อยากจะมาแชร์เรื่องราวเพื่อเตือนภัยสังคมปนระบาย และขอคำแนะนำด้วย เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นประมาณช่วงต้นปี 2021 เดือน มกราคม เริ่มจากทางญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ แนะนำพาช่างคนนี้เข้ามาให้รู้จักเพื่อมาดูบ้านที่ซื้อใหม่ ว่าสามารถรับต่อเติมบ้านได้มั้ย จนสรุปตีราคา ตกลงกันได้ เนื่องจากบอกว่าสามรถทำให้ได้หมดตามที่คุยกัน และราคาไม่แพงเทียบกับเจ้าอื่นๆที่เคยให้เข้ามาตีราคา โดยให้เหตุผลว่า ญาติผู้ใหญ่ของเราที่แนะนำมามีบุญคุณกับเค้า เค้าเลยยินดีเข้ามาทำให้โดยไม่ได้คิดกำไรอะไรมากมาย
บทที่ 1 สร้างความไว้ใจ
หลังจากตกลงปลงใจทำสัญญาต่อเติมบ้าน (ที่ช่างคนนี้มันทำมา ซึ่งไม่ระเอียดเอาซะเลย) ทาง "ชผรม" = ช่างผู้รับเหมา ก็รีบคุยถึงเรื่องเสาเข็ม ที่ต้องใช้สำหรับต่อเติมบ้านบริเวณส่วนที่ยังเหลือจะทำออกมาสองชั้น เพื่อได้ห้องเพิ่มขึ้นมา 4 ห้อง สระว่ายน้ำขนาดประมาณ 4 x 8 และบริเวณรอบๆบ้านที่จะทำทางเดิน สวน ที่นั่งเล่นรอบนอกบ้าน โดย "ชผรม" แจ้งว่าให้โอนจ่ายค่าเสาเพื่อมัดจำเอาไว้ก่อน เนื่องจากราคาถูกจึงต้องรีบจองล่วงหน้า ต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ถึงจะได้มาลง ไม่งั้นบ้านจะยิ่งเสร็จช้า จึงต้องรีบจองจ่ายเงินทันที (แปลกๆ แต่ก็ยังไม่เอะใจอะไร)
ต่อมา "ชผรม" ก็ได้มีการเสนอขายแอร์เพราะบ้านหลังนี้เจ้าของเดิมได้ถอดไปหมด ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าตลาดมากและเป็นแบรนด์ชั้นนำปกติด้วย "ชผรม" ให้เหตุผลว่าเนื่องจากเป็นสินค้าตัด lot มาจากบ้านตัวอย่างที่ปกติทางเซลล์จะแถม แต่มีส่วนที่เหลือแถมก้อจะแบ่งตัดขายออกมาถูกๆ ทางครอบครัวก็เลยตกลงจองมัดจำไป ด้วยเงื่อนไขเดิม คือต้องรอของเวลานานเป็นเดือนอีกเหมือนเดิม (ตอนนี้ก็เอะใจอีกครั้ง พร้อมกับลุ้นวันที่ของจะมา)
หลังจากลุ้นอยู่นานว่าจะได้ของมั้ยสรุปเสาก็มีมาลง และแอร์ก็มีมาติดตั้งได้ตามราคาที่ตกลงกันไว้ทางครอบครัวจึงเริ่มไว้ใจ "ชผรม" รายนี้ขึ้นเรื่อยๆซึ่งนั่นเองกำลังจะเป็นจุดเริ่มต้นของบทเรียนชีวิตครั้งใหญ่ของชีวิต...
