โรคตาแดง



ช่วงฤดูฝนนอกจากเรื่องน้ำท่วม ฝนตก รถติดแล้ว โรคภัยก็มักจะระบาดมาพร้อมกับฝนด้วย อย่างเช่น โรคตาแดง ที่มีการระบาดทุกๆหน้าฝนจนทางกระทรวงสาธารณสุข ต้องออกมาประกาศเตือนให้ระวังกับโรคนี้ โรคตาแดง จะมาจากสาเหตุใดนั้น นพ. นพรัตน์ สุจริตจันทร์ ได้แบ่งปันข้อมูลสุขภาพไว้ว่า
 
โรคตาแดง ในเมืองไทยเป็นโรคตาแดง เป็นกันทั้งปี โดยมีไวรัส 3 ชนิด ที่เป็นสาเหตุ คือ อะดิโนไวรัส (Adenovirus), เอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) และ ค็อกแซกกีไวรัส (Coxsackievirus) ไวรัส 3 ตัวนี้จะสลับกันมา ทำให้คนไทยเป็นตาแดงทั้งปี
 
เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเมืองไทยค่อนข้างจะชื้นจึงทำให้คนเป็นโรคตาแดง หรือเกิดจากสุขภาพพลานามัยไม่ค่อยดี ทำให้ตาแดงเป็นประจำ ใน 1 ปี จะมีช่วงที่มีอาการมาก คือช่วงหน้าฝนกับหน้าหนาว ในไวรัส 3 กลุ่มที่กล่าวมา ทำให้เกิดโรคคล้ายๆกันหมด ในสมัยก่อนมีตัวอะดิโนไวรัสตัวแรก มาระยะหลังตัวหลังๆก็กลายพันธุ์มา ทำให้เกิดอีก 2 ตัวเพิ่มขึ้นมาด้วย
 

คนที่มีอาการตาแดงจริงๆแล้วสามารถทำให้ตาบอดได้หรือไม่
ตาแดงไม่ได้ทำให้ตาบอด ถ้ารักษาทันท่วงที เมื่อทราบว่ามีอาการแล้วควรต้องรีบไปพบจักษุแพทย์ จริงๆแล้วโรคตาแดงหากเป็นไม่มากก็สามารถหายได้เอง หากเป็นน้อย จะใช้เวลาประมาณ 2-10 วัน เชื้อถึงจะกลายเป็นเชื้อโรค เมื่อไปติดมาแล้วเกิดการป้ายไปมา ก็จะฟักตัวเป็นเชื้อโรค ทั่วๆไปถ้าเป็นน้อยประมาณ 7 วันก็หายเอง จะมีอาการตาแดง น้ำตาไหล คันๆแสบๆ เท่านั้น แต่หากเป็นมากขึ้นก็จะมีเลือดออกที่ตาขาว ในคนไข้บางคนลามไปถึงมีอาการทางจมูก ทางลำไส้ มีไข้ หากร้ายแรงจะลามเข้ากระจกตา ทำให้กระจกตาถลอก หากกระจกตาถลอกแล้วไม่มีเชื้อโรคตัวอื่นเข้าไปผสมก็หายเองไม่เป็นไร แต่ว่ามีอาการเจ็บปวด เคืองตา น้ำตาไหลมาก ต้องไปพบจักษุแพทย์เพื่อจะช่วยรักษาลดอาการเหล่านี้
 
หากเกิดเป็นตาแดง อันดับแรกต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
อันดับแรก คือการรักษาความสะอาด การแพร่เชื้อเกิดขึ้นที่เราเอามือไปโดนน้ำตาเรา แล้วไปป้ายตามที่ต่างๆ ทำให้การแพร่กระจายเชื้อเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อมือไปโดนน้ำตาแล้วควรไปล้างมือทุกครั้ง เอาน้ำเย็นประคบ จะทำให้ลดการระคายเคือง แต่ห้ามไปทำ 2 ข้าง เพราะหากว่าตาอีกข้างหนึ่งยังดีอยู่ อาจติดเชื้อได้   หากอาการไม่มากก็หายเองไม่ต้องไปหาหมอ แต่หากมีอาการเคืองตามาก น้ำตาไหลมาก ตามัว2 อันนี้ต้องไปหาจักษุแพทย์

