คุณต้องรู้จักแอร์ก่อนเลยครับ ว่าหลักการทำงานมันเป็นยังไง
เมื่อรู้หลักการแล้ว ก็จะรู้ว่าต้องล้างแอร์ยังไง ใครล้างดีไม่ดียังไง เรารู้เลยครับ
และจะป้องกันช่างหลอกโกงเงินเรายังไง
หลักการทำงานของแอร์นะครับ (ผมตัดมาเฉพาะที่เกี่ยวกับการล้างแอร์นะ)
แอร์มี 2 ชิ้น
1. ตัววางนอกบ้านเรียกว่าคอยล์ร้อน (Condenser Unit) 2.ตัววางในห้องเรียกว่าคอยล์เย็น (Evaporater Unit)
ชิ้นที่ผมแนะนำให้พุ่งเป้าไปสนใจตัวแรกคือคอยล์เย็นที่อยู่ในห้องเรานี่แหล่ะ
หลักการทำงานของมันง่ายๆเลยครับ
คือ มีพัดลมเป่าออกมาที่แผงแอร์ (Evaporater) หรือที่ช่างเรียกว่าอีแวป
ถ้าแผงแอร์ไม่เย็น มันก็เป็นแค่พัดลมไก่กา เป่าลมธรรมดาออกมา
ถ้าแผงแอร์เย็น มันก็จะเป็นลมเย็นๆออกมาและทำให้ห้องเย็นขึ้น

หน้าตาจริงๆของพัดลมเป่าแอร์ มีหลายชื่อครับ ชื่อหลักๆก็คือ Blower หรือ Fan นั่นแหล่ะ

หน้าตาของแผงคอยล์เย็น หรือ Evaporater ถ้าถอดออกมาจะเป็นงี้ มีท่อทองแดงออกมาด้วย

ถ้ามองจากข้างนอกแบบยังไม่ถอดจะเป็นงี้ แผงคอยล์เย็นสีฟ้าเพราะอาบน้ำยาป้องกันการสึกกร่อนมา ของใหม่ๆก็สวยวิ้งฟินเรียงเป็นระเบียบ
เอาล่ะ
พอใช้งานแอร์ไปนาน "ฝุ่น" ก็จะเข้ามาเกาะในพัดลม และแผงคอยล์เย็นใช่มั้ยครับ พอนานๆๆๆๆ ไป
พัดลมก็มีแต่ฝุ่นเกาะ

อิ๊หยังวะ พัดลมเนี่ยะ ที่เป่าแอร์ให้เราเย็นสดชื่นในห้อง
แผงคอยล์เย็น ก็มีแต่ฝุ่นเกาะ เราก็สูดลมหายใจอย่างสดชื่น... เต็มปอด
ในภาพข้างบนนี้... ไม่ได้ล้างมากี่ปีกี่ชาติก็ไม่ทราบได้ ดังนั้นเราจึงควรล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือนนะครับ
อย่างแรกที่เราต้องทำก่อนที่ช่างแอร์มาถึงบ้านคือ
"เปิดแอร์รอไว้เลยครับ"
ให้ห้องเย็นสบายไว้เลย
พอช่างมาก็พาเข้ามาในห้องแล้วบอกเสียงให้ดัง ฟังให้ชัด
[[[ แอร์เย็นสบายปกติดีครับ ล้างแอร์อย่างเดียว ไม่ต้องเช็คน้ำยาแอร์ ]]]
โดยมากแล้วช่างจะมากัน 2 คน
คนนึงจะล้างคอยล์เย็น มักเป็นลูกพี่
อีกคนล้างพวกถาดน้ำทิ้ง ไส้กรอง ตัวสวิง ฯ และเตรียมสายฉีด เตรียมถังน้ำทิ้ง + ถังฉีดน้ำ มักเป็นลูกน้อง ซึ่งบางทีลูกน้องก็จะไปฉีดล้างคอลย์ร้อนด้วย
บอกช่างคนี่ 2 เสียงให้ดังฟังให้ชัดเหมือนคนแรกครับ
*** แอร์เย็นสบายปกติดีครับ ล้างแอร์อย่างเดียว ไม่ต้องเช็คน้ำยาแอร์ ***
เพราะตัวเติมน้ำยา เช็คน้ำยา อยู่ตรงคอยล์ร้อนครับ มันจะมีฝาปิด 6 เหลี่ยมอยู่ ต้องใช้ประแจเลื่อนในการเปิดออก ถึงจะใส่ถังวัดไปเช็คแรงดันน้ำยาแอร์ได้
เราจึงต้องเตือนอีกคนไว้ด้วย เดี๋ยวเขาจะอ้างว่าไม่ได้ยิน
ร้อยทั้งร้อย เมื่อทั้ง 2 คนได้ยินเราประกาศเสียงดังฟังชัด มักจะไม่กล้าแอบปล่อยน้ำยาทิ้งละ จะไม่กล้าเอาประแจมายุ่มย่ามกับหัวเติมน้ำยาแอร์ละ
หน้าตาของคอยล์ร้อนครับ

หลักการทำงานของคอยล์ร้อนไม่ขอบอก แต่เรื่องล้างแอร์เนี่ยะก็เหมือนกับคอยล์เย็นล่ะครับ
มีพัดลมเป่า Condenser coil (คือไอ้แผงคอยล์เนี่ยะ ถ้าอยู่ในบ้านเรียก Evaporater แต่ถ้าตั้งอยู่นอกบ้าน เรียกว่า Condenser) มันทำงานคนละแบบ
พอใช้ไปนานๆ ฝุ่นก็จะเกาะตามพัดลมและแผงคอยล์ เหมือนกัน ดังนั้นที่ว่าล้างแอร์คือฉีดฝุ่นออกจากทั้งพัดลม ทั้งแผง Coil
ถ้าเขาตรวจเช็คน้ำยา จะใช้เกจวัดแรงดันมาวัดอย่างนี้ ถ้าแอร์เราเย็นปกติ ไม่ต้องมาวัดอะไรอย่างนี้เลยครับ
การตรวจเช็คน้ำยา จะวัดที่คอยล์ร้อนนอกบ้านเท่านั้น ไม่สามารถวัดน้ำยาที่คอยล์เย็นในบ้านได้ (ที่จริงมันก็ทำได้แหล่ะ แต่ไม่มีใครทะลึ่งไปใส่วาล์วเติมน้ำยาที่คอยล์เย็นกันหรอก)
ช่างขี้โกงก็จะวัดน้ำยา แล้วแอบปล่อยน้ำยาแล้วก็บอกว่าน้ำยาขาดไป 5 ปอนด์ ปอนด์ละ 20 บาทคับ บางทีก็อัดน้ำยาเข้าไปเพิ่มนิดๆหน่อยๆ เก็บตังเราเพิ่มอีกร้อยนึง แต่ทีเด็ดก็คือตอนเขาเปิด-ปิดวาล์วน่ะ ทำวาล์วหรือทองแดงบี้บ้าง ปิดวาล์วไม่สนิทบ้าง อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจอะไรก็แล้วแต่ มันทำให้น้ำยารั่วสิครับ วันที่เขาอยู่ก็ยังเย็นสบายดีอยู่หรอก แต่พอนานๆไป น้ำยาขาด แอร์ไม่เย็นละ
แอร์บ้านผมบางตัว อยู่ห้องนอนใช้งานทุกคืน 10 ปี ผ่านไป ไม่มีรั่ว ไม่มีน้ำยาขาด คอมฯไม่พัง ใครใช้แอร์ไม่มีปัญหาเกิน 7 ปี ถือว่าโชคดีนะครับ ไม่ใช่ว่าแอร์ดี ฮี่ฮี่ฮี่
*** ถ้าล้างแอร์อย่างเดียว จะไม่ใช้ประแจเลื่อนเด็ดขาดนะครับ ***
ล้างคอยล์ร้อน (condensing) ทั่วๆไปเขาก็ฉีดกันข้างนอกแบบนี้เล้ยยย ไม่ถอดอะไรทั้งนั้น
ถ้าทำอย่างนี้ ต้องฉีดจนกว่าน้ำที่ไหลออกมาจะใสนะครับ นานหน่อย แต่เอาให้ฝุ่นออกให้เยอะที่สุด
*** ถ้าล้างแอร์อย่างเดียว ก็จะฉีดๆๆ อย่างเดียว ***
ยกเว้นช่างดีๆ จะใช้ไขควงเปิดฝากล่องคอยล์ร้อน ถอดพัดลมไปฉีดแยกต่างหากเพื่อฉีดข้างในแบบนี้ครับ

ฉีดแบบนี้สบายอุรา ไล่ฉีดให้ทั่ว ฝุ่นออกหมดจด

ฉีดแบบนี้แผงคอยล์ร้อน (condenser) สะอาดแท้ ฝุ่นออกจากครีบทุกฟินแน่นอน
ถ้าบ้านเรามีคนว่างๆ 2 คน เอาอีกคนไปยืนเฝ้าคอยล์ร้อนเลยคับ กันเหนียวไว้ ไม่ให้ช่างแอบปล่อยน้ำยา
อาจจะแกล้งทำเป็นเนียน เอาน้ำเย็นไปให้แล้วยืนเฝ้า คุยโน่นคุยนี่นิดๆหน่อยๆ
เขาจะใช้แค่ไขควงอันเดียวครับ หรือไม่ก็สว่านไฟฟ้าแทนไขควง เพื่อถอดน้อตฝากับพัดลมออก
ผมเคยเจอช่างบางคนอุตส่าห์เปิดฝานะ แต่ไม่ยอมถอดพัดลม ....ฮ่วย.... ฉีดมันทั้งยังงั้นเลย ... เอาวะ... ค่าล้าง 500... .....
กลับมาที่คอลย์เย็น (Evaporater Coil) .... เริ่มที่รายละเอียดคอยล์เย็นแท้ๆ ทำไมมาเขียนล้างทีหลัง??? งงตัวเอง???
