หนุ่มตาน้ำข้าวกับผู้บ่าวจอมกวน (ตำนานชายรักชายบทใหม่แห่งหมู่บ้านโคกอีหวึ่ง)
เรต MA15+ ภาษาและพฤติกรรมบางอย่างของตัวละครในเรื่อง
“ที่ผมชอบแกล้ง ชอบกวนประสาท แค่อยากเรียกร้องความสนใจ อยากรู้จัก อยากคุยด้วย ผมผิดมากใช่ไหม?”
เดือนตุลาคม พ.ศ. 2562
รถบัสโดยสารระหว่างประเทศ ต้นทางจากนครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว ได้แล่นมาถึงจุดหมายปลายทาง สถานีขนส่งเก่า อ. เมือง จ.อุดรธานี ประเทศไทย
เมื่อรถเข้าจอดเทียบชานชาลา บรรดาผู้โดยสารต่างทยอยกันก้าวเดินลงจากประตูรถ
“อีแม่กำนัน... หมู่ของเมริงมากับรถคันนี้แม่นบ่? กูเบิ่งทุกม่อง ยังบ่เห็นผู้ใดหน้าฝรั่งหน้าลูกครึ่งเดินลงมานำ เมริงเปิดรูปบักอัลแบร์ในเฟสบุ๊คให้กูเบิ่งจักเท่อ เผื่อกูซิจำหน้าได้แม่น”
(อีแม่กำนัน เพื่อนของเมริงมากับรถคันนี้ใช่ไหม? กูมองหาทุกซอกทุกมุม ยังไม่เห็นใครหน้าฝรั่งหน้าลูกครึ่ง เดินลงมาเลย เมริงเปิดรูปอัลแบร์ในเฟสบุ๊คให้กูดูอีกครั้งหนึ่ง เผื่อกูจำหน้าได้)
เจ้าของน้ำเสียงพูดภาษาท้องถิ่น เธอเป็นสาวประเภทสอง ใบหน้ากลมจิ้มลิ้ม กรามบาน ไว้ทรงผมบ๊อบเท ผิวสองสี รูปร่างท้วม ไม่สูงมาก อายุอานามกำลังเข้าเลข3 สวมใส่ชุดกระโปรงยาวกึ่งเดรส แขนกุด สีสันจัดจ้านมองแล้วชวนแสบลูกตา
“อีแว่... เมริงเบิ่งพู๊นเด๊ กูว่าแล้ว เพิ่นออกมาเป็นคนสุดท้าย ทางนี้ค่ะ… คุณเพื่อน” สาวประเภทสองรุ่นเดียวกัน โบกมือให้ชายหนุ่มลูกครึ่งที่กำลังเดินลงมาจากรถบัสเป็นคนสุดท้าย
“สบายดีเนอะ ไม่ได้เจอกันนานโคตรๆ แกเปลี่ยนไปเยอะมาก จำแทบไม่ได้ ดูดีขึ้นสวยขึ้น อวบอั๋นมีน้ำมีนวล แถมมีนม2เต้าดู้มตู้ม ล้นทะลักจนจะออกมานอกเสื้อ ผมยาวสลวยอย่างกับนางแบบยาสระผม ได้ตีทรงฟาร่าห์เป็นงูเห่าแผ่แม่เบี้ย สมใจอยาก จมูกไปทำหมอไหนมาย่ะ? ขนาดจมูกลูกครึ่งแท้ๆอย่างฉัน ยังไม่โด่งเป็นสันเขื่อนเท่าของแกเลย”
ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-ยูโรเปี้ยน วัย 28ปี ที่ชื่ออัลแบร์ กล่าวทักทายปนหยิกแกมหยอกพอหอมปากหอมคอ เขาจ้องมองรูปร่างหน้าตาของเพื่อนสาวที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่หัวจรดเท้า
เพื่อนสาวที่ชื่อ แจ๊ดหรือเจสซี่ ชื่อในบัตรประชาชน “เจริญชัย” อดีตเกย์หัวโปก รูปร่างบอบบาง ผอมแห้งคล้ายคนติดยาหรือขาดสารอาหาร สรีระทางกายภาพแบน ราบเรียบ ลีบทุกส่วน
แต่สภาพในปัจจุบัน ได้กลายร่างเป็นสาวประเภทสอง อวบอิ่มมีน้ำมีนวล มีออร่า มีบารมี สง่าราศี มาดดุจนางพญา ดูน่าเกรงขาม
