ทุกคนคิดว่าเหตุผลแค่เพียง "ไม่ชอบไม่รักในงานนั้นๆ" มันเพียงพอให้เราเลือกที่จะไม่ทำงานที่ผู้ใหญ่หลายคนก็มองว่าดีได้มั้ยนะ?
เราเป็นผู้หญิงอายุ 25 คนนึงที่ถูกแม่บังคับเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบมาตั้งแต่ ม.ปลาย จนเข้ามหา'ลัยก็ต้องเรียนตามน้ำต่อเนื่องไป
พอจบมหา'ลัยออกมาด้วยคะแนนเกียรตินิยม ก็กลายเป็นแม่พ่อตั้งความหวังว่าเราจะต้องทำงานดีๆเงินเยอะๆไม่ต้องเหนื่อย แต่เราดันเลือกงานไกด์ลงทะเลที่เหนื่อยและค่อนข้างเสี่ยง เพราะอย่างน้อยเราก็มีความสุขจากงานนี้บ้าง
จนวันที่เราไม่สามารถออกทะเลได้อีก เพราะโควิด 19 ทำให้บริษัทต้องปิดอย่างไม่มีกำหนด มันก็ถึงวันที่เราถูกแม่บังคับกลับบ้านและบังคับให้สอบงานราชการ ทะเลาะกันไปหลายแมตช์ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เรารักและอยากทำ เราขอโอกาสและการสนับสนุนให้เราทำในสิ่งที่เราอยากทำมาทั้งชีวิต แต่มันไม่ได้ จนเราท้อและต้องยอมรอสอบงานราชการ
สิ่งที่เราอยากทำมากที่สุดคืออยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเองแค่นั้น ซึ่งแม่พ่อไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุน ท่านตอบกลับว่า "กูจะส่งให้ไปเรียนที่แพงๆทำไมถ้าสุดท้ายอยากมาเป็นแม่ค้า?"
เราก็ตอบไปว่าที่เราเรียนมาทั้งหมดนั่น เป็นเราที่อยากเรียนหรอ? ไม่ใช่เพราะแม่พ่ออยากให้เรียนหรือไงเราถึงต้องไปอยู่ตรงนั้น? แล้วเราก็ได้แค่ความเงียบกลับมาเป็นคำตอบ
นี่ก็ 2 ปีกว่าแล้วที่เราไม่ได้ทำงาน และต้องเกาะพ่อแม่กิน เพราะเราไม่ทำงานที่พ่อแม่มองว่าดี เพราะเคยทำแล้วแต่เราฝืนไม่ไหวบวกกับความรู้สึกว่าทำออกมาได้แย่ และก็ไม่ได้สอบงานราชการ(ที่ถูกเลื่อน)สักที
ชีวิตเราตอนนี้ดูแล้วไม่มีอะไรแย่เลย ไม่ต้องดิ้นรนทั้งๆที่ไม่มีงานทำ กินอิ่มนอนหลับดี แต่แลกมาด้วยการถูกควบคุมชีวิต ใจเราความรู้สึกเราอะ มันทุกข์ขั้นสุดในแบบที่พร้อมฆ่าตัวตายทุกนาที แต่ยั้งความคิดนั้นไว้เสมอเพราะเหตุเดียว คือ พ่อแม่จะไม่มีคนดูแลในช่วงที่แก่ตัว
เราเหนื่อยทางความรู้สึกสุดๆเลย ความรู้สึกที่ชีวิตเราเลือกอะไรเองไม่ได้สักอย่าง ขนาดเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างจะขับรถออกไปไหนไกลหน่อย แม่ก็ต้องให้พ่อไปส่ง ทั้งๆที่เรามีใบขับขี่และขับรถเป็นรอบที่ร้อยพันครั้งแล้วก็ตาม หลายคนคงมองว่านี่คือความรักของพ่อแม่ และสำหรับเรามันก็คือความรักแหละ แต่รักในทางที่ผิดที่สุด เพราะเขาไม่เคยให้เราก้าวเดินด้วยตัวเอง คอยแต่จะประคบประหงม คิดแทนทุกเรื่อง และเลือกทางเดินให้ ถ้าหากวันนึงเราขาดพวกเขาไป เราคงอยู่บนโลกนี้ไม่ได้ เราถูกเรื่องพวกนี้กดขี่ทำลายความรู้สึกจนแย่ไปหมดแล้ว
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เชื่อว่าคนที่ผ่านมาอ่าน ก็คงคิดว่าเราไม่อดทน ไม่เอาไหน เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะ 😂 แต่ชีวิตคนๆนึง มันจะต้องอดทนกับทุกเรื่องเลยหรอ ซึ่งเราไม่ไหวอะ เรารู้สึกแย่และล้มเหลวกับชีวิตที่เราไม่ได้เลือกมาก เหมือนเราแหลกสลายแล้วจริงๆ
