ผมอยากจะขอคำปรึกษาพี่ๆหรือเพื่อนๆที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
ช่วยแนะนำผมทีผมควรทำยังไงต่อดี อาจยาวสักหน่อย อักษรมีผิดบ้างต้องขอ อภัย
เหตุทั้งหมดมีไปต่อดังนี้
เริ่มด้วยผมคบกับผู้หญิงนึง มาได้เกือบปี
ตอนเราคบกันมีความสุขมาก เธอทำดีทุกอย่างแต่ก็ยังมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่บ้าง
เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจผู้ชายคนอื่นจากที่ผมคบกันได้ 5-6 เดือน ไม่เคยมีปัญหาอะไรให้ระแวง กัน
ผมจึงอยากเริ่มต้นสร้างอนาคตไปกลับเขาด้วยการ ซื้อรถยนต์ด้วยกัน เพื่อจะได้ใช้งาน กัน
ซึ้งผมไว้ใจเขามาแต่ก็มีเรื่องนึงที่ติดใจผมมานานช่วงต้นปีนี้ เขาดูเหมือนจะสนิดกับเพื่อนร่วมงานเป็นพิเศษ
ซึ้งผมเคยถามเขาว่า กับคนนี้เป็นอะไรกันรึเปล่าทำมั้ยถึง ทักหากันบ่อย แต่เขาก็จะบอกว่าเป็นแค่เพื่อนไม่มีอะไรหรอก
ซึ้งผมก็เชื่อ แต่เขาก็เคยบอกว่าคนนี้เริ่มมาตีสนิดขึ้นทุกวัน ในหน้าที่ของแฟนที่ดีผมเลยไปรับไปเขาทุกวันเพื่อให้ไอ้นั้นเลิกกวน
ซึ้งผมก็ทำเรื่อยจนบางดีแฟนของผมจะบอกว่าวันนี้มีกินเลี้ยง ไม่ต้องมารับบ้าง ซึ้งผมก็เข้าใจในฐานะคนที่ทำงานอยู่แล้ว การพบปะสังคมหรือการฉลองกับที่
ทำงานก็เป็นสิ่งที่ดี จนมาพักหลังๆ
ช่วงเดือน2 เขาพยายามไม่ให้ผมมารับ เพราะกลัวผมเหนื่อย เพราะส่วนตัวผมเองก็ทำงานเหมือน
(ต้องบอกไว้ก่อนว่าที่ทำงานของเขาห่างจากหอพักไม่เกิน1ซอย) ซึ้งผมก็นึกว่าเขาหวังดี
หลังจากนั้นทุกๆอย่างก็เริ่มเปลี่ยนได้ชัดเจน เขาเริ่มเป็นไป จากที่เป็นคนไม่เคยอารมณ์ร้อนกับมาหงุดหงิดใส่ทั้งๆที่ผมเองก็ไม่รู้เหตุผลว่าผมผิดอะไร
แต่ก็ได้แต่ยอมรับ และ ขอโทษไป พอเขาเคลียอะไร ผมจะค่อยให้คำปรึกษาแต่ดูเหมือน บางคำทีผมแนะนำไปเขา ไม่พอใจก็เริ่มทะเลาะกัน
พนังงานประจำส่วนใหญ่ มักจะมีวันหยุด อาทิตย์ละ1ครั้ง ซึ้งเมื่อก่อน เขาจะเป็นคนที่ชอบนอนตื่นสายในทุกๆวันหยุด
แต่พอพักหลังๆ เริ่มมีเหตุผลว่าเข้าไปเคลียร์เอกสารที่ทำงานทั้งๆทีาเป็นวันหยุด แต่ก็กลับมาเวลา เลิกแบบทุกที เป็นแบบนี้ขึ้นเรื่อยๆ ไปหาแม่บ้าง
พอผมอาสาจะพาไปเขากลับบอกไม่ต้องเดี๋ยวไปเอง จากที่ผมเคยพาไป แต่ผมก็เชื่อใจเขามาก เลยให้เขาไป แต่เขาบอกไม่ต้องเพราะกลัวผมเบื่อหรือเหนื่อย
ผมก็เข้าใจ แต่มีวันนึงที่ผมพยายามจะไปด้วยเขาอ้างยังไงผมก็จะไปสุดท้ายก็ต้องทะเลาะ อ้างเหตุผล108มาเพื่อให้ผมอยู่หอ ผมซึ้งไม่ค่อยชอบทะเลาะอยู่แล้วเลย เลือกที่จะเป็นฝ่ายยอม
ช่วง เดือน 3-4 ผมพยายามจะผมเขาเปลี่ยน บรรยากาศ จะพาไปเที่ยว เขาบอกเหนื่อยตลอด แต่ก็จะมีธุระของตัวเองทุกวัน
ไปทำเล็บบ้างทำผมบ้าง ออกไปช่วงเทียงๆ กลับอีกทีช่วงเย็นหรือ2-3ทุ่ม แต่ด้วยความเชื่อใจและไว้ใจผม ไม่แม้จะคิดเรื่องมือที่3 เพราะผมไว้ใจเขามาก