“ฉันก็เรื่อยๆตามประสา นึกว่าลืมเพื่อนคนนี้ซะแล้ว เดินทางข้ามทวีปทางบกจากยุโรปมาเมืองไทย ผ่านหลายประเทศ คงสนุกตื่นเต้น เจอผู้ชายหล่อๆแซ่บๆมาตลอดทางซินะ งานนี้กินเอร็ดอร่อยหลายไม้ ฉันมัวแต่เม้าท์เพลิน ลืมแนะนำเพื่อนสาวอีกคนให้รู้จัก นางชื่อ หญิงแว่ สมัยเด็กๆชื่อ วิฑูรย์ พอนมตั้งเต้าจากฤทธิ์ยาคุมก็เปลี่ยนชื่อ วิยะดา ส่วนชื่อ เวโรนิก้า ใช้โกอินเตอร์ส่งออกหอยเน่าค้างสต็อก” แจ๊ดแนะนำเพื่อนสาวประเภทสองที่มาด้วยกัน
“ค่ะ.. ใครจะไปชื่อเพราะพริ้งหรูหราหมาเห่าเหมือนหล่อน อีคุณเจสซี่ กำนันสาวแห่งตำบลหนองน้ำฮี ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ อัลแบร์ งานดีเวอร์ เห็นแล้วหัวใจตกไปอยู่ตรงหัวหน่าว คันคะเยอง่ามดากยุบยับ ไม่ยักรู้ว่าอีแม่กำนันมีเพื่อนหล่อวัวตายควายล้มกับเขาด้วย” หญิงแว่ระริกระรี้ นางใช้สายตาแทะโลมชายหนุ่มลูกครึ่ง ราวจะกลืนกินเข้าไปบัดเดี๋ยวนั้น
ใบหน้ารูปไข่อันเรียวเล็ก เส้นผมสีน้ำตาลหยักศกเป็นลอน ดวงตากลมโต นัยตาสีฟ้าน้ำทะเล ขนตางอนเป็นแพ คิ้วดกหนา จมูกโด่งเป็นสันคมลากยาวลงมางุ้มตรงปลายคล้ายหยดน้ำ รับกับริมฝีปากสีแดงเรียวรูปกระจับ บวกกับผิวขาวเนียนอมชมพู หน่วยก้านดูกระฉับกระเฉงทะมัดทะแมง สวนทางกับรูปร่างอันบอบบาง ความสูงตามมาตรฐานผู้ชายตะวันตก ส่งเสริมให้ชายหนุ่มลูกครึ่งคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดต่อเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันอย่างยิ่ง การแต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งขับออร่าความหล่อเท่ห์ให้เปล่งประกายฉายแสง
“ตื่นๆ หยุดมโนได้แล้วค่ะ กลับสู่โลกแห่งความจริง อัลแบร์ไม่สนใจสตรีมีงู หรือเกย์สาวแตกแหกกระเจิงหรอกค่ะ สเป็กเขาต้องผู้ชายแท้หรือเกย์แมนๆไม่แสดงออกเท่านั้น ยิ่งหุ่นลีนๆ มีกล้ามมีซิกแพคด้วยยิ่งแซ่บพริกยกสวนเนอะ” แจ๊ดดับฝันเพื่อนสาว
“ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ หญิงแว่ ชุดที่เธอใส่มันชิคแอนด์คูลมาก”
“ฉันว่าพวกเราไปตากแอร์ในห้าง หาอะไรเย็นๆดื่มแก้ร้อนกันก่อนดีกว่า ร้อนอบอ้าวจนชุดฉันเปียกชุ่มแฉะไปหมด เหนียวตัวด้วย ข้าวเที่ยงฉันจะพาไปกินที่ร้านเด็ดเมืองอุดร” แจ๊ดช่วยเพื่อนถือกระเป๋าสัมภาระ พร้อมกับเดินนำไปยังห้างสรรพสินค้า
...................................................................