ถ้าอยู่ในห้องนอน ผมนอนบนเตียงดูช่างทำเลย ถ้าห้องอื่น ผมลากเก้าอี้มานั่งดู ชวนคุยนิดหน่อย แจกน้ำดื่ม อะไรก็ว่าไปฯ
*** แต่จะเน้นย้ำดังๆ ให้เข้าใจตรงกันก่อนเลยว่า แอร์เย็นปกติดีไม่มีปัญหาอะไรนะคร้าบบบบ ***
ช่างก็จะขึ้นไปเช็คแรงเป่าพัดลมหน้าคอยล์ สำรวจนั่นนี่ (คือเขาก็ต้องเซฟตัวเองว่าแอร์ไม่ได้พังนะ ม่ายงั้นพอล้างเสร็จลูกค้ามาโวยว่าแอร์พังเพราะเขาล้างแอร์ จะมีปัญหากันทีหลัง)
ช่างจะปีนบันไดไปเปิดฝาแล้วแกะฟิลเตอร์ (Filter) กรองฝุ่นออก ส่งให้ลูกน้อง ซึ่งบางทีลูกน้องกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมถัง+ปืนฉีด ผมก็จะช่วยไปรับลงมา
แล้วก็จะแกะลูเวอร์ตัวล่าง (Louver) ไอ้ตัวที่มันสวิงขึ้นลงอ่ะครับ ใช้มือเปล่าดันๆ ดึงๆลงมา
แล้วก็จะถอดน้อตยึดฝาหน้า ทั่วๆไปก็ 6 ตัว แล้วก็แกะฝาหน้าออกมา
เราก็ยืนรับ
ต่อมาก็จะแกะถาดน้ำทิ้ง ช่วงนี้อาจมีใช้ไขควงบ้าง เพื่อถอดมอเตอร์สวิง หรือน้อตยึดถาดน้ำทิ้ง
จังหวะนี้ล่ะครับ เราก็จะเห็นคอยล์เย็นเปลือยๆ ด้านขวาก็จะมีแผงไฟฟ้า

ผมก็จะถามช่างว่า ฟินเรียงสวยมั้ย มีล้มบ้างมั้ยช่าง เป็นการเตือนให้ช่างรู้ว่า ห้ามฉีดทำฟินฉันล้มนะ
เพราะถ้าฉีดไม่เป็น ฟินล้มก็ต้องมาตั้งฟินกันใหม่ ถ้าล้มเยอะ แล้วมีปัญหาตามมานี่ถึงกับต้องใช้หวีสำหรับตั้งฟินใหม่กันเลยทีเดียว

การฉีดล้างพัดลมด้านหลังแผงคอยล์
ผมก็จะถามช่างพร้อมเดินไปดูด้วยสองตาเลยว่า ฝุ่นจับพัดลมเยอะมั้ยครับช่าง (ถามเนียนๆเหมือนชวนคุยปกตินะครับ)
ช่างชุ่ยๆบางคนฉีดไปแล้วพัดลมหมุนๆไป ไม่มีทางสะอาดนะครับ ต้องจับใบพัดลมไว้แล้วค่อยๆหมุนฉีดไล่ไปจนกว่าฝุ่นจะหมดไปจากใบพัดลม
คือถ้าช่างเห็นเราถามจุกจิก เขาจะไม่กล้าทำชุ่ยๆหรอกครับ โดยเฉพาะเจ้าของบ้านเดินไปเดินมาเช็คงานตลอดด้วย
ถ้าช่างที่ชำนาญ เขาจะถอดพัดลมออกมาล้างต่างหากเลยนะครับ
การถอดพัดลมออกมาล้างต่างหาก... เหมือนดาบสองคมนะครับ
ถอดออกมาล้างได้สะอาดกว่าจริง ล้างแผงโพรงกระรอกด้านหลังได้ลึกกว่าด้วย
แต่..... ตอนใส่กลับ ถ้าใส่ไม่ลงล้อค ลูกยางบิด ฯ จะทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมา เช่นเสียงดัง....
แอร์ติดผนังตามบ้าน Wall type ผมไม่แนะนำให้ถอดครับ แต่ถ้าเป็นช่างศูนย์ เขาชำนาญของเขาจริงๆ ให้เขาถอด-ใส่ได้เลย
ฉีดล้างปราณีตหน่อยก็สะอาดเหมือนกันครับ ต้องค่อยๆทำ ไม่รีบ ไล่ไปทีละใบพัด
น้ำทิ้ง น้ำมาจากไหน เปิดแอร์แล้วทำไมมีน้ำออกมาได้
คือแผงคอยล์เย็น (Evaporater) นั้นมันเย็นจัด ลมจากพัดลมนั้นดูดมาจากอากาศในห้อง ซึ่งมีอุณหภูมิห้อง
พอลมร้อนๆ โดนแผงเย็นจัดมันจึงกลั่นออกมากลายเป็นหยดน้ำเกาะอยู่ตามแผงฟินครับ
เขาจึงทำถาดน้ำทิ้งมารับให้มันหยดลงถาดด้านล่างแล้วต่อท่อให้ไหลออกไปทิ้งด้านนอก
น้ำจับตัวกับฝุ่นก็ออกมาเป็นเมือก นานๆไปท่อน้ำทิ้งก็ค่อยๆตีบตันลง
จึงต้องฉีดล้างเมือก + ฝุ่นในท่อน้ำทิ้งด้วย
การฉีดล้างท่อน้ำทิ้ง จะฉีดด้วยน้ำก่อน แล้วก็เป่าด้วยลมอีกครั้งเป็นอันเสร็จพิธี
ช่างชุ่ยๆก็จะเป่าอย่างเดียวครับ ไม่ฉีด บางช่างชุ่ย Mang ไม่ฉีด ไม่เป่าอะไรทั้งนั้นครับ โค-ตะ-ระ-ชุ่ย
ส่วนมากผมจะแกล้งถามช่างว่า เป่าลมอย่างเดียวหรือฉีดน้ำอัดท่อน้ำทิ้ง โดยผมจะถามตอนช่วงนำถังน้ำทิ้งไปเทตอนล้างคอยล์เย็นนั่นแหล่ะ เพราะตอนฉีดน้ำสียงมันดัง ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไร
[[ ป้องกันไว้ เผื่อช่างจะลืม ]]
ในท่อน้ำทิ้งจะมีเมือก, ผงฝุ่นที่จับตัวกันเป็นก้อน ต้องฉีดทิ้ง ถ้าส่วนนี้ตัน น้ำทิ้งจะไหลย้อนกลับมาทำให้มีน้ำหยดมาจากแอร์ครับ
ภาพเมือก หรือสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้ง นี่ภาพปากท่อจากถาดน้ำทิ้ง

ปลายท่อครับ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วน้ำทิ้งก็ไหลไม่ได้ ย้อนกลับมาในถาดน้ำทิ้ง จนล้นหยดออกมา
ภาพนี้ไม่ได้ล้างมากี่สิบปีแล้วเนี่ยะ จะฉีดออกมั้ยอ่ะ อาจต้องใช้น้ำยาขจัดเมือกช่วยล่ะครับ
อ่านวิธีใช้ให้ดีก่อนใช้
พอช่างเป่าลมท่อน้ำทิ้งเสร็จ เขาก็จะเป่าลมไปตามแผงคอยล์เย็น และพัดลม รวมถึงพวกแผงไฟฟ้าด้านข้าง ให้แห้งจากละอองน้ำ
ตอนนี้เราก็เดินเข้าไปดูครับ ฝุ่นจับตามใบพัดลมเป็นไง โพรงกระรอกสะอาดมั้ย อาจถามช่างแบบติดตลกอีกครั้งว่าเป็นไงบ้างมีฟินล้มมั้ย ตาเราก็สำรวจไปด้วยครับ เพราะหลังจากนี้ช่างจะประกอบฝาคืนแล้ว
การประกอบฝาคืนนี่ก็... ถ้าประกอบฝาไม่เข้าล็อค ตอนเปิดแอร์จะมีเสียงดังนะครับ แต่เราเช็คตอนประกอบเสร็จ เปิดแอร์ฟังเสียงดูก็ได้
พอช่างล้างแอร์เสร็จเรียบร้อย รีบเปิดแอร์เช็คก่อนเลยครับ ว่าทำงานปกติมั้ย ห้องเย็นเหมือนเดิมมั้ย สวิงหมุนปกติมั้ย มีน้ำหยดจากหน้าแอร์หรือเปล่า เสียงปกติมั้ย
ช่วงนี้ช่างจะเดินกลับไปที่รถแล้วเขียนใบเสร็จมาเก็บตัง เราก็เปิดแอร์นอนรอ เช็คกันไป...
บิลมาก็จ่ายตัง ล้างเสร็จ จ่ายเลย ไม่โกง ผมจะแถมขนมกับเป๊ปซี่หรือกาแฟกระป๋องเย็นๆ ให้ช่างขับไปทานเล่นตอนขับรถกลับอีกด้วย แช่ช่องฟรีสเตรียมไว้เลยตั้งแต่ช่างมาถึงบ้าน บางทีผมก็ให้พิเศษช่างไป 100-300 แล้วแต่กำลังทรัพย์ในเวลานั้น แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ โลกจะได้น่าอยู่ขึ้น
จ้างช่างมาล้างแอร์ ปีนึง 2 ครั้ง ถ้าว่างก็ล้างเองไม่แบ่งใคร แฮร่
แต่ถ้าเราถอดล้างฟิลเตอร์แอร์ทุกเดือน 1 ปีล้างทีนึงก็ได้ครับ บางห้องไม่ค่อยได้เปิดใช้ 3 ปีล้างทีก็ยังไหว สังเกตุจากฝุ่นที่จับบนใบพัด+แรงพัดลมหน้าเครื่องเป็นหลัก เอามือไปอังๆดูว่าลมมันเบาแค่ไหนละ
จบดีฝ่า แบ่งความรู้ให้กันและกันครับ
ตรวจช่างมาล้างแอร์ยังไง คุ้มค่า และไม่ให้โดนหลอก
เมื่อรู้หลักการแล้ว ก็จะรู้ว่าต้องล้างแอร์ยังไง ใครล้างดีไม่ดียังไง เรารู้เลยครับ
และจะป้องกันช่างหลอกโกงเงินเรายังไง
หลักการทำงานของแอร์นะครับ (ผมตัดมาเฉพาะที่เกี่ยวกับการล้างแอร์นะ)
แอร์มี 2 ชิ้น 1. ตัววางนอกบ้านเรียกว่าคอยล์ร้อน (Condenser Unit) 2.ตัววางในห้องเรียกว่าคอยล์เย็น (Evaporater Unit)
ชิ้นที่ผมแนะนำให้พุ่งเป้าไปสนใจตัวแรกคือคอยล์เย็นที่อยู่ในห้องเรานี่แหล่ะ
หลักการทำงานของมันง่ายๆเลยครับ
คือ มีพัดลมเป่าออกมาที่แผงแอร์ (Evaporater) หรือที่ช่างเรียกว่าอีแวป
ถ้าแผงแอร์ไม่เย็น มันก็เป็นแค่พัดลมไก่กา เป่าลมธรรมดาออกมา
ถ้าแผงแอร์เย็น มันก็จะเป็นลมเย็นๆออกมาและทำให้ห้องเย็นขึ้น
หน้าตาจริงๆของพัดลมเป่าแอร์ มีหลายชื่อครับ ชื่อหลักๆก็คือ Blower หรือ Fan นั่นแหล่ะ
หน้าตาของแผงคอยล์เย็น หรือ Evaporater ถ้าถอดออกมาจะเป็นงี้ มีท่อทองแดงออกมาด้วย
ถ้ามองจากข้างนอกแบบยังไม่ถอดจะเป็นงี้ แผงคอยล์เย็นสีฟ้าเพราะอาบน้ำยาป้องกันการสึกกร่อนมา ของใหม่ๆก็สวยวิ้งฟินเรียงเป็นระเบียบ
เอาล่ะ
พอใช้งานแอร์ไปนาน "ฝุ่น" ก็จะเข้ามาเกาะในพัดลม และแผงคอยล์เย็นใช่มั้ยครับ พอนานๆๆๆๆ ไป
พัดลมก็มีแต่ฝุ่นเกาะ
อิ๊หยังวะ พัดลมเนี่ยะ ที่เป่าแอร์ให้เราเย็นสดชื่นในห้อง
แผงคอยล์เย็น ก็มีแต่ฝุ่นเกาะ เราก็สูดลมหายใจอย่างสดชื่น... เต็มปอด
ในภาพข้างบนนี้... ไม่ได้ล้างมากี่ปีกี่ชาติก็ไม่ทราบได้ ดังนั้นเราจึงควรล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือนนะครับ
อย่างแรกที่เราต้องทำก่อนที่ช่างแอร์มาถึงบ้านคือ "เปิดแอร์รอไว้เลยครับ"
ให้ห้องเย็นสบายไว้เลย
พอช่างมาก็พาเข้ามาในห้องแล้วบอกเสียงให้ดัง ฟังให้ชัด
[[[ แอร์เย็นสบายปกติดีครับ ล้างแอร์อย่างเดียว ไม่ต้องเช็คน้ำยาแอร์ ]]]
โดยมากแล้วช่างจะมากัน 2 คน
คนนึงจะล้างคอยล์เย็น มักเป็นลูกพี่
อีกคนล้างพวกถาดน้ำทิ้ง ไส้กรอง ตัวสวิง ฯ และเตรียมสายฉีด เตรียมถังน้ำทิ้ง + ถังฉีดน้ำ มักเป็นลูกน้อง ซึ่งบางทีลูกน้องก็จะไปฉีดล้างคอลย์ร้อนด้วย
บอกช่างคนี่ 2 เสียงให้ดังฟังให้ชัดเหมือนคนแรกครับ
*** แอร์เย็นสบายปกติดีครับ ล้างแอร์อย่างเดียว ไม่ต้องเช็คน้ำยาแอร์ ***
เพราะตัวเติมน้ำยา เช็คน้ำยา อยู่ตรงคอยล์ร้อนครับ มันจะมีฝาปิด 6 เหลี่ยมอยู่ ต้องใช้ประแจเลื่อนในการเปิดออก ถึงจะใส่ถังวัดไปเช็คแรงดันน้ำยาแอร์ได้
เราจึงต้องเตือนอีกคนไว้ด้วย เดี๋ยวเขาจะอ้างว่าไม่ได้ยิน
ร้อยทั้งร้อย เมื่อทั้ง 2 คนได้ยินเราประกาศเสียงดังฟังชัด มักจะไม่กล้าแอบปล่อยน้ำยาทิ้งละ จะไม่กล้าเอาประแจมายุ่มย่ามกับหัวเติมน้ำยาแอร์ละ
หน้าตาของคอยล์ร้อนครับ
หลักการทำงานของคอยล์ร้อนไม่ขอบอก แต่เรื่องล้างแอร์เนี่ยะก็เหมือนกับคอยล์เย็นล่ะครับ
มีพัดลมเป่า Condenser coil (คือไอ้แผงคอยล์เนี่ยะ ถ้าอยู่ในบ้านเรียก Evaporater แต่ถ้าตั้งอยู่นอกบ้าน เรียกว่า Condenser) มันทำงานคนละแบบ
พอใช้ไปนานๆ ฝุ่นก็จะเกาะตามพัดลมและแผงคอยล์ เหมือนกัน ดังนั้นที่ว่าล้างแอร์คือฉีดฝุ่นออกจากทั้งพัดลม ทั้งแผง Coil
ถ้าเขาตรวจเช็คน้ำยา จะใช้เกจวัดแรงดันมาวัดอย่างนี้ ถ้าแอร์เราเย็นปกติ ไม่ต้องมาวัดอะไรอย่างนี้เลยครับ
การตรวจเช็คน้ำยา จะวัดที่คอยล์ร้อนนอกบ้านเท่านั้น ไม่สามารถวัดน้ำยาที่คอยล์เย็นในบ้านได้ (ที่จริงมันก็ทำได้แหล่ะ แต่ไม่มีใครทะลึ่งไปใส่วาล์วเติมน้ำยาที่คอยล์เย็นกันหรอก)
ช่างขี้โกงก็จะวัดน้ำยา แล้วแอบปล่อยน้ำยาแล้วก็บอกว่าน้ำยาขาดไป 5 ปอนด์ ปอนด์ละ 20 บาทคับ บางทีก็อัดน้ำยาเข้าไปเพิ่มนิดๆหน่อยๆ เก็บตังเราเพิ่มอีกร้อยนึง แต่ทีเด็ดก็คือตอนเขาเปิด-ปิดวาล์วน่ะ ทำวาล์วหรือทองแดงบี้บ้าง ปิดวาล์วไม่สนิทบ้าง อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจอะไรก็แล้วแต่ มันทำให้น้ำยารั่วสิครับ วันที่เขาอยู่ก็ยังเย็นสบายดีอยู่หรอก แต่พอนานๆไป น้ำยาขาด แอร์ไม่เย็นละ
แอร์บ้านผมบางตัว อยู่ห้องนอนใช้งานทุกคืน 10 ปี ผ่านไป ไม่มีรั่ว ไม่มีน้ำยาขาด คอมฯไม่พัง ใครใช้แอร์ไม่มีปัญหาเกิน 7 ปี ถือว่าโชคดีนะครับ ไม่ใช่ว่าแอร์ดี ฮี่ฮี่ฮี่
*** ถ้าล้างแอร์อย่างเดียว จะไม่ใช้ประแจเลื่อนเด็ดขาดนะครับ ***
ล้างคอยล์ร้อน (condensing) ทั่วๆไปเขาก็ฉีดกันข้างนอกแบบนี้เล้ยยย ไม่ถอดอะไรทั้งนั้น
ถ้าทำอย่างนี้ ต้องฉีดจนกว่าน้ำที่ไหลออกมาจะใสนะครับ นานหน่อย แต่เอาให้ฝุ่นออกให้เยอะที่สุด
*** ถ้าล้างแอร์อย่างเดียว ก็จะฉีดๆๆ อย่างเดียว ***
ยกเว้นช่างดีๆ จะใช้ไขควงเปิดฝากล่องคอยล์ร้อน ถอดพัดลมไปฉีดแยกต่างหากเพื่อฉีดข้างในแบบนี้ครับ
ฉีดแบบนี้สบายอุรา ไล่ฉีดให้ทั่ว ฝุ่นออกหมดจด
ฉีดแบบนี้แผงคอยล์ร้อน (condenser) สะอาดแท้ ฝุ่นออกจากครีบทุกฟินแน่นอน
ถ้าบ้านเรามีคนว่างๆ 2 คน เอาอีกคนไปยืนเฝ้าคอยล์ร้อนเลยคับ กันเหนียวไว้ ไม่ให้ช่างแอบปล่อยน้ำยา
อาจจะแกล้งทำเป็นเนียน เอาน้ำเย็นไปให้แล้วยืนเฝ้า คุยโน่นคุยนี่นิดๆหน่อยๆ
เขาจะใช้แค่ไขควงอันเดียวครับ หรือไม่ก็สว่านไฟฟ้าแทนไขควง เพื่อถอดน้อตฝากับพัดลมออก
ผมเคยเจอช่างบางคนอุตส่าห์เปิดฝานะ แต่ไม่ยอมถอดพัดลม ....ฮ่วย.... ฉีดมันทั้งยังงั้นเลย ... เอาวะ... ค่าล้าง 500... .....
กลับมาที่คอลย์เย็น (Evaporater Coil) .... เริ่มที่รายละเอียดคอยล์เย็นแท้ๆ ทำไมมาเขียนล้างทีหลัง??? งงตัวเอง???