หลังจากนั้นไม่นาน เขาเริ่มจะเรียกชื่อผมเป็นมัน ผมก็เอะใจว่า ทำมั้ยถึงเรียกชื่อมันละ มีอะไรรึป่าว
ซึ้งเขาก็จะตอบผมว่า เป็นเพื่อนร่วมงานกันทำทีมเดียวกันเป็นอารมณ์เหมือนบัดดี้
ซึ่งผมเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว จึงเข้าใจเพราะที่ทำงาน มันต้องมีคนที่สนิทสักคนที่ไว้ใจและเพิ่งพาได้ จึงไม่ได้เอามาคิดเล็กคิดน้อย
หลังจากนั้น เริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มโวยวายใส่ผม เมื่อก่อน เรามีอะไรกัน อาทิตย์ละ 5-6 ครั้งแต่สัปดาห์ แต่พอช่วง 3-4 เดือนเริ่มพยายามจะไม่มีด้วย
แล้วใช่เหตุว่าคนรักกัน ไม่จำเป็นต้องมีอะไรกันก็ได้ เขามีอะไรกันเดือนละ 2-3ครั้ง นั้นคือคนรักกันเขาเป็นแบบนั้น แต่ผมซึ้งมองว่ามัน ไม่สมเหตุสมผล
จึงไม่จนใจและพยายามจะมีอะไรด้วย กลับโดนทำร้ายครั้งแรก ซึ้งผมเองก็ต้องใจมากๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีอะไรกัน ตอนนั้นผมก็งอลเขานะ
เลยเลือกที่จะพยายามทำตามที่เขาเสนอมา ช่วงเดือน 5 เราแทบไม่มีอะไรกันเลย ผมซึ้งรู้สึกว่ามันแปลกๆไป แต่ก็ยังเรียกชื่อผมเป็นมันอยู่บ้าง
ด้วยความหัวร้อนผมเลยบอก ให้เปลี่ยนชื่อเป็นมันเลยดีมั้ย แต่สิ่งที่ผมได้จากคำตอบของเขา เปลี่ยนสิ ก็ดีนะ ผมแมร่งซ๊อค และทะเลาะกัน
ทำอะไรไม่ถูก เลยเลือกที่จะกลับบ้านและห่างกันสักพัก เขาพยายามทักมาหาผมว่า ทำอะไรอยู่ไหน กินอะไร เขาทักมาหาผม ผมจะตอบกลับไม่เกิน 1-2นาที
แต่เขาตอบกลับผม 2-3ชั่วโมงหลังจากนั้น ด้วยความที่ผมเป็นคนเข้าใจคนวัยทำงานเพราะผมก็ทำงานด้วยเหมือนกัน เลยนึกว่าเขาคงยุ่งเลยไม่ว่าง
ซึ้งผมมฝค่อนข้างมั้นใจในคนของผมมาก ว่ามันไม่มีทางเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นแน่นอน ผมซึ้งทำงานอยู่ด้วยก็เลยไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย อยากจะโฟกัสกับหน้าที่
ช่วงเดือน6 ทุกอย่างเปลี่ยน มากขึ้น นัดเจอคือเหนื่อย ชวนกินข้าว ไม่ว่าง ชวนไปเที่ยว คือเหนื่อย ผมทำตัวไม่ถูกเลยว่าจะทำยังไงต่อ
ผมเคยไปหอพักในช่วงเดือน6 พยายามจะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่เราทะเลาะกันหนักขึ้น เขาอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากมีอะไรด้วย เขาพยายามจะออกไปทำธุระข้างนอกตลอด ซึ้งผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรหรือเกิดอะไรขึ้น จนวันนึงผมพยายามจะเช็คโทรศัพท์เขา ในช่วงเดือน6 เขาดิ้นสุดชีวิตถือมือถือคืน
ทั้งกัดทั้งถีบทั้งทุบทั้งตีผม แล้วบอกว่ามันของส่วนตัว แต่มือถือสำหรับผม พาสเขารู้ ผมเป็นคนที่เปิดทุกอย่าง โทรศัพท์ผมชาร์จอยู่เราจะดูอะไรก็ดูได้
แต่ผิดกับเขาที่ไม่ให้ผมดูผมจึงน้อยใจและเลือกที่จะกลับบ้านอีกครั้ง ซึ้งครั้งนี้ผมเจ็บมาก และ ผมก็คิดกับตัวเองว่ามันเริ่มไม่ใช่แล้ว ผมจึงเริ่มสืบเรื่องราว