“เครื่องสำอางค์กับน้ำหอมยี่ห้อที่แกชอบ ส่วนของหญิงแว่ ขอเดาว่าเธอต้องชอบอันนี้แน่นอน ลิปสติกสีแดง แดงดีแดงทน”
อัลแบร์รีบเปิดกระเป๋าเดินทางเพื่อเอาของฝากที่อุตส่าห์หอบหิ้วมา ยื่นให้แจ๊ดกับหญิงแว่
ทั้งสามคนนั่งสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบทั่วไปตามประสา พร้อมกวาดสายตาชำเลืองเวลาเห็นผู้ชายหล่อๆเดินผ่านไปมา
“แกเก่งจัง แถมยังมั่นเกินร้อย กล้าเดินทางคนเดียวจากฝรั่งเศส นั่งรถไฟผ่านยุโรปเข้ารัสเซีย โผล่มองโกเลีย จีน ล่องมาลาว และข้ามเข้าฝั่งไทย ถ้าเป็นฉันคงทำไม่ได้แน่นอน แค่คิดก็มืดมนอับจนหนทาง” แจ๊ดชื่นชมความสามารถของเพื่อน
“นั่นซิ ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน สมัยเรียนทั้งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสติดศูนย์เกือบทุกเทอม ตามสอบแก้ตัวไม่หวาดไม่ไหว แต่ถ้าเป็นเรื่องผู้ชายฝรั่งละก็ สปี๊คอิงลิชได้โดยไม่ต้องพึ่งแกรมม่า โอ้.. เยส..! สู้บ่ยั่นค่ะ” หญิงแว่หัวเราะชอบใจ
“แกจะพักกับฉัน 3เดือนใช่ไหม? ถ้าอยากอยู่นานกว่านั้น ทุกคนในบ้านฉันยินดีต้อนรับเสมอ ห้ามเกรงใจเด็ดขาด ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆด้วย แม่ฉันอยากเจอแกมาก สมัยฉันเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนอยู่ฝรั่งเศส ก็มีแกนี่แหละที่เป็นทั้งเพื่อนสนิท คอยช่วยเหลือ เวลาฉันเคว้งไม่รู้จะไปปรึกษาหารือใคร” แจ๊ดพูดอย่างจริงใจ
“ขอบใจเพื่อน แค่ 3เดือน ฉันก็รู้สึกเกรงใจทางบ้านแกจะแย่แล้ว ถ้าขืนอยู่เกินกำหนดนานขนาดนั้น ฉันคงต้องหาบ้านเช่าซักหลัง” อัลแบร์ซึ้งในมิตรไมตรีจิตที่ได้รับ
อัลแบร์เป็นลูกครึ่งเชื้อสายฝรั่งเศส ไทย กรีก และรัสเซีย พ่อของเขาเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-กรีก ส่วนแม่เป็นลูกครึ่งไทย-รัสเซีย เธอเกิดและเติบโตที่เมืองไทย ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก
ตัวของอัลแบร์เกิดที่ฝรั่งเศส ถือสัญชาติฝรั่งเศส และยังได้สัญชาติไทยพ่วงจากทางฝั่งมารดา เขาเป็นลูกชายคนสุดท้อง มีพี่ชายคนโตกับพี่สาวคนรอง
ชีวิตในวัยเด็กช่วงหนึ่งของเขาเติบโตที่เมืองไทย ผูกพันธ์กับเมืองไทย จนกระทั่งถึงวัยเข้าเรียนไฮสคูล จึงได้ย้ายกลับไปอยู่ฝรั่งเศส หลังจากสูญเสียแม่ เขาไม่ได้กลับมาเมืองไทยอีกเลย
เขาเป็นคนแต่งตัวเก่ง มีรสนิยมดี สาวกแบรนด์เนมตัวเบ้ง ช่างเข้าใจเลือกสรรค์สิ่งดีที่สุดมาสวมใส่ประดับประดาบนเรือนร่างตัวเอง ด้วยความหลงใหลทางด้านแฟชั่น ทำให้เขาเลือกเรียนสายนี้โดยเฉพาะ
เมื่อจบการศึกษา ได้เข้าทำงานกับนิตยสารแฟชั่นแห่งหนึ่งในกรุงปารีสเพียงไม่กี่ปี เขาจำใจต้องลาออกจากงานที่ตัวเองรัก เพื่อไปช่วยธุรกิจไร่ไวน์ของครอบครัว
ต้นปีนี้ลากยาวมา ชีวิตของอัลแบร์เหมือนเรือลำน้อยที่ต้องเผชิญมรสุมลูกใหญ่ อย่างโดดเดี่ยวกลางทะเล โดยเฉพาะมรสุมรักที่ซัดกระหน่ำถาโถมเขาจนเสียศูนย์ไปต่อไม่ได้
เขาก้มหน้าก้มตาทำงานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพักแม้แต่วันเดียว เพื่อไม่ให้หัวสมองคิดฟุ้งซ่าน
ผลจากการทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ บวกความเครียดสะสม ทำให้สุขภาพกายมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ไมเกรนขึ้น ส่วนสุขภาพจิตเข้าขั้นย่ำแย่ โรคซึมเศร้าเข้ามาทักทาย
ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ เขาได้ตัดสินใจพักงานไปบำบัดอาการป่วยทางจิตใจ ด้วยการเดินทางท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 6เดือน
.........................................................................