บทที่ 2 ความโลภไม่เคยปราณีใคร
ระหว่างที่ใช้เวลาลงเสาเข็มอยู่นานเนื่องจากจำนวนเยอะพอใกล้ครบทาง "ชผรม" ก็ได้แจ้งว่าต้องลงเสาเพิ่มอีกเนื่องจากที่ประเมินไว้ไม่พอกลัวจะไม่แข็งแรงซึ่งของเดิมก็หลายสิบต้นเข้าไปแล้วก็เริ่มเอะใจแปลกๆอีกครั้งแต่ด้วยความไว้ใจและคิดว่า "ชผรม" รายนี้หวังดีกับครอบครัวเราจริงๆ จึงลงเพิ่มไปตามที่เค้าแนะนำมา
ช่วงเวลาที่การก่อสร้างเริ่มต้นไปเรื่อยๆ "ชผรม" คนนี้ก็เริ่มมีสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในบ้านเข้ามาแนะนำเสนอขายเรื่อยๆตาม concept เดิม คือราคาต่ำกว่าตลาด เนื่องด้วยมีแหล่งตัดสินค้ามาจากบ้านตัวอย่าง คราวนี้มาเต็ม เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ บลาๆๆ ทางครอบครัวก็ดูเอาของที่จำเป็นใช้ทุกอย่าง จ่ายเงินไปก่อนเหมือนเดิม
เมื่อความไว้วางใจมากขึ้นเรื่อยๆทาง "ชผรม" รายนี้เริ่มทำทีมาตีสนิทและค่อยๆจีบบุคคลในครอบครัวจนทำให้มีการพูดคุยปรับทุข์กันไปมาจนเริ่มเสนอตัวช่วยเหลือจัดการเรื่องต่างๆในบ้านมากขึ้นโดยอ้างว่าตัวเองมีเส้นสาย ใหญ่โต ทำเรื่องต่างๆทางราชการได้มากมาย
ซึ่งในเวลานั้นทางครอบครัวมีปัญหาเรื่องลูกหนี้ติดจำนองสินทรัพย์ไว้อยู่แล้วไม่จ่ายเงินค้างคาอยู่พอดีเรื่องอยู่ระหว่างขายทรัพย์ทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้เมื่อเรื่องนี้ไปถึง "ชผรม" รายนี้จึงไม่รอช้าเข้ามาช่วยคิดและเสนอทางออกว่าต้องนำเงินไปจัดการซื้อสินทรัพย์นั้นมาเองเลยจะได้จบไว้ๆเพราะตนเองสามารถไปติดต่อทำเรื่องประมูลภายในได้พร้อมทั้งบอกว่าจะจัดการซื้อทรัพย์คืนมาให้ก่อนเลยแล้วถึงเวลาค่อยมาเคลียกันอีกทีแต่ยอดเงินสดมีไม่ครบต้องให้ทางครอบครัวร่วมจ่ายด้วยบางส่วนยอดส่วนนี้ก็หลักล้านเหมือนกันแต่ด้วยความไว้ใจก็เลยให้เงินก้อนนั้นกับ "ชผรม" ไป
ยังไม่หมดเท่านี้ยังมีการเสนอขายสินทรัพย์จากการประมูลต่อมาเรื่อยๆมีทั้งรถหรูนาฬิกากระเป๋าแบรนด์เนมมากมายที่ "ชผรม" รายนี้เสนอมาว่าสามารถเข้าไปประมูลออกมาได้ด้วยราคาประมูลที่ต่ำเอามากๆทางครอบครัวก็จัดไปแทบจะทุกอย่างเรียบร้อยด้วยความคิดที่ว่ามันคือโอกาส...
