3 วิตามินจำเป็น ในช่วงระบาดของโรคโควิด 19


วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ปกติแล้วเราจะได้จากการรับประทาน เช่น ผักและผลไม้ เนื้อสัตว์และธัญพืชต่างๆ ซึ่งช่วยในการทำงานของร่างกายมนุษย์ ทั้งในแง่ของภูมิคุ้มกันและการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่ปัจจุบันนี้บางคนก็ได้รับสารอาหารไม่ครบห้าหมู่ จึงทำให้ได้รับวิตามินและเกลือแร่ไม่เพียงพอตามไปด้วย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีโรคติดต่อระบาดแบบนี้ วิตามินอะไรบ้างที่จำเป็น

1.  วิตามินซี (Vitamin C)
 
วิตามินซี เป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย ด้วยการเพิ่มความแข็งแรงและการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยให้เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ในการกำจัดเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิตามินซี เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถผลิตได้เอง ต้องรับประทานเข้าไปเท่านั้น

ปริมาณความต้องการวิตามินซีในแต่ละช่วงวัย
เด็กอายุ 1-8 ปี ควรได้รับวิตามินซี 25-40 มิลลิกรัมต่อวัน
เด็กและวัยรุ่นอายุ 9-18 ปี ควรได้รับวิตามินซี 60-100 มิลลิกรัมต่อวัน
วัยผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินซี 85-100 มิลลิกรัมต่อวัน
วิตามินซียังพบในผลไม้ต่างๆ เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม เงาะโรงเรียน ส้มโอ ส้มเช้ง ส้มเขียวหวาน พุทรา กล้วยหอม ส่วนในผักเช่น พริกหวาน ผักคะน้า มะระขี้นก บรอกโคลี ผักกาดเขียว ดอกกะหล่ำ ถั่วลันเตา ผักโขม มันฝรั่ง มะเขือเทศ

2.  วิตามินดี (Vitamin D)
 
วิตามินดี มีความสำคัญใหญ่ๆ ต่อร่างกายอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือกระดูก ส่วนที่สองคือระบบภูมิต้านทาน โดยจะช่วยให้ภูมิต้านทานในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่ร่างกายขาดวิตามินดีอาจส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายบกพร่องได้ 
การวิจัยพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องระหว่าง วิตามินดีกับโรคโควิด 19 ในประเทศฟิลิปปินส์ โดยแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 4 ระยะตามความรุนแรงของอาการ ได้แก่ เจ็บป่วยน้อยมาก เจ็บป่วยธรรมดา เจ็บป่วยแบบรุนแรง และเจ็บป่วยขั้นวิกฤต โดยผู้ป่วยตั้งแต่ระดับเจ็บป่วยธรรมดาขึ้นไปจะมีระดับวิตามินดีในเลือดต่ำกว่าผู้ที่เจ็บป่วยน้อย ซึ่งบ่งชี้ว่าระดับของวิตามินดีอาจจะมีส่วนช่วยในการลดความรุนแรงและป้องกันโควิด 19 ได้
คนไทยมีแนวโน้มที่จะขาดวิตามินดี โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเพราะคนกลุ่มนี้จะหลีกเลี่ยงแสงแดด ใส่เสื้อผ้าปกคลุมร่างกายและใช้ชีวิตอยู่ในอาคารเป็นส่วนมาก จริงๆแล้วร่างกายสามารถผลิตวิตามินดีได้เองจากการได้รับแสงแดด กลุ่มคนเหล่านี้ควรได้รับแสงแดดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 10 นาที

ปริมาณความต้องการวิตามินดี
ถ้ารับประทานวิตามินดีปริมาณที่แนะนำคือ 10 ไมโครกรัมต่อวัน
โดยปริมาณที่จำกัดต่อวันตามอายุคือ เด็กอายุ 1-10 ขวบ ไม่ควรรับมากกว่า 50 ไมโครกรัมต่อวัน
ผู้ใหญ่ไม่ควรรับมากกว่า 100 ไมโครกรัมต่อวัน
อาหารที่มีวิตามินดีสูงได้แก่ ซีเรียลข้าวโอ๊ต  นมถั่วเหลือง ไข่แดง น้ำส้ม ตับวัว มันสเตอร์ชีส (Muenster Cheese) น้ำมันตับปลา เห็ด

3.  แร่ธาตุสังกะสี (Zinc)
 
สังกะสี จำเป็นต่อการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยควบคุมเม็ดเลือดขาวให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เม็ดเลือดขาวมีการเคลื่อนตัวและกำจัดเชื้อโรคได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่เป็นกลไกหลักในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลในการป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสและสิ่งแปลกปลอมทำลายเซลล์ในร่างกาย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสไม่ให้ลุกลาม เนื่องจากผู้สูงอายุมักมีภาวะของการขาดธาตุสังกะสี ธาตุสังกะสีจึงมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้สูงอายุ ทำให้ติดเชื้อและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย รวมถึงภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อโควิด 19 ด้วย   
แร่ธาตุสังกะสี ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ จึงต้องมีการรับประทานเสริม แหล่งอาหารที่มีธาตุสังกะสี ได้แก่ หอยนางรม หอยแมลงภู่ เนื้อหมู เนื้อวัว ตับและเครื่องใน ไข่ นม ปลาซาร์ดีน หน่อไม้ฝรั่ง และคะน้า เป็นต้น ซึ่งการรับประทานแร่ธาตุสังกะสีผสมวิตามินและเกลือแร่รวม จะช่วยเสริมประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น

ปริมาณความต้องการสังกะสี ขนาดที่แนะนำให้รับประทานสำหรับผู้ใหญ่คือ 12 – 15 มิลลิกรัมต่อวัน

ที่มา iBaby
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่