แจ๊ด… สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย นางสามารถสอบชิงทุนได้บินไปร่วมโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ฝรั่งเศส นางมีโอกาสได้รู้จักกับอัลแบร์ผ่านทางเพื่อนชาวฝรั่งเศส ด้วยความที่แจ๊ดเป็นคนไทย เลยทำให้มิตรภาพระหว่างนางกับอัลแบร์ค่อยๆงอกงามขึ้นเรื่อยๆ
หลังเรียนจบปริญญาตรี ด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้า นางตัดสินใจหันหลังให้กับโอกาสดีๆทางด้านการงานในเมืองหลวง มุ่งหน้ากลับสู่ชนบท เพื่อพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตนให้เจริญก้าวหน้า
แม้มีเพศสภาพที่แตกต่าง แต่ด้วยความสามารถ มีผลงานเป็นที่ยอมรับของชาวบ้านในหมู่บ้าน ทำให้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาก็ยังได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านทั้งตำบล เลือกให้ดำรงตำแหน่งกำนัน
ความสำเร็จดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน คนจะดีหรือเลว ขึ้นอยู่กับการกระทำมากกว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศสภาพเลย
......................................................................
“สาวๆจ๊ะ ขอตัวไปห้องน้ำแป๊บ” อัลแบร์เดินออกนอกร้าน
พอเดินมาช่วงหัวมุมก่อนจะถึงห้องน้ำ รู้สึกเหมือนมีวัตถุบางอย่างพุ่งเข้ามาปะทะตรงบริเวณสีข้างแถวใต้วงแขน
“F*ck!” ความเย็นวาบที่แผ่ซ่านซึมเข้าสัมผัสผิวหนังที่อยู่ข้างในเสื้อผ้า ทำให้เขาเผลอสบถออกมาเป็นภาษาอังกฤษอย่างลืมตัว
“ไอ แอม ซอรี่, ไอ บาย นิว… ? เสื้อยืด แฮปปี้ โอเค?” คนที่เดินมาชน กล่าวคำขอโทษเป็นภาษาอังกฤษอย่างตะกุกตะกัก
ผู้ชายคนนั้น ก้มหน้าก้มตาไถโทรศัพท์มือถือเล่นจนลืมดูทิศทางเดินของตน ทำให้เครื่องดื่มชาเขียวปั่นขนาดจัมโบ้ทั้งสองแก้วที่เสียบอยู่บนกล่องกระดาษในมืออีกข้างหนึ่ง หกรดใส่เสื้อยืดสีขาวของอัลแบร์เข้าเต็มๆ
“ไม่เป็นไรครับ คราวหน้าคุณต้องระวังและรอบคอบให้มากกว่านี้ เวลาเดินไปไหนมาไหน อย่าเล่นมือถือเด็ดขาด อุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง มันย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ”
อัลแบร์รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่รีรอ เพื่อล้างคราบเครื่องดื่มออกจากเสื้อยืด
“คราบชาเขียวบนเสื้อคุณ มันคงล้างออกไม่ได้แล้ว ยิ่งเป็นเสื้อสีขาวด้วย คราบฝังลึกแน่นอน เดี๋ยวผมจะรีบไปซื้อเสื้อใหม่ให้คุณใส่พลางๆก่อน ส่วนเสื้อตัวนี้ คุณซื้อมาเท่าไหร่บอกผม เดี๋ยวผมชดใช้ค่าเสียหายให้ทันที” ชายหนุ่มคู่กรณีตามเข้ามาแสดงความรับผิดชอบ
“บอกแล้วว่าไม่เป็นไร ไม่ได้อยากเรียกร้องค่าเสียหายจากคุณ ถ้าอยากรับผิดชอบละก็ คราวหน้าเวลาเดินไปไหนหรือกำลังขับรถอยู่ ขอความกรุณา อย่าเล่นมือถืออีก เพราะมันอันตรายมาก อุบัติเหตุร้ายแรงที่คิดไม่ถึง มันเกิดขึ้นได้เสมอ เข้าใจที่พูดนะ” อัลแบร์ตักเตือนคู่กรณี
“ครับ.. ขอโทษอีกครั้ง ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ” ชายหนุ่มคู่กรณีทำหน้าเหมือนคนสำนึกผิด ก่อนจะเดินจากไป
หนุ่มตาน้ำข้าวกับผู้บ่าวจอมกวน ตอนที่ 1 การเดินทางของหัวใจ
เรต MA15+ ภาษาและพฤติกรรมบางอย่างของตัวละครในเรื่อง
“ที่ผมชอบแกล้ง ชอบกวนประสาท แค่อยากเรียกร้องความสนใจ อยากรู้จัก อยากคุยด้วย ผมผิดมากใช่ไหม?”
