจุบันศูนย์นี้เลิกไปแล้ว (July 2013) ใช้เวลาเตรียมตัว 5 สัปดาห์
Listening: 22
Reading: 24
Writing: 28
Speaking: 22

Total : 96

IELTS academic module ของ British Council (February 2014) ใช้เวลาเตรียมตัว 5 สัปดาห์
Listening: 6.0
Reading: 8.5
Writing: 6.5
Speaking: 7.0

Overall: 7.0

ดิฉันเป็นคนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษกลางๆ เคยสอบ CUTEP 3 ครั้ง (ครั้งล่าสุดได้ 538 สอบเมื่อ 2009)
ประเมินโดยส่วนตัวคิดว่า
Listening: IELTS ยากกว่า
Reading: TOEFL ยากกว่า
Writing: IELTS ยากกว่า
Speaking: TOEFL ยากกว่า

และคิดว่าการจะสอบให้ได้ TOEFL 100 ยากกว่า IELTS 7.5 (มีเพื่อนหลายคนได้ TOEFL ไม่ถึง 100 แต่ได้ IELTS 7.5)

โดยตัวเนื้อหาของข้อสอบแล้ว TOEFL ยากกว่า ใช้คำศัพท์วิชาการมากกว่า

Listening
ข้อสอบ TOEFL จะมีเนื้อหาเป็นวิชาการมากกว่า ฟังเข้าใจยากกว่า แต่คำถามจะถามใจความสำคัญ ภาพรวม ความเข้าใจ และมีตัวเลือกให้ ในขณะที่ IELTS ฟังเข้าใจง่ายกว่าก็จริง แต่ต้องสมาธิดีมาก ถ้าหลุดก็จะเติมอะไรไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ดิฉันคิดว่าถ้าฝึกทำข้อสอบ IELTS เยอะๆ น่าจะช่วยให้คะแนนเพิ่มได้ง่ายกว่า TOEFL

Reading
อันนี้เห็นชัดมากว่าข้อสอบ TOEFL ยากกว่ามาก passage ยาวกว่า แม้จะเป็นเนื้อหาเชิงวิชาการเหมือนกัน แต่ TOEFL ใช้โครงสร้างประโยคที่ซับซ้อนกว่า ใช้คำศัพท์ยากกว่า

Writing
TOEFL ส่วนของ task 1 จะให้อ่านบทความสั้นๆ แล้วฟังเลคเชอร์ ที่ส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาขัดแย้งกัน ถ้าจับใจความหลักๆได้ ก็เขียนได้ไม่ยาก เพราะเหมือนแค่เขียนบอกว่าบทความบอกว่าอะไร และเลคเชอร์บอกว่าอะไร ไม่จำเป็นต้องจำรายละเอียดได้ทั้งหมด (แต่ยิ่งจำได้เยอะก็ยิ่งเขียนได้เยอะ) ส่วน task 2 จะให้แสดงความเห็น โดยเลือกข้างใดข้างหนึ่ง และต้องให้เหตุผลกับตัวอย่างสนับสนุน ยกตัวอย่างเรื่องตัวเองก็ได้ การให้คะแนนจะอยู่ที่การลำดับความคิด การให้เหตุผลอย่างเป็นระบบ ไม่ต้องเน้นการใช้ศัพท์หรูหรา หรือไวยากรณ์ไฮโซอะไร

ขณะที่ IELTS ส่วน task 1 จะค่อนข้างหลากหลาย ส่วนใหญ่จะออกกราฟเส้น มีกลุ่มคำศัพท์ที่ใช้ในการอธิบาย trend ของกราฟอยู่ แค่เขียนตาม pattern ก็ทำได้ไม่ยากนัก แต่ต้องอ่านโจทย์ดีๆ บางทีโจทย์ก็ชอบหลอกเรา เลือกใช้ไวยากรณ์ให้ถูกต้องและสอดคล้องกัน ส่วน task 2 จะหลากหลายกว่า TOEFL ขึ้นอยู่กับว่าได้คำถามแบบไหน การให้คะแนนนอกจากจะต้องให้เหตุผลอย่างเป็นระบบแล้ว ก็ขึ้นกับการใช้คำศัพท์ที่หรูหรา และไวยากรณ์ที่หลากหลายด้วย การตอบไม่ควรยกตัวอย่างเรื่องตัวเอง แต่ควรพยายามตอบแบบเป็นวิชาการมากๆ ยกข้อมูลจากข่าวที่เคยอ่าน สถิติ อะไรแบบนั้นมาจะดูดีกว่า

Speaking
TOEFL ยากกว่ามาก นอกจากต้องพูดกับคอมแล้ว ยังโดนจับเวลาอีก ทำให้อาจจะพูดไม่ทัน พูดไม่ครบประเด็น ขณะที่ IELTS พูดกับคน ไม่ต้องกลัวเรื่องต้องพูดให้ครบประเด็นอะไร แค่พยายามพูดต่อเนื่องให้ได้ครบ 2 นาทีก็พอ (ในส่วนที่เป็น presentation) และในส่วน discussion ตอนท้ายไม่ควรพูดเรื่องตัวเอง แต่ควรแสดงความเห็นในภาพรวม และการให้คะแนนขึ้นอยู่กับ vocab, grammar, pronunciation, fluency ทั้งนี้ก็แล้วแต่ดวงด้วยว่าเจอ examiner ใจดีหรือเปล่าด้วย ดิฉันค่อนข้างโชคดีที่เจอ examiner คนอังกฤษที่ค่อนข้างเป็นกันเอง

เรื่องสถานที่สอบ ดิฉันเลือกที่ๆเดินทางสะดวกเป็นสำคัญ โดยส่วนตัวไม่คิดว่ามีผลอะไรมาก

หนังสือแนะนำ
TOEFL >> http://www2.sit.kmutt.ac.th/ELCS/sites/default/files/images/Cambridge%20TOEFL%20Test.preview.jpg
IELTS >> http://covers.booktopia.com.au/big/9781107645622/cambridge-ielts-9-self-study-pack-student-s-book-with-answers-and-audio-cds-2-.jpg

ดิฉันไม่ค่อยมีเวลาเตรียมตัวเท่าไรนัก ก็เลยเลือกไปเรียนพิเศษ TOEFL เรียนที่ Princeton Review ส่วน IELTS เรียนที่ New Cambridge ทั้งสองที่ดิฉันเรียนเฉพาะคอร์ส Speaking-Writing

สุดท้ายคือ ทักษะทางภาษาต้องใช้เวลาสะสม ไม่สามารถเก่งได้ในเวลาอันสั้น การเรียนพิเศษช่วยให้เราเห็นแนวทางว่าควรตอบข้อสอบอย่างไร แต่จะได้คะแนนเท่าไรก็ขึ้นกับพื้นฐานเดิมของตัวเองด้วย ดิฉันเพิ่งจะเริ่มจริงจังกับภาษาอังกฤษก็เมื่อประมาณกลางปี 2012 ก่อนหน้านี้เจอฝรั่งถามทางยังตอบไม่ได้เลยค่ะ เริ่มจากการดู series ฝรั่งแบบซับอังกฤษ อ่านข่าวต่างประเทศพวก bbc, cnn, new york times, the economist, etc.
ชื่อสินค้า:   TOEFL IELTS
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่