นับตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา
Total Fertility Rate ของไทยก็ไม่เคยได้ถึง 2.00 เลย และลดลงมาเรื่อยๆ
จนปี 2561 Total Fertility Rate ของไทยอยู่ที่ 1.52 หรือ ผู้หญิงไทยวัยเจริญพันธุ์ 1 คน มีบุตร 1.52 คนนั่นเอง


ตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค. 2564
ประชากรเกิดทั้งสิ้น 351,014 คน
ประชากรตายทั้งสิ้น 369,074 คน
ประชากรลดลงไป -18,060 คน



อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ


ภาคใต้
.....เป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเกิดสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ส่วนนึงมาจากค่านิยมของคนอิสลามที่หลายๆครอบครัวยังมีค่านิยมมีจำนวนบุตรกันหลายคนอยู่ โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนใต้นี่หลายบ้านหลายหลังคาเรือนค่อนข้างมีบุตรกันหลายคนมากพอสมควร

แต่รู้ไหมว่า....ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมานี้ ประเทศไทย มีสถิติจำนวนเด็กที่เกิดจากหญิงอายุ 15-19 ปี รวมๆมาแล้วมากถึงประมาณ 1 ล้านกว่าคน
แต่สถิติจำนวนการคลอดบุตรกันหลายคนกลับต่ำและลดลงมาโดยตลอด
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าถึงจะมีผู้หญิงไทยคลอดบุตรกันช่วงวัยรุ่นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีจำนวนบุตรกันหลายคนนั่นเอง


....ภาคเหนือกับภาคอีสาน มีอัตราการเกิดต่ำมาก
ซึ่งรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนของทั้งสองภูมิภาคนี้ ค่อนข้างต่ำเกือบทุกจังหวัดด้วย
นั่นหมายความว่าที่ประเทศไทยมีอัตราการเกิดต่ำมาโดยตลอด ไม่ใช่เป็นเพราะชนชั้นกลางเพียงอย่างเดียว
ส่วนนึงก็เป็นเพราะคนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ที่หลายๆคนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เริ่มไม่มีบุตรกันมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
....สรุปง่ายๆก็คือ ที่ประเทศไทยมีอัตราการเกิดต่ำเป็นเพราะทุกชนชนชั้น ทุกภูมิภาค ทุกสังคม เริ่มไม่มีบุตรกันมากขึ้น

....กรุงเทพมหานคร เป็นภูมิภาคเดียวในประเทศที่มีสัดส่วนหญิงคลอดบุตรหลังอายุ 30 ปีมากที่สุด


ถ้าสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่ดีขึ้น ภายใน 5 ปีนี้ ประชากรเกิดของไทยคาดว่าจะต่ำกว่า 5 แสนคน/ปี แน่นอน