ถ้าอยู่ในห้องนอน ผมนอนบนเตียงดูช่างทำเลย ถ้าห้องอื่น ผมลากเก้าอี้มานั่งดู ชวนคุยนิดหน่อย แจกน้ำดื่ม อะไรก็ว่าไปฯ
*** แต่จะเน้นย้ำดังๆ ให้เข้าใจตรงกันก่อนเลยว่า แอร์เย็นปกติดีไม่มีปัญหาอะไรนะคร้าบบบบ ***
ช่างก็จะขึ้นไปเช็คแรงเป่าพัดลมหน้าคอยล์ สำรวจนั่นนี่ (คือเขาก็ต้องเซฟตัวเองว่าแอร์ไม่ได้พังนะ ม่ายงั้นพอล้างเสร็จลูกค้ามาโวยว่าแอร์พังเพราะเขาล้างแอร์ จะมีปัญหากันทีหลัง)
ช่างจะปีนบันไดไปเปิดฝาแล้วแกะฟิลเตอร์ (Filter) กรองฝุ่นออก ส่งให้ลูกน้อง ซึ่งบางทีลูกน้องกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมถัง+ปืนฉีด ผมก็จะช่วยไปรับลงมา
แล้วก็จะแกะลูเวอร์ตัวล่าง (Louver) ไอ้ตัวที่มันสวิงขึ้นลงอ่ะครับ ใช้มือเปล่าดันๆ ดึงๆลงมา
แล้วก็จะถอดน้อตยึดฝาหน้า ทั่วๆไปก็ 6 ตัว แล้วก็แกะฝาหน้าออกมา
เราก็ยืนรับ
ต่อมาก็จะแกะถาดน้ำทิ้ง ช่วงนี้อาจมีใช้ไขควงบ้าง เพื่อถอดมอเตอร์สวิง หรือน้อตยึดถาดน้ำทิ้ง
จังหวะนี้ล่ะครับ เราก็จะเห็นคอยล์เย็นเปลือยๆ ด้านขวาก็จะมีแผงไฟฟ้า
ผมก็จะถามช่างว่า ฟินเรียงสวยมั้ย มีล้มบ้างมั้ยช่าง เป็นการเตือนให้ช่างรู้ว่า ห้ามฉีดทำฟินฉันล้มนะ
เพราะถ้าฉีดไม่เป็น ฟินล้มก็ต้องมาตั้งฟินกันใหม่ ถ้าล้มเยอะ แล้วมีปัญหาตามมานี่ถึงกับต้องใช้หวีสำหรับตั้งฟินใหม่กันเลยทีเดียว
การฉีดล้างพัดลมด้านหลังแผงคอยล์
ผมก็จะถามช่างพร้อมเดินไปดูด้วยสองตาเลยว่า ฝุ่นจับพัดลมเยอะมั้ยครับช่าง (ถามเนียนๆเหมือนชวนคุยปกตินะครับ)
ช่างชุ่ยๆบางคนฉีดไปแล้วพัดลมหมุนๆไป ไม่มีทางสะอาดนะครับ ต้องจับใบพัดลมไว้แล้วค่อยๆหมุนฉีดไล่ไปจนกว่าฝุ่นจะหมดไปจากใบพัดลม
คือถ้าช่างเห็นเราถามจุกจิก เขาจะไม่กล้าทำชุ่ยๆหรอกครับ โดยเฉพาะเจ้าของบ้านเดินไปเดินมาเช็คงานตลอดด้วย
ถ้าช่างที่ชำนาญ เขาจะถอดพัดลมออกมาล้างต่างหากเลยนะครับ
การถอดพัดลมออกมาล้างต่างหาก... เหมือนดาบสองคมนะครับ
ถอดออกมาล้างได้สะอาดกว่าจริง ล้างแผงโพรงกระรอกด้านหลังได้ลึกกว่าด้วย
แต่..... ตอนใส่กลับ ถ้าใส่ไม่ลงล้อค ลูกยางบิด ฯ จะทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมา เช่นเสียงดัง....