เดือนตุลาคม พ.ศ. 2562
รถบัสโดยสารระหว่างประเทศ ต้นทางจากนครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว ได้แล่นมาถึงจุดหมายปลายทาง สถานีขนส่งเก่า อ. เมือง จ.อุดรธานี ประเทศไทย
เมื่อรถเข้าจอดเทียบชานชาลา บรรดาผู้โดยสารต่างทยอยกันก้าวเดินลงจากประตูรถ
“อีแม่กำนัน... หมู่ของเมริงมากับรถคันนี้แม่นบ่? กูเบิ่งทุกม่อง ยังบ่เห็นผู้ใดหน้าฝรั่งหน้าลูกครึ่งเดินลงมานำ เมริงเปิดรูปบักอัลแบร์ในเฟสบุ๊คให้กูเบิ่งจักเท่อ เผื่อกูซิจำหน้าได้แม่น”
(อีแม่กำนัน เพื่อนของเมริงมากับรถคันนี้ใช่ไหม? กูมองหาทุกซอกทุกมุม ยังไม่เห็นใครหน้าฝรั่งหน้าลูกครึ่ง เดินลงมาเลย เมริงเปิดรูปอัลแบร์ในเฟสบุ๊คให้กูดูอีกครั้งหนึ่ง เผื่อกูจำหน้าได้)
เจ้าของน้ำเสียงพูดภาษาท้องถิ่น เธอเป็นสาวประเภทสอง ใบหน้ากลมจิ้มลิ้ม กรามบาน ไว้ทรงผมบ๊อบเท ผิวสองสี รูปร่างท้วม ไม่สูงมาก อายุอานามกำลังเข้าเลข3 สวมใส่ชุดกระโปรงยาวกึ่งเดรส แขนกุด สีสันจัดจ้านมองแล้วชวนแสบลูกตา
“อีแว่... เมริงเบิ่งพู๊นเด๊ กูว่าแล้ว เพิ่นออกมาเป็นคนสุดท้าย ทางนี้ค่ะ… คุณเพื่อน” สาวประเภทสองรุ่นเดียวกัน โบกมือให้ชายหนุ่มลูกครึ่งที่กำลังเดินลงมาจากรถบัสเป็นคนสุดท้าย
“สบายดีเนอะ ไม่ได้เจอกันนานโคตรๆ แกเปลี่ยนไปเยอะมาก จำแทบไม่ได้ ดูดีขึ้นสวยขึ้น อวบอั๋นมีน้ำมีนวล แถมมีนม2เต้าดู้มตู้ม ล้นทะลักจนจะออกมานอกเสื้อ ผมยาวสลวยอย่างกับนางแบบยาสระผม ได้ตีทรงฟาร่าห์เป็นงูเห่าแผ่แม่เบี้ย สมใจอยาก จมูกไปทำหมอไหนมาย่ะ? ขนาดจมูกลูกครึ่งแท้ๆอย่างฉัน ยังไม่โด่งเป็นสันเขื่อนเท่าของแกเลย”
ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-ยูโรเปี้ยน วัย 28ปี ที่ชื่ออัลแบร์ กล่าวทักทายปนหยิกแกมหยอกพอหอมปากหอมคอ เขาจ้องมองรูปร่างหน้าตาของเพื่อนสาวที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่หัวจรดเท้า
เพื่อนสาวที่ชื่อ แจ๊ดหรือเจสซี่ ชื่อในบัตรประชาชน “เจริญชัย” อดีตเกย์หัวโปก รูปร่างบอบบาง ผอมแห้งคล้ายคนติดยาหรือขาดสารอาหาร สรีระทางกายภาพแบน ราบเรียบ ลีบทุกส่วน
แต่สภาพในปัจจุบัน ได้กลายร่างเป็นสาวประเภทสอง อวบอิ่มมีน้ำมีนวล มีออร่า มีบารมี สง่าราศี มาดดุจนางพญา ดูน่าเกรงขาม
“ฉันก็เรื่อยๆตามประสา นึกว่าลืมเพื่อนคนนี้ซะแล้ว เดินทางข้ามทวีปทางบกจากยุโรปมาเมืองไทย ผ่านหลายประเทศ คงสนุกตื่นเต้น เจอผู้ชายหล่อๆแซ่บๆมาตลอดทางซินะ งานนี้กินเอร็ดอร่อยหลายไม้ ฉันมัวแต่เม้าท์เพลิน ลืมแนะนำเพื่อนสาวอีกคนให้รู้จัก นางชื่อ หญิงแว่ สมัยเด็กๆชื่อ วิฑูรย์ พอนมตั้งเต้าจากฤทธิ์ยาคุมก็เปลี่ยนชื่อ วิยะดา ส่วนชื่อ เวโรนิก้า ใช้โกอินเตอร์ส่งออกหอยเน่าค้างสต็อก” แจ๊ดแนะนำเพื่อนสาวประเภทสองที่มาด้วยกัน
“ค่ะ.. ใครจะไปชื่อเพราะพริ้งหรูหราหมาเห่าเหมือนหล่อน อีคุณเจสซี่ กำนันสาวแห่งตำบลหนองน้ำฮี ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ อัลแบร์ งานดีเวอร์ เห็นแล้วหัวใจตกไปอยู่ตรงหัวหน่าว คันคะเยอง่ามดากยุบยับ ไม่ยักรู้ว่าอีแม่กำนันมีเพื่อนหล่อวัวตายควายล้มกับเขาด้วย” หญิงแว่ระริกระรี้ นางใช้สายตาแทะโลมชายหนุ่มลูกครึ่ง ราวจะกลืนกินเข้าไปบัดเดี๋ยวนั้น
ใบหน้ารูปไข่อันเรียวเล็ก เส้นผมสีน้ำตาลหยักศกเป็นลอน ดวงตากลมโต นัยตาสีฟ้าน้ำทะเล ขนตางอนเป็นแพ คิ้วดกหนา จมูกโด่งเป็นสันคมลากยาวลงมางุ้มตรงปลายคล้ายหยดน้ำ รับกับริมฝีปากสีแดงเรียวรูปกระจับ บวกกับผิวขาวเนียนอมชมพู หน่วยก้านดูกระฉับกระเฉงทะมัดทะแมง สวนทางกับรูปร่างอันบอบบาง ความสูงตามมาตรฐานผู้ชายตะวันตก ส่งเสริมให้ชายหนุ่มลูกครึ่งคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดต่อเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันอย่างยิ่ง การแต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งขับออร่าความหล่อเท่ห์ให้เปล่งประกายฉายแสง
“ตื่นๆ หยุดมโนได้แล้วค่ะ กลับสู่โลกแห่งความจริง อัลแบร์ไม่สนใจสตรีมีงู หรือเกย์สาวแตกแหกกระเจิงหรอกค่ะ สเป็กเขาต้องผู้ชายแท้หรือเกย์แมนๆไม่แสดงออกเท่านั้น ยิ่งหุ่นลีนๆ มีกล้ามมีซิกแพคด้วยยิ่งแซ่บพริกยกสวนเนอะ” แจ๊ดดับฝันเพื่อนสาว
“ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ หญิงแว่ ชุดที่เธอใส่มันชิคแอนด์คูลมาก”
“ฉันว่าพวกเราไปตากแอร์ในห้าง หาอะไรเย็นๆดื่มแก้ร้อนกันก่อนดีกว่า ร้อนอบอ้าวจนชุดฉันเปียกชุ่มแฉะไปหมด เหนียวตัวด้วย ข้าวเที่ยงฉันจะพาไปกินที่ร้านเด็ดเมืองอุดร” แจ๊ดช่วยเพื่อนถือกระเป๋าสัมภาระ พร้อมกับเดินนำไปยังห้างสรรพสินค้า
...................................................................