บทที่ 3 ระเบิดเวลา
เรื่องราวกับ "ชผรม" รายนี้เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆจนทางครอบครัวเชื่อใจคิดว่าบุคคลๆนี้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวไปแล้วแวะเข้ามาพูดคุยเรื่องราวต่างๆที่รับไปจัดการบลาๆๆจนเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆแต่ทุกเรื่องกลับยังไม่เรียบร้อยด้วยเหตุผลส่วนใหญ่ว่าเพราะโควิดทำให้การดำเนินงานต่างๆติดขัดไปหมด
ทุกคนคงเกือบลืมไปแล้วใช่มั้ยว่า "ชผรม" รายนี้เข้ามารับงานเรื่องบ้านใช่ทางครอบครัววก็แทบจะลืมไปประกอบกับช่วงโควิด "ชผรม" รายนี้อ้างว่ามีคนงานติดโควิดให้ทางครอบครัวไม่ต้องเข้าไปดูหน้างานเดี๋ยวจะอันตรายด้วยความไว้ใจจึงปล่อยให้ "ชผรม" รายนี้จัดการดูแลทุกอย่างให้ทั้งหมด
จนเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าเข้าสู่เดือนกรกฎาคมเรื่องต่างๆที่ "ชผรม" รายนี้ให้คำมั่นสัญญาไว้ก็ผิดคำไปเรื่อยๆจนทางครอบครัวเริ่มไม่สบายใจจึงเข้าไปดูหน้างานที่บ้านเองปรากฎว่าบ้านบริเวณที่จะต่อเติมเพิ่มก็ยังมีแค่ตอเสาเข็มอยู่แค่นั้นเวลาผ่านไปร่วมครึ่งปีสภาพบ้านไม่ไปไหนซ้ำร้ายยังดูแย่กว่าวันที่ซื้อมาซะอีกเพราะภายในมีส่วนต้องปรับปรุงแปลี่ยนแปลงแต่ที่ "ชผรม" รายนี้ทำไว้คือรื้อๆไว้ซะส่วนใหญ่
จึงรีบติดต่อ "ชผรม" ให้เข้ามาเคลียเพราะทุกอย่างเริ่มชัดเจนแล้ว "ชผรม" รายนี้ไม่ใช่คนดีอย่างที่ทุกคนเข้าใจพอมัน(ขอเปลี่ยน สรรพนาม) เข้ามาดูสภาพบ้าน ยังทำหน้าซื่อ ว่าทำไมเป็นแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาให้ลูกน้องเข้ามาจัดการ และทำทีเป็นโทรคุยด่าคนอื่นให้ได้ยิน ถึงตอนนี้แทบจะหมดความอดทนแล้วจริงๆ เพราะที่ผ่านมา ทางครอบครัวก็ถามไถ่เรื่องบ้านมาโดยตลอด ว่างานส่วนนี้เสร็จมั้ย ถึงไหนแล้ว ทำตรงนี้รึยัง "ชผรม" รายนี้เองก็ตอบมาเองว่าจัดการให้แล้วเรียบร้อย จะไม่รู้เรื่องได้ไง กลายเป็นว่ามาขอโทษ ยอมรับผิด จะแก้ไข ขอโอกาสอีกครั้ง แล้วแม่ของครอบครัวเราก็ดันไปยอมตกลง เนื่องด้วยเงินที่สูญไปแล้ว ละก็ไม่อยากต้องหา ผรม เจ้าใหม่เข้ามาจัดการต่อด้วย
บทที่ 4 เมื่อธาตุแท้เปิดเผย
หลังจากทางครอบครัวยอมให้ "ชผรม" รายนี้เข้ามาเริ่มงานใหม่อีกครั้งก็ได้ถามถึงแบบแปลนใบขออนุญาติก่อสร้างต่อเติมไปแล้วก็ถูกบ่ายเบื่ยงเลื่อนไปเรื่อยๆเหมือนเดิม จนท้ายที่สุดทางครอบครัวไปตรวจสอบเองที่หน่วยงานรัฐที่ต้องติดต่อเมื่อเดือนสิงหาคม พบว่าไม่ได้ขอใบอนุญาติตั้งแต่ต้น มันชัดเจนแล้วเจตนาของ "ชผรม" รายนี้เข้ามาไม่ดีตั้งแต่แรก
ในวันเดียวกันที่ไปเช็คเรื่องใบอนุญาติทางครอบครัวได้ติดต่อให้คนรู้จักที่เป็นวิศวะเข้ามาช่วยตรวจสอบงานโครงสร้างที่ "ชผรม" รายนี้กำลังด้นสดทำไปโดยไร้แบบแปลนเมื่อพี่วิศวะเข้ามาถึงจะทำการตรวจสอบ "ชผรม" ได้แสดงกำพืชของตัวเองออกมาโดยไปด่าหาเรื่องว่าเป็นใครจะมาตรวจสอบงานจะมาดูงานก็ให้มาเจาะคอนกรีตดูเหล็กเอาสิว่าแข็งแรงหนาได้มั้ยทางครอบครัวส่ายหน้าปวดหัวกันหมดทุกคนจึงขอตัดจบกับ "ชผรม" รายนี้กับเรื่องบ้านเพราะคิดว่าน่าจะทำไม่ได้อย่างที่พูดแน่แล้วรวมถึงการกระทำต่างๆของ "ชผรม" รายนี้ก็ดูเป็นนักเลงไปซะหมดหลังจากนี้สัน...ออกแล้วจริงๆ