ทุกอย่าง ในช่วงเดือน 6 แต่ก็สืบอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ผมใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น เที่ยวบ้าง ดื่มบ้าง ขับรถซิ่งบ้าง ตามภาษาไบค์เกอร์ แต่ก็มีคุยกับเขามาโดยที่ ผมเป็นฝ่ายทักไปเพราะเขาไม่ทักอะไรมาหาผมเลยทั้งแต่ผมกลับวันนั้น ผมโฟกัสที่ครอบครัว ให้เวลาตัวเองมากขึ้น แต่สถานะก็ยังคบกับเขาอยู่
ใช้ชีวิตแบบนี้เรื่อยๆจนผมเริ่มคิดได้ว่า มันก็ถูกนะ ไม่มีอะไรกันมันก็คงถูก จนปล่อยเวลาไปจนปลายๆเดือน6
เขาทักมาหาผม ตอนนั้นผมดีใจนะเขาทักมาแล้วบอกคิดถึงผมอยากเจอผม ซึ้งผมก็เล่นตัวหน่อยๆแหละ ก็มาหาสิ ซึ้งเขาก็มาหา ยอมขับรถมาหาผมถึงบ้าน
ชวนออกไปกินข้าว แกะกุ้งให้ ดูแลดีทุกอย่าง จนผมก็พูดเรื่องที่เขาเคยพูดไว้คนรักกัน เรื่องมีอะไรกันบางทีมันก็ไม่จำเป็นเนอะ ผมก็ขำเบาๆ ตามภาษา
พอถึงเวลา6โมงเย็นวันนั้น ผมบอกให้เขามาส่งผมที่บ้าน แต่เขาบอกมีเรื่องจะบอกผม ซึ้งผมก็คิดว่า เรื่องงานละมังรับฟังและแนะนำไปสักหน่อยดีกว่า
เขาจอดรถไกล้บ้านผม เขาเริ่มเล่าให้ฟังว่า ขอโทษนะที่ทำเรื่องร้ายๆกับผม ผมดีใจนะที่เขาขอโทษ และเขาก็เริ่มละบาย เรื่องราวทั้งหมดว่า มีมันทำแบบนั้น
แบบนี้มีอะไรกัน ถ่ายคลิปวิดิโอกัน อย่ายอมมันนะ ทำให้มันเจ็บ ไม่ต้องไปสงสารมัน ขอเวลา1อาทิตย์จะเลิกกับแฟนและออกมาเช่าห้องอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นผมช๊อคมาก เขาบอกว่าช่วงแรกมันบังคับ แต่ช่วงหลังก็เริ่มไปทางมันเหมือนกัน เลยละเลยผม ทำตัวแย่ใส่ผม เขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดทั้งน้ำตาว่าหลงผิดไปจริงๆ ตอนนั้นผมยอมรับ
ว่าอยากจะเอากำปั้นไปกระแทกหน้ามันมาก ซึ้งผมก็รับฟังและพยายามใจเย็นให้ถึงที่สุด
เขาร้องไห้และขอให้ผมให้อภัย แต่เขาก็เตรียมใจแล้วว่าถ้าผมรับไม่ได้เขาก็จะไป ตอนนั้น ผมมีหลายอารมณ์มากๆ ทั้งโกรธทั้งเสียใจทั้งเจ็บใจ แต่ผมเลือก
ที่จะให้อภัยเขาแต่ผมก็บอกเขาว่า มันจะไม่เหมือนเดิมแล้วนะ ผมยอมรับนะที่เขากล้ามาบอกเรื่องราวทั้งหมดกับผม ผมเลือกที่จะให้อะไร เพราะสงสาร
หลังจากวันนั้นเราก็แยกย้ายกัน เขาเป็นห่วงผมเหมือนเดิมพยายามวิดิโอคอล ทักมาตลอด แต่ในหัวผมก็มีสิ่งที่ผมต้องรู้เหมือนกัน
ขอดูโทรศัพท์ทั้งหมดทั้งข้อความที่คุยกับมัน เขาก็ยินยอม ผมเริ่มอ่านทั้งหมด ทุกตัวอักษร ที่เขาและมันคุยกัน ทุกข้อความทุกตัวอักษรมันแทงใจมาก
จนผมจุกแบบบอกไม่ถูก หลังจากวันนั้น ผมบุกไปหามันที่ทำงาน เพื่อที่จะเจอมันตอนแรกผมกะไปกะทืบมัน ให้จมกองทีน แต่มันไม่อยู่ ถือว่าดวงมันดีมาก
ต่อมาผมเริ่มสืบจนรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ผมจึงไปดักรอมันตั้งแต่ 7โมงเช้า ในใจผมก็ไปเพื่อกระทืบอย่างเดียวเท่านั้นไม่สนใจอะไร นั้งอยู่อยู่สักพัก เมียมันเดินมา
พอดีผมจำหน้าที่ในเฟสได้เลยเข้าไปทัก แฟนมