สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ ชาวพันทิปทุกคน มั่นใจว่าหลายคนต้องเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า การไม่มีหนี้คือลาภอันประเสริฐ และหลายคนก็คงพยักหน้าเห็นด้วย เพราะการไม่มีหนี้ = การที่เราจะสามารถใช้ชีวิตได้แบบคล่องตัวไร้กังวล แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนโดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การเป็นหนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสียทีเดียว ถ้าหนี้ก้อนนั้นเกิดขึ้นเพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราสะดวกหรือเพื่อช่วยให้ชีวิตหมุนต่อได้จากเหตุรายได้ลดลง หรือธุรกิจฝืดเคือง


หรือบางคนที่เป็นหนี้อยู่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิดเช่นนี้ ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ช่องทางการหารายได้ก็ดูเหมือนจะติดขัดไปซะหมด สวนทางกับรายจ่าย กลายเป็นเรื่องที่น่าหนักใจว่าจะจัดการกับหนี้เหล่านั้นอย่างไรดีนะ! เราจะพาไปหาคำตอบพร้อมกัน

เมื่อ “การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด” เหมือนที่กูรูด้านจัดการหนี้หลาย ๆ คนเคยพูด “แต่จะผิด..ถ้าจัดการหนี้ไม่เป็น”

ฉะนั้นก่อนจะเริ่มต้นกู้เงิน เราควรที่จะรู้จักวิธีจัดการหนี้ซะก่อน เพื่อที่จะได้เลือกกู้เงินให้…(ดอกเบี้ย) ถูก เราเลยขอแนะนำ โซลูชันด้านเงินกู้ที่อยู่บนแนวคิด “รอบรู้เรื่องกู้ยืม” หรือ Healthy Borrowing  จากธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) ที่จะช่วยให้การกู้ไม่ว่าจะครั้งใด เกิดประโยชน์ ช่วยแก้ไขปัญหาได้จริง และจ่ายดอกเบี้ยเท่าที่จำเป็น  

รอบรู้เรื่องกู้ยืม คืออะไร?

สิ่งที่เราควรรู้ก่อนจะเริ่มต้นกู้ยืมเงินเพื่อแก้ไขปัญหา อันดับแรกก็คือการประเมินความต้องการในการใช้วงเงินของเราซะก่อน เพื่อนำไปสู่แนวทางการเลือกวิธีกู้ยืมที่เหมาะสม

ส่วนอันดับที่สองที่ควรรู้ต่อมาก็คือ “สินทรัพย์” ที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือรถยนต์ก็ตาม สามารถนำมาใช้ประโยชน์ เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงได้ โดยใช้วิธี “รวบหนี้” หรือ Debt Consolidation เพื่อจัดการหนี้ดอกเบี้ยสูง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด รวมถึงสินเชื่อบุคคลให้รวมมาเป็นก้อนเดียว และใช้ “สินทรัพย์” มาเป็นหลักประกัน

เหตุผลก็คือ การกู้เงินแบบมีหลักประกันนั้น ดอกเบี้ยจะถูกลงกว่าการกู้แบบไม่มีหลักประกันค่อนข้างมาก และมักขอสินเชื่อได้ยาว จึงช่วยลดภาระค่างวดให้ต่ำลง ทำให้เราผ่อนได้สบายขึ้น

ถ้าเริ่มต้นถูกวิธี รู้จักเลือกใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์ จ่ายดอกเบี้ยเท่าที่จำเป็น ก็จะทำให้เราเคลียร์หนี้ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อรอบรู้เรื่องกู้ยืมแล้ว ถัดไปก็คือการนำไปสู่การมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นในอนาคต หรือ Financial Well-Being นั่นเอง

กู้แบบไหนถึงจะ Healthy Borrowing

เมื่อเราพอจะเข้าใจความแตกต่างของการกู้เงินแบบมีและไม่มีหลักประกัน ต่อไปก็คือ การเลือกกู้ยืมให้ถูกและเหมาะสมกับโจทย์ของเรา ซึ่ง ทีทีบี มี 3 โซลูชันสินเชื่อมาแนะนำ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

สินเชื่อบ้านแลกเงิน ทีทีบี

เป็นโซลูชันสำหรับคนที่ต้องการวงเงินสูง 5 แสน - 10 ล้านบาท ด้วยการเปลี่ยนบ้านที่ปลอดภาระให้เป็นเงินสด เพื่อนำเงินไปใช้เคลียร์หนี้ต่าง ๆ หรือจะใช้เสริมสภาพคล่องส่วนตัวหรือธุรกิจก็ได้ โดยเรายังอยู่บ้านได้เหมือนเดิม ข้อดีของบริการนี้ ได้รับวงเงินสูง ในขณะที่ดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนได้ยาวนาน

• ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 3 เดือน เฉลี่ย 3 ปีแรก 5.15% ต่อปี
• ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย และฟรีค่าประเมินราคาหลักทรัพย์
• วงเงินกู้ตั้งแต่ 5 แสนบาท - 10 ล้านบาท ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี
• กรณีบ้านยังผ่อนอยู่ ก็เลือกรีไฟแนนซ์มาอยู่ทีทีบี และขอวงเงินกู้เพิ่มเติมได้