การใช้เครื่องสำอางค์ตาร่วมกันกับผู้อื่นอาจเป็นสาเหตุของตาแดง
การติดต่อเกิดจาก 90% เกิดจากมือเรา มือตัวเองไปป้ายอะไรที่มีเชื้อโรคมา อีกประมาณสัก 5% เกิดจากแมลงหวี่ แมลงวันที่ตอมคนที่มีอาการตาแดงแล้วมาตอมเรา หรืออาจจะเกิดจากไปว่ายน้ำในคลองที่มีเชื้อโรค  เพราฉะนั้นถ้าไม่อยากเป็นตาแดง ต้องล้างมือบ่อยๆ แล้วห้ามเอามือไปโดนตาโดยไม่ล้างมือ ในกรณีเครื่องสำอางค์ ถ้าสมมุติว่าใช้เครื่องสำอางค์ของคนที่มีอาการตาแดง แล้ววมาป้ายที่ตาเราก็สามารถติดได้ 
 
เมื่อเป็นตาแดงข้างหนึ่ง ต้องระวังอย่าให้ไปติดอีกข้างหนึ่ง ควรต้องระวังอย่างไร?
มือเราเป็นพาหะในการทำให้ติดเชื้อได้มากที่สุด เช่นช่วงที่นอนหลับ เวลาหลับ นอนตะแคงแล้วน้ำตาไหลไปโดน หรือขยี้ตา เพาะบางครั้งช่วงหลับเราจะไม่รู้สึกตัว เราจะไม่รู้ตัว  ก็ทำให้ติดโรคตาแดงมาได้
 
หากเป็นตาแดงแล้วว่ายน้ำในสระรวม มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อได้หรือไม่?
มีโอกาสแพร่เชื้อได้ แต่หากสระว่ายน้ำมีการใส่คลอรีนในปริมาณที่เพียงพอ ไวรัสก็ตาย ไวรัสพวกนี้ค่อนข้างจะทนทาน ถ้าอยู่บนที่แห้งจะอยู่ได้หลายวัน อย่างบนพื้นผิว เช่น บนโต๊ะที่แห้งๆ
 
กรณีตาแดงระบาดในเด็ก
เมื่อเด็กๆไปโรงเรียนแล้วเกิดการระบาดของโรคตาแดง ไม่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของเด็กว่ามีมากหรือน้อย  ธรรมชาติของเด็กเมื่อเล่นเสร็จแล้วก็จับอะไรแล้วก็มาเช็ดตาตัวเอง โดยไม่ได้ระวัง  เพราะฉะนั้นเด็กก็จะติดกันง่าย  รวมทั้งของทุกชนิด ช้อน ปากกา ดินสอทุกชนิดที่จับด้วยมือ 
 
การใส่แว่นตาสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อตาแดงแพร่ไปยังผู้อื่นได้หรือไม่
อยู่ที่มือของเราเท่านั้น ในส่วนของแว่นตาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
 
การปิดตาข้างที่เป็นไว้ข้างหนึ่งสามารถช่วยลดการแพร่เชื้อหรือไม่
การปิดตาจะทำให้ไม่สบายตา เพราะว่าขี้ตาเยอะ ทำให้เกิดความชื้น เกิดอาการไม่สบายตา
แนะนำให้คนไข้หยุดอยู่บ้าน ถ้ามีอาการตาแดงประมาณ 5-7 วัน หรือ 1 อาทิตย์
 
อันตรายจากการการซื้อยาหยอดตามาหยอดเอง
ยาปฏิชีวนะไม่ได้มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัส แต่ช่วยไม่ให้เชื้อโรคพวกแบคทีเรียซึ่งจะมาแทรกซ้อนไว้เท่านั้น เพราะฉะนั้นหากเราไปตามร้านขายยาทั่วไป ก็น่าจะมียาพวกนี้ขาย แต่ในฐานะจักษุแพทย์ไม่แนะนำ เพราะอาจเสี่ยงใช้ยาไม่ตรงโรค ควรปรึกษาจักษุแพทย์

บทความโดย : นพ. นพรัตน์ สุจริตจันทร์

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่