สุดท้ายเนื่องจากงานไม่มีแบบโครงสร้างฟุตติ้งทำมาดูลูกทุ่งเกินไปไม่ได้มาตรฐานจากที่ปรึกษากับผู้รับเหมารายไปใหม่จึงต้องมาเสียเวลารื้อถอนทำฟุตติ้งกันใหม่เสียเวลาต่อไปอีกไม่น่าเลยจริงๆ ส่วนตอนนี้ทางครอบครัวกำลังตามให้ "ชผรม" รายนี้มาชดใช้เงินค่าของต่างๆทั้งหมดอยู่ไม่รู้ว่าจะได้ชดใช้คืนมาแค่ไหนเลยอยากเอาเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นๆและก็อยากให้สังคมรับรู้ความเลวของ "ชผรม" นี้ด้วยทั้งเสียใจเสียดายเงินเก็บของครอบครัว เก็บกด และโมโห ใครเคยเจอเรื่องราวลักษณะนี้จัดการยังไงมาแชร์กันหน่อยนะ
ปล. - ตอนนี้กำลังเตรียมข้อมูลเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ "ชผรม" รายนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าต้องจ้างทนายมั้ย ต้องระวัง หรือเน้นอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า แล้วถ้ามันมีเส้นสายจริง เราต้องจัดการอย่างไร
- เรื่องทั้งหมดมาย้อนคิดๆดู ก็ตลกดีจริงๆ ว่าตกเป็นเหยื่อไปได้ยังไง อาจจะเพราะเริ่มต้นนั่นแหละ บวกกับเรื่องราวต่างๆของ "ชผรม" รายนี้มันแนบเนียน มาคุย สนิทสนม ดูซื่อๆ คิดแล้วเป็นมิจฉาชีพมืออาชีพจริงๆ
- รายละเอียดการโกงยิบย่อยยังมีอีก แต่เกรงว่าจะยาวเกินไปจึงสรุปเรื่องราวคร่าวๆมาประมาณนี้
ขอบคุณทุกๆคนล่วงหน้าที่เข้ามาอ่านนะ
[เตือนภัย ขอคำแนะนำ] สูญเงินเจ็ดหลักเพราะความไว้ใจ คนเรารู้หน้า ไม่รู้ใจจริงๆ
บทที่ 1 สร้างความไว้ใจ
หลังจากตกลงปลงใจทำสัญญาต่อเติมบ้าน (ที่ช่างคนนี้มันทำมา ซึ่งไม่ระเอียดเอาซะเลย) ทาง "ชผรม" = ช่างผู้รับเหมา ก็รีบคุยถึงเรื่องเสาเข็ม ที่ต้องใช้สำหรับต่อเติมบ้านบริเวณส่วนที่ยังเหลือจะทำออกมาสองชั้น เพื่อได้ห้องเพิ่มขึ้นมา 4 ห้อง สระว่ายน้ำขนาดประมาณ 4 x 8 และบริเวณรอบๆบ้านที่จะทำทางเดิน สวน ที่นั่งเล่นรอบนอกบ้าน โดย "ชผรม" แจ้งว่าให้โอนจ่ายค่าเสาเพื่อมัดจำเอาไว้ก่อน เนื่องจากราคาถูกจึงต้องรีบจองล่วงหน้า ต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ถึงจะได้มาลง ไม่งั้นบ้านจะยิ่งเสร็จช้า จึงต้องรีบจองจ่ายเงินทันที (แปลกๆ แต่ก็ยังไม่เอะใจอะไร)
ต่อมา "ชผรม" ก็ได้มีการเสนอขายแอร์เพราะบ้านหลังนี้เจ้าของเดิมได้ถอดไปหมด ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าตลาดมากและเป็นแบรนด์ชั้นนำปกติด้วย "ชผรม" ให้เหตุผลว่าเนื่องจากเป็นสินค้าตัด lot มาจากบ้านตัวอย่างที่ปกติทางเซลล์จะแถม แต่มีส่วนที่เหลือแถมก้อจะแบ่งตัดขายออกมาถูกๆ ทางครอบครัวก็เลยตกลงจองมัดจำไป ด้วยเงื่อนไขเดิม คือต้องรอของเวลานานเป็นเดือนอีกเหมือนเดิม (ตอนนี้ก็เอะใจอีกครั้ง พร้อมกับลุ้นวันที่ของจะมา)
หลังจากลุ้นอยู่นานว่าจะได้ของมั้ยสรุปเสาก็มีมาลง และแอร์ก็มีมาติดตั้งได้ตามราคาที่ตกลงกันไว้ทางครอบครัวจึงเริ่มไว้ใจ "ชผรม" รายนี้ขึ้นเรื่อยๆซึ่งนั่นเองกำลังจะเป็นจุดเริ่มต้นของบทเรียนชีวิตครั้งใหญ่ของชีวิต...