แอร์ติดผนังตามบ้าน Wall type ผมไม่แนะนำให้ถอดครับ แต่ถ้าเป็นช่างศูนย์ เขาชำนาญของเขาจริงๆ ให้เขาถอด-ใส่ได้เลย
ฉีดล้างปราณีตหน่อยก็สะอาดเหมือนกันครับ ต้องค่อยๆทำ ไม่รีบ ไล่ไปทีละใบพัด
น้ำทิ้ง น้ำมาจากไหน เปิดแอร์แล้วทำไมมีน้ำออกมาได้
คือแผงคอยล์เย็น (Evaporater) นั้นมันเย็นจัด ลมจากพัดลมนั้นดูดมาจากอากาศในห้อง ซึ่งมีอุณหภูมิห้อง
พอลมร้อนๆ โดนแผงเย็นจัดมันจึงกลั่นออกมากลายเป็นหยดน้ำเกาะอยู่ตามแผงฟินครับ
เขาจึงทำถาดน้ำทิ้งมารับให้มันหยดลงถาดด้านล่างแล้วต่อท่อให้ไหลออกไปทิ้งด้านนอก
น้ำจับตัวกับฝุ่นก็ออกมาเป็นเมือก นานๆไปท่อน้ำทิ้งก็ค่อยๆตีบตันลง
จึงต้องฉีดล้างเมือก + ฝุ่นในท่อน้ำทิ้งด้วย
การฉีดล้างท่อน้ำทิ้ง จะฉีดด้วยน้ำก่อน แล้วก็เป่าด้วยลมอีกครั้งเป็นอันเสร็จพิธี
ช่างชุ่ยๆก็จะเป่าอย่างเดียวครับ ไม่ฉีด บางช่างชุ่ย Mang ไม่ฉีด ไม่เป่าอะไรทั้งนั้นครับ โค-ตะ-ระ-ชุ่ย
ส่วนมากผมจะแกล้งถามช่างว่า เป่าลมอย่างเดียวหรือฉีดน้ำอัดท่อน้ำทิ้ง โดยผมจะถามตอนช่วงนำถังน้ำทิ้งไปเทตอนล้างคอยล์เย็นนั่นแหล่ะ เพราะตอนฉีดน้ำสียงมันดัง ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไร [[ ป้องกันไว้ เผื่อช่างจะลืม ]]
ในท่อน้ำทิ้งจะมีเมือก, ผงฝุ่นที่จับตัวกันเป็นก้อน ต้องฉีดทิ้ง ถ้าส่วนนี้ตัน น้ำทิ้งจะไหลย้อนกลับมาทำให้มีน้ำหยดมาจากแอร์ครับ
ภาพเมือก หรือสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้ง นี่ภาพปากท่อจากถาดน้ำทิ้ง
ปลายท่อครับ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วน้ำทิ้งก็ไหลไม่ได้ ย้อนกลับมาในถาดน้ำทิ้ง จนล้นหยดออกมา
ภาพนี้ไม่ได้ล้างมากี่สิบปีแล้วเนี่ยะ จะฉีดออกมั้ยอ่ะ อาจต้องใช้น้ำยาขจัดเมือกช่วยล่ะครับ อ่านวิธีใช้ให้ดีก่อนใช้
พอช่างเป่าลมท่อน้ำทิ้งเสร็จ เขาก็จะเป่าลมไปตามแผงคอยล์เย็น และพัดลม รวมถึงพวกแผงไฟฟ้าด้านข้าง ให้แห้งจากละอองน้ำ
ตอนนี้เราก็เดินเข้าไปดูครับ ฝุ่นจับตามใบพัดลมเป็นไง โพรงกระรอกสะอาดมั้ย อาจถามช่างแบบติดตลกอีกครั้งว่าเป็นไงบ้างมีฟินล้มมั้ย ตาเราก็สำรวจไปด้วยครับ เพราะหลังจากนี้ช่างจะประกอบฝาคืนแล้ว
การประกอบฝาคืนนี่ก็... ถ้าประกอบฝาไม่เข้าล็อค ตอนเปิดแอร์จะมีเสียงดังนะครับ แต่เราเช็คตอนประกอบเสร็จ เปิดแอร์ฟังเสียงดูก็ได้
พอช่างล้างแอร์เสร็จเรียบร้อย รีบเปิดแอร์เช็คก่อนเลยครับ ว่าทำงานปกติมั้ย ห้องเย็นเหมือนเดิมมั้ย สวิงหมุนปกติมั้ย มีน้ำหยดจากหน้าแอร์หรือเปล่า เสียงปกติมั้ย
ช่วงนี้ช่างจะเดินกลับไปที่รถแล้วเขียนใบเสร็จมาเก็บตัง เราก็เปิดแอร์นอนรอ เช็คกันไป...
บิลมาก็จ่ายตัง ล้างเสร็จ จ่ายเลย ไม่โกง ผมจะแถมขนมกับเป๊ปซี่หรือกาแฟกระป๋องเย็นๆ ให้ช่างขับไปทานเล่นตอนขับรถกลับอีกด้วย แช่ช่องฟรีสเตรียมไว้เลยตั้งแต่ช่างมาถึงบ้าน บางทีผมก็ให้พิเศษช่างไป 100-300 แล้วแต่กำลังทรัพย์ในเวลานั้น แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ โลกจะได้น่าอยู่ขึ้น
จ้างช่างมาล้างแอร์ ปีนึง 2 ครั้ง ถ้าว่างก็ล้างเองไม่แบ่งใคร แฮร่
แต่ถ้าเราถอดล้างฟิลเตอร์แอร์ทุกเดือน 1 ปีล้างทีนึงก็ได้ครับ บางห้องไม่ค่อยได้เปิดใช้ 3 ปีล้างทีก็ยังไหว สังเกตุจากฝุ่นที่จับบนใบพัด+แรงพัดลมหน้าเครื่องเป็นหลัก เอามือไปอังๆดูว่าลมมันเบาแค่ไหนละ
จบดีฝ่า แบ่งความรู้ให้กันและกันครับ