“เครื่องสำอางค์กับน้ำหอมยี่ห้อที่แกชอบ ส่วนของหญิงแว่ ขอเดาว่าเธอต้องชอบอันนี้แน่นอน ลิปสติกสีแดง แดงดีแดงทน”
อัลแบร์รีบเปิดกระเป๋าเดินทางเพื่อเอาของฝากที่อุตส่าห์หอบหิ้วมา ยื่นให้แจ๊ดกับหญิงแว่
ทั้งสามคนนั่งสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบทั่วไปตามประสา พร้อมกวาดสายตาชำเลืองเวลาเห็นผู้ชายหล่อๆเดินผ่านไปมา
“แกเก่งจัง แถมยังมั่นเกินร้อย กล้าเดินทางคนเดียวจากฝรั่งเศส นั่งรถไฟผ่านยุโรปเข้ารัสเซีย โผล่มองโกเลีย จีน ล่องมาลาว และข้ามเข้าฝั่งไทย ถ้าเป็นฉันคงทำไม่ได้แน่นอน แค่คิดก็มืดมนอับจนหนทาง” แจ๊ดชื่นชมความสามารถของเพื่อน
“นั่นซิ ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน สมัยเรียนทั้งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสติดศูนย์เกือบทุกเทอม ตามสอบแก้ตัวไม่หวาดไม่ไหว แต่ถ้าเป็นเรื่องผู้ชายฝรั่งละก็ สปี๊คอิงลิชได้โดยไม่ต้องพึ่งแกรมม่า โอ้.. เยส..! สู้บ่ยั่นค่ะ” หญิงแว่หัวเราะชอบใจ
“แกจะพักกับฉัน 3เดือนใช่ไหม? ถ้าอยากอยู่นานกว่านั้น ทุกคนในบ้านฉันยินดีต้อนรับเสมอ ห้ามเกรงใจเด็ดขาด ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆด้วย แม่ฉันอยากเจอแกมาก สมัยฉันเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนอยู่ฝรั่งเศส ก็มีแกนี่แหละที่เป็นทั้งเพื่อนสนิท คอยช่วยเหลือ เวลาฉันเคว้งไม่รู้จะไปปรึกษาหารือใคร” แจ๊ดพูดอย่างจริงใจ
“ขอบใจเพื่อน แค่ 3เดือน ฉันก็รู้สึกเกรงใจทางบ้านแกจะแย่แล้ว ถ้าขืนอยู่เกินกำหนดนานขนาดนั้น ฉันคงต้องหาบ้านเช่าซักหลัง” อัลแบร์ซึ้งในมิตรไมตรีจิตที่ได้รับ
อัลแบร์เป็นลูกครึ่งเชื้อสายฝรั่งเศส ไทย กรีก และรัสเซีย พ่อของเขาเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-กรีก ส่วนแม่เป็นลูกครึ่งไทย-รัสเซีย เธอเกิดและเติบโตที่เมืองไทย ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก
ตัวของอัลแบร์เกิดที่ฝรั่งเศส ถือสัญชาติฝรั่งเศส และยังได้สัญชาติไทยพ่วงจากทางฝั่งมารดา เขาเป็นลูกชายคนสุดท้อง มีพี่ชายคนโตกับพี่สาวคนรอง
ชีวิตในวัยเด็กช่วงหนึ่งของเขาเติบโตที่เมืองไทย ผูกพันธ์กับเมืองไทย จนกระทั่งถึงวัยเข้าเรียนไฮสคูล จึงได้ย้ายกลับไปอยู่ฝรั่งเศส หลังจากสูญเสียแม่ เขาไม่ได้กลับมาเมืองไทยอีกเลย
เขาเป็นคนแต่งตัวเก่ง มีรสนิยมดี สาวกแบรนด์เนมตัวเบ้ง ช่างเข้าใจเลือกสรรค์สิ่งดีที่สุดมาสวมใส่ประดับประดาบนเรือนร่างตัวเอง ด้วยความหลงใหลทางด้านแฟชั่น ทำให้เขาเลือกเรียนสายนี้โดยเฉพาะ
เมื่อจบการศึกษา ได้เข้าทำงานกับนิตยสารแฟชั่นแห่งหนึ่งในกรุงปารีสเพียงไม่กี่ปี เขาจำใจต้องลาออกจากงานที่ตัวเองรัก เพื่อไปช่วยธุรกิจไร่ไวน์ของครอบครัว
ต้นปีนี้ลากยาวมา ชีวิตของอัลแบร์เหมือนเรือลำน้อยที่ต้องเผชิญมรสุมลูกใหญ่ อย่างโดดเดี่ยวกลางทะเล โดยเฉพาะมรสุมรักที่ซัดกระหน่ำถาโถมเขาจนเสียศูนย์ไปต่อไม่ได้
เขาก้มหน้าก้มตาทำงานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพักแม้แต่วันเดียว เพื่อไม่ให้หัวสมองคิดฟุ้งซ่าน
ผลจากการทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ บวกความเครียดสะสม ทำให้สุขภาพกายมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ไมเกรนขึ้น ส่วนสุขภาพจิตเข้าขั้นย่ำแย่ โรคซึมเศร้าเข้ามาทักทาย
ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ เขาได้ตัดสินใจพักงานไปบำบัดอาการป่วยทางจิตใจ ด้วยการเดินทางท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 6เดือน
.........................................................................