บทที่ 2 ความโลภไม่เคยปราณีใคร
ระหว่างที่ใช้เวลาลงเสาเข็มอยู่นานเนื่องจากจำนวนเยอะพอใกล้ครบทาง "ชผรม" ก็ได้แจ้งว่าต้องลงเสาเพิ่มอีกเนื่องจากที่ประเมินไว้ไม่พอกลัวจะไม่แข็งแรงซึ่งของเดิมก็หลายสิบต้นเข้าไปแล้วก็เริ่มเอะใจแปลกๆอีกครั้งแต่ด้วยความไว้ใจและคิดว่า "ชผรม" รายนี้หวังดีกับครอบครัวเราจริงๆ จึงลงเพิ่มไปตามที่เค้าแนะนำมา
ช่วงเวลาที่การก่อสร้างเริ่มต้นไปเรื่อยๆ "ชผรม" คนนี้ก็เริ่มมีสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในบ้านเข้ามาแนะนำเสนอขายเรื่อยๆตาม concept เดิม คือราคาต่ำกว่าตลาด เนื่องด้วยมีแหล่งตัดสินค้ามาจากบ้านตัวอย่าง คราวนี้มาเต็ม เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ บลาๆๆ ทางครอบครัวก็ดูเอาของที่จำเป็นใช้ทุกอย่าง จ่ายเงินไปก่อนเหมือนเดิม
เมื่อความไว้วางใจมากขึ้นเรื่อยๆทาง "ชผรม" รายนี้เริ่มทำทีมาตีสนิทและค่อยๆจีบบุคคลในครอบครัวจนทำให้มีการพูดคุยปรับทุข์กันไปมาจนเริ่มเสนอตัวช่วยเหลือจัดการเรื่องต่างๆในบ้านมากขึ้นโดยอ้างว่าตัวเองมีเส้นสาย ใหญ่โต ทำเรื่องต่างๆทางราชการได้มากมาย
ซึ่งในเวลานั้นทางครอบครัวมีปัญหาเรื่องลูกหนี้ติดจำนองสินทรัพย์ไว้อยู่แล้วไม่จ่ายเงินค้างคาอยู่พอดีเรื่องอยู่ระหว่างขายทรัพย์ทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้เมื่อเรื่องนี้ไปถึง "ชผรม" รายนี้จึงไม่รอช้าเข้ามาช่วยคิดและเสนอทางออกว่าต้องนำเงินไปจัดการซื้อสินทรัพย์นั้นมาเองเลยจะได้จบไว้ๆเพราะตนเองสามารถไปติดต่อทำเรื่องประมูลภายในได้พร้อมทั้งบอกว่าจะจัดการซื้อทรัพย์คืนมาให้ก่อนเลยแล้วถึงเวลาค่อยมาเคลียกันอีกทีแต่ยอดเงินสดมีไม่ครบต้องให้ทางครอบครัวร่วมจ่ายด้วยบางส่วนยอดส่วนนี้ก็หลักล้านเหมือนกันแต่ด้วยความไว้ใจก็เลยให้เงินก้อนนั้นกับ "ชผรม" ไป
ยังไม่หมดเท่านี้ยังมีการเสนอขายสินทรัพย์จากการประมูลต่อมาเรื่อยๆมีทั้งรถหรูนาฬิกากระเป๋าแบรนด์เนมมากมายที่ "ชผรม" รายนี้เสนอมาว่าสามารถเข้าไปประมูลออกมาได้ด้วยราคาประมูลที่ต่ำเอามากๆทางครอบครัวก็จัดไปแทบจะทุกอย่างเรียบร้อยด้วยความคิดที่ว่ามันคือโอกาส...