ความรู้สึกดิ่งเพราะต้องทำตามที่แม่พ่อสั่ง ไม่มีสิทธิ์เลือกเอง ชีวิตไม่ใช่ของเรา
เราเป็นผู้หญิงอายุ 25 คนนึงที่ถูกแม่บังคับเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบมาตั้งแต่ ม.ปลาย จนเข้ามหา'ลัยก็ต้องเรียนตามน้ำต่อเนื่องไป
พอจบมหา'ลัยออกมาด้วยคะแนนเกียรตินิยม ก็กลายเป็นแม่พ่อตั้งความหวังว่าเราจะต้องทำงานดีๆเงินเยอะๆไม่ต้องเหนื่อย แต่เราดันเลือกงานไกด์ลงทะเลที่เหนื่อยและค่อนข้างเสี่ยง เพราะอย่างน้อยเราก็มีความสุขจากงานนี้บ้าง
จนวันที่เราไม่สามารถออกทะเลได้อีก เพราะโควิด 19 ทำให้บริษัทต้องปิดอย่างไม่มีกำหนด มันก็ถึงวันที่เราถูกแม่บังคับกลับบ้านและบังคับให้สอบงานราชการ ทะเลาะกันไปหลายแมตช์ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เรารักและอยากทำ เราขอโอกาสและการสนับสนุนให้เราทำในสิ่งที่เราอยากทำมาทั้งชีวิต แต่มันไม่ได้ จนเราท้อและต้องยอมรอสอบงานราชการ
สิ่งที่เราอยากทำมากที่สุดคืออยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเองแค่นั้น ซึ่งแม่พ่อไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุน ท่านตอบกลับว่า "กูจะส่งให้ไปเรียนที่แพงๆทำไมถ้าสุดท้ายอยากมาเป็นแม่ค้า?"
เราก็ตอบไปว่าที่เราเรียนมาทั้งหมดนั่น เป็นเราที่อยากเรียนหรอ? ไม่ใช่เพราะแม่พ่ออยากให้เรียนหรือไงเราถึงต้องไปอยู่ตรงนั้น? แล้วเราก็ได้แค่ความเงียบกลับมาเป็นคำตอบ
นี่ก็ 2 ปีกว่าแล้วที่เราไม่ได้ทำงาน และต้องเกาะพ่อแม่กิน เพราะเราไม่ทำงานที่พ่อแม่มองว่าดี เพราะเคยทำแล้วแต่เราฝืนไม่ไหวบวกกับความรู้สึกว่าทำออกมาได้แย่ และก็ไม่ได้สอบงานราชการ(ที่ถูกเลื่อน)สักที
ชีวิตเราตอนนี้ดูแล้วไม่มีอะไรแย่เลย ไม่ต้องดิ้นรนทั้งๆที่ไม่มีงานทำ กินอิ่มนอนหลับดี แต่แลกมาด้วยการถูกควบคุมชีวิต ใจเราความรู้สึกเราอะ มันทุกข์ขั้นสุดในแบบที่พร้อมฆ่าตัวตายทุกนาที แต่ยั้งความคิดนั้นไว้เสมอเพราะเหตุเดียว คือ พ่อแม่จะไม่มีคนดูแลในช่วงที่แก่ตัว
เราเหนื่อยทางความรู้สึกสุดๆเลย ความรู้สึกที่ชีวิตเราเลือกอะไรเองไม่ได้สักอย่าง ขนาดเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างจะขับรถออกไปไหนไกลหน่อย แม่ก็ต้องให้พ่อไปส่ง ทั้งๆที่เรามีใบขับขี่และขับรถเป็นรอบที่ร้อยพันครั้งแล้วก็ตาม หลายคนคงมองว่านี่คือความรักของพ่อแม่ และสำหรับเรามันก็คือความรักแหละ แต่รักในทางที่ผิดที่สุด เพราะเขาไม่เคยให้เราก้าวเดินด้วยตัวเอง คอยแต่จะประคบประหงม คิดแทนทุกเรื่อง และเลือกทางเดินให้ ถ้าหากวันนึงเราขาดพวกเขาไป เราคงอยู่บนโลกนี้ไม่ได้ เราถูกเรื่องพวกนี้กดขี่ทำลายความรู้สึกจนแย่ไปหมดแล้ว
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เชื่อว่าคนที่ผ่านมาอ่าน ก็คงคิดว่าเราไม่อดทน ไม่เอาไหน เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะ 😂 แต่ชีวิตคนๆนึง มันจะต้องอดทนกับทุกเรื่องเลยหรอ ซึ่งเราไม่ไหวอะ เรารู้สึกแย่และล้มเหลวกับชีวิตที่เราไม่ได้เลือกมาก เหมือนเราแหลกสลายแล้วจริงๆ