แจ๊ด… สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย นางสามารถสอบชิงทุนได้บินไปร่วมโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ฝรั่งเศส นางมีโอกาสได้รู้จักกับอัลแบร์ผ่านทางเพื่อนชาวฝรั่งเศส ด้วยความที่แจ๊ดเป็นคนไทย เลยทำให้มิตรภาพระหว่างนางกับอัลแบร์ค่อยๆงอกงามขึ้นเรื่อยๆ
หลังเรียนจบปริญญาตรี ด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้า นางตัดสินใจหันหลังให้กับโอกาสดีๆทางด้านการงานในเมืองหลวง มุ่งหน้ากลับสู่ชนบท เพื่อพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตนให้เจริญก้าวหน้า
แม้มีเพศสภาพที่แตกต่าง แต่ด้วยความสามารถ มีผลงานเป็นที่ยอมรับของชาวบ้านในหมู่บ้าน ทำให้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาก็ยังได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านทั้งตำบล เลือกให้ดำรงตำแหน่งกำนัน
ความสำเร็จดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน คนจะดีหรือเลว ขึ้นอยู่กับการกระทำมากกว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศสภาพเลย
......................................................................
“สาวๆจ๊ะ ขอตัวไปห้องน้ำแป๊บ” อัลแบร์เดินออกนอกร้าน
พอเดินมาช่วงหัวมุมก่อนจะถึงห้องน้ำ รู้สึกเหมือนมีวัตถุบางอย่างพุ่งเข้ามาปะทะตรงบริเวณสีข้างแถวใต้วงแขน
“F*ck!” ความเย็นวาบที่แผ่ซ่านซึมเข้าสัมผัสผิวหนังที่อยู่ข้างในเสื้อผ้า ทำให้เขาเผลอสบถออกมาเป็นภาษาอังกฤษอย่างลืมตัว
“ไอ แอม ซอรี่, ไอ บาย นิว… ? เสื้อยืด แฮปปี้ โอเค?” คนที่เดินมาชน กล่าวคำขอโทษเป็นภาษาอังกฤษอย่างตะกุกตะกัก
ผู้ชายคนนั้น ก้มหน้าก้มตาไถโทรศัพท์มือถือเล่นจนลืมดูทิศทางเดินของตน ทำให้เครื่องดื่มชาเขียวปั่นขนาดจัมโบ้ทั้งสองแก้วที่เสียบอยู่บนกล่องกระดาษในมืออีกข้างหนึ่ง หกรดใส่เสื้อยืดสีขาวของอัลแบร์เข้าเต็มๆ
“ไม่เป็นไรครับ คราวหน้าคุณต้องระวังและรอบคอบให้มากกว่านี้ เวลาเดินไปไหนมาไหน อย่าเล่นมือถือเด็ดขาด อุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง มันย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ”
อัลแบร์รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่รีรอ เพื่อล้างคราบเครื่องดื่มออกจากเสื้อยืด
“คราบชาเขียวบนเสื้อคุณ มันคงล้างออกไม่ได้แล้ว ยิ่งเป็นเสื้อสีขาวด้วย คราบฝังลึกแน่นอน เดี๋ยวผมจะรีบไปซื้อเสื้อใหม่ให้คุณใส่พลางๆก่อน ส่วนเสื้อตัวนี้ คุณซื้อมาเท่าไหร่บอกผม เดี๋ยวผมชดใช้ค่าเสียหายให้ทันที” ชายหนุ่มคู่กรณีตามเข้ามาแสดงความรับผิดชอบ
“บอกแล้วว่าไม่เป็นไร ไม่ได้อยากเรียกร้องค่าเสียหายจากคุณ ถ้าอยากรับผิดชอบละก็ คราวหน้าเวลาเดินไปไหนหรือกำลังขับรถอยู่ ขอความกรุณา อย่าเล่นมือถืออีก เพราะมันอันตรายมาก อุบัติเหตุร้ายแรงที่คิดไม่ถึง มันเกิดขึ้นได้เสมอ เข้าใจที่พูดนะ” อัลแบร์ตักเตือนคู่กรณี
“ครับ.. ขอโทษอีกครั้ง ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ” ชายหนุ่มคู่กรณีทำหน้าเหมือนคนสำนึกผิด ก่อนจะเดินจากไป