บทที่ 3 ระเบิดเวลา
เรื่องราวกับ "ชผรม" รายนี้เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆจนทางครอบครัวเชื่อใจคิดว่าบุคคลๆนี้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวไปแล้วแวะเข้ามาพูดคุยเรื่องราวต่างๆที่รับไปจัดการบลาๆๆจนเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆแต่ทุกเรื่องกลับยังไม่เรียบร้อยด้วยเหตุผลส่วนใหญ่ว่าเพราะโควิดทำให้การดำเนินงานต่างๆติดขัดไปหมด
ทุกคนคงเกือบลืมไปแล้วใช่มั้ยว่า "ชผรม" รายนี้เข้ามารับงานเรื่องบ้านใช่ทางครอบครัววก็แทบจะลืมไปประกอบกับช่วงโควิด "ชผรม" รายนี้อ้างว่ามีคนงานติดโควิดให้ทางครอบครัวไม่ต้องเข้าไปดูหน้างานเดี๋ยวจะอันตรายด้วยความไว้ใจจึงปล่อยให้ "ชผรม" รายนี้จัดการดูแลทุกอย่างให้ทั้งหมด
จนเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าเข้าสู่เดือนกรกฎาคมเรื่องต่างๆที่ "ชผรม" รายนี้ให้คำมั่นสัญญาไว้ก็ผิดคำไปเรื่อยๆจนทางครอบครัวเริ่มไม่สบายใจจึงเข้าไปดูหน้างานที่บ้านเองปรากฎว่าบ้านบริเวณที่จะต่อเติมเพิ่มก็ยังมีแค่ตอเสาเข็มอยู่แค่นั้นเวลาผ่านไปร่วมครึ่งปีสภาพบ้านไม่ไปไหนซ้ำร้ายยังดูแย่กว่าวันที่ซื้อมาซะอีกเพราะภายในมีส่วนต้องปรับปรุงแปลี่ยนแปลงแต่ที่ "ชผรม" รายนี้ทำไว้คือรื้อๆไว้ซะส่วนใหญ่
จึงรีบติดต่อ "ชผรม" ให้เข้ามาเคลียเพราะทุกอย่างเริ่มชัดเจนแล้ว "ชผรม" รายนี้ไม่ใช่คนดีอย่างที่ทุกคนเข้าใจพอมัน(ขอเปลี่ยน สรรพนาม) เข้ามาดูสภาพบ้าน ยังทำหน้าซื่อ ว่าทำไมเป็นแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาให้ลูกน้องเข้ามาจัดการ และทำทีเป็นโทรคุยด่าคนอื่นให้ได้ยิน ถึงตอนนี้แทบจะหมดความอดทนแล้วจริงๆ เพราะที่ผ่านมา ทางครอบครัวก็ถามไถ่เรื่องบ้านมาโดยตลอด ว่างานส่วนนี้เสร็จมั้ย ถึงไหนแล้ว ทำตรงนี้รึยัง "ชผรม" รายนี้เองก็ตอบมาเองว่าจัดการให้แล้วเรียบร้อย จะไม่รู้เรื่องได้ไง กลายเป็นว่ามาขอโทษ ยอมรับผิด จะแก้ไข ขอโอกาสอีกครั้ง แล้วแม่ของครอบครัวเราก็ดันไปยอมตกลง เนื่องด้วยเงินที่สูญไปแล้ว ละก็ไม่อยากต้องหา ผรม เจ้าใหม่เข้ามาจัดการต่อด้วย
บทที่ 4 เมื่อธาตุแท้เปิดเผย
หลังจากทางครอบครัวยอมให้ "ชผรม" รายนี้เข้ามาเริ่มงานใหม่อีกครั้งก็ได้ถามถึงแบบแปลนใบขออนุญาติก่อสร้างต่อเติมไปแล้วก็ถูกบ่ายเบื่ยงเลื่อนไปเรื่อยๆเหมือนเดิม จนท้ายที่สุดทางครอบครัวไปตรวจสอบเองที่หน่วยงานรัฐที่ต้องติดต่อเมื่อเดือนสิงหาคม พบว่าไม่ได้ขอใบอนุญาติตั้งแต่ต้น มันชัดเจนแล้วเจตนาของ "ชผรม" รายนี้เข้ามาไม่ดีตั้งแต่แรก
ในวันเดียวกันที่ไปเช็คเรื่องใบอนุญาติทางครอบครัวได้ติดต่อให้คนรู้จักที่เป็นวิศวะเข้ามาช่วยตรวจสอบงานโครงสร้างที่ "ชผรม" รายนี้กำลังด้นสดทำไปโดยไร้แบบแปลนเมื่อพี่วิศวะเข้ามาถึงจะทำการตรวจสอบ "ชผรม" ได้แสดงกำพืชของตัวเองออกมาโดยไปด่าหาเรื่องว่าเป็นใครจะมาตรวจสอบงานจะมาดูงานก็ให้มาเจาะคอนกรีตดูเหล็กเอาสิว่าแข็งแรงหนาได้มั้ยทางครอบครัวส่ายหน้าปวดหัวกันหมดทุกคนจึงขอตัดจบกับ "ชผรม" รายนี้กับเรื่องบ้านเพราะคิดว่าน่าจะทำไม่ได้อย่างที่พูดแน่แล้วรวมถึงการกระทำต่างๆของ "ชผรม" รายนี้ก็ดูเป็นนักเลงไปซะหมดหลังจากนี้สัน...ออกแล้วจริงๆ
สุดท้ายเนื่องจากงานไม่มีแบบโครงสร้างฟุตติ้งทำมาดูลูกทุ่งเกินไปไม่ได้มาตรฐานจากที่ปรึกษากับผู้รับเหมารายไปใหม่จึงต้องมาเสียเวลารื้อถอนทำฟุตติ้งกันใหม่เสียเวลาต่อไปอีกไม่น่าเลยจริงๆ ส่วนตอนนี้ทางครอบครัวกำลังตามให้ "ชผรม" รายนี้มาชดใช้เงินค่าของต่างๆทั้งหมดอยู่ไม่รู้ว่าจะได้ชดใช้คืนมาแค่ไหนเลยอยากเอาเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นๆและก็อยากให้สังคมรับรู้ความเลวของ "ชผรม" นี้ด้วยทั้งเสียใจเสียดายเงินเก็บของครอบครัว เก็บกด และโมโห ใครเคยเจอเรื่องราวลักษณะนี้จัดการยังไงมาแชร์กันหน่อยนะ
ปล. - ตอนนี้กำลังเตรียมข้อมูลเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ "ชผรม" รายนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าต้องจ้างทนายมั้ย ต้องระวัง หรือเน้นอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า แล้วถ้ามันมีเส้นสายจริง เราต้องจัดการอย่างไร
- เรื่องทั้งหมดมาย้อนคิดๆดู ก็ตลกดีจริงๆ ว่าตกเป็นเหยื่อไปได้ยังไง อาจจะเพราะเริ่มต้นนั่นแหละ บวกกับเรื่องราวต่างๆของ "ชผรม" รายนี้มันแนบเนียน มาคุย สนิทสนม ดูซื่อๆ คิดแล้วเป็นมิจฉาชีพมืออาชีพจริงๆ
- รายละเอียดการโกงยิบย่อยยังมีอีก แต่เกรงว่าจะยาวเกินไปจึงสรุปเรื่องราวคร่าวๆมาประมาณนี้
ขอบคุณทุกๆคนล่วงหน้าที่เข้ามาอ่านนะ