ตัวอย่าง การรวบหนี้ด้วยสินเชื่อบ้านแลกเงิน ทีทีบี ถ้าเราต้องผ่อนสินเชื่อบุคคลเดือนละ 12,500 บาท ผ่อนขั้นต่ำบัตรเครดิตอยู่เดือนละ 10,000 บาท รวมค่างวดถึงเดือนละ 22,500 บาท หากเราใช้วิธีรวบหนี้ด้วยสินเชื่อบ้านแลกเงิน ทีทีบี เลือกผ่อนระยะยาว 15 ปี ยอดผ่อนจะลดลงเหลือเพียงเดือนละ 5,000 บาท ดอกเบี้ยเฉลี่ยตลอดสัญญา จะลดเหลือประมาณ 6.65% ต่อปี (ดอกเบี้ยอาจลดลงได้อีก ขึ้นอยู่กับโปรแกรมดอกเบี้ยที่เราเลือกใช้) สามารถนำเงินส่วนต่างถึงเดือนละ 17,500 บาท ไปใช้จ่ายเรื่องจำเป็นเพื่อเสริมสภาพคล่องได้

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.ttbbank.com/cyh/pt


สินเชื่อรถแลกเงิน ทีทีบีไดรฟ์

สินเชื่อสำหรับคนมีรถยนต์ โซลูชันสำหรับคนที่ต้องการวงเงินปานกลาง (เท่ากับมูลค่ารถ) เพื่อเคลียร์หนี้เดิม ลดภาระดอกเบี้ย หรือผ่อนต่อเดือนน้อยลง ไม่ว่ารถจะปลอดภาระแล้วหรือยังผ่อนอยู่ก็สามารถใช้บริการนี้ได้ โดยอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 3.18% ต่อปี สามารถสมัครง่ายผ่านออนไลน์ พร้อมให้บริการถึงที่ และรู้ผลอนุมัติไว ข้อดีสำหรับสินเชื่อประเภทนี้ยังสามารถใช้งานรถต่อได้ และสามารถเลือกได้ว่าดอกเบี้ยคงที่ หรือแบบลดต้นลดดอก

ตัวอย่าง การรวบหนี้ด้วยสินเชื่อรถแลกเงิน ทีทีบีไดรฟ์ ลูกค้าที่มีภาระค่างวดรถ 10,000 บาท สินเชื่อบุคคล 3,000 บาท และจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตอีกเดือนละ 5,000 บาท เท่ากับมีภาระต้องจ่ายค่างวดรวมถึง 18,000 บาท แต่หากลองเปลี่ยนมาใช้วิธีการรวบหนี้เป็นก้อนเดียวแบบนี้ ก็จะเหลือจ่ายค่างวดเพียง 9,214 บาท เท่ากับผ่อนต่อเดือนน้อยลง เบาขึ้นเยอะ และสามารถรับวงเงินนส่วนที่เหลือ ไปใช้จ่ายในเรื่องที่จำเป็น ช่วยเสริมสภาพคล่องได้อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.ttbbank.com/cyc/pt


สินเชื่อบุคคลทีทีบี แคชทูแคร์

สินเชื่อบุคคลที่ให้ดอกเบี้ยถูกลงเมื่อกู้เรื่องจำเป็น โซลูชันสุดท้ายเหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้เงินเร่งด่วน และจะได้รับดอกเบี้ยถูกลง เหลือ 12-15% ต่อปี ใน 12 เดือนแรก เมื่อกู้เรื่องจำเป็น เช่น อุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือจะใช้รวบหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงกว่าก็ได้เช่นกัน ข้อดีคือ สมัครง่าย เพราะเป็นสินเชื่อที่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ วงเงินอนุมัติสูงสุด 5 เท่าของเงินเดือน หรือสูงสุด 1.5 ล้านบาท และสามารถเลือกผ่อนได้นานถึง 60 เดือน

ตัวอย่าง ถ้าเรามียอดคงค้างในบัตรเครดิต 100,000 บาท และผ่อนขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ ด้วยอัตราดอกเบี้ย 16% ต่อปี ต้องผ่อนเดือนละประมาณ 3,400 -5,100 บาท หากเปลี่ยนมาใช้สินเชื่อบุคคลทีทีบี แคชทูแคร์ โดยนำใบแจ้งยอดบัตรเครดิตมายื่นขอสินเชื่อ เราจะผ่อนเพียงเดือนละ 2,600-2,710 บาท ดอกเบี้ยลดลงเหลือ 12-15% (สำหรับ 12 เดือนแรก) จึงผ่อนได้สบายขึ้นและวางแผนการชำระเงินได้ง่ายขึ้น หรือถ้ามีเงินก้อน เราก็จ่ายโปะได้ เพื่อช่วยลดภาระให้เคลียร์หนี้ได้เร็วขึ้นอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.ttbbank.com/c2c/pt


จะเห็นว่า แค่เรามีความรู้และความเข้าใจวิธีการกู้เงิน เพื่อให้เลือกใช้สินเชื่อได้ถูกต้อง รู้จักใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ก็จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยลง รวมถึงช่วยให้เราผ่อนสบายขึ้น ใช้ชีวิตได้คล่องตัว ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์ช่วงนี้

และเมื่อจัดการกับปัญหาทางการเงินได้แล้ว ต่อไปก็เป็นการผ่อนตรงเวลา และหลีกเลี่ยงการก่อหนี้โดยไม่จำเป็น รักษาวินัยทางการเงินที่ดีเอาไว้ และจะนำไปสู่การมีชีวิตทางการเงินที่ดีต่อไป

รู้แบบนี้แล้ว หากต้องเคลียร์หนี้ ก็อย่าลืมนำทริกดังกล่าวไปใช้ เพื่อที่การกู้ในครั้งต่อไปของเรา เพื่อจะเป็นคนที่ “รอบรู้เรื่องกู้ยืม”

คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ttbbank.com/healthy-borrowing/pt

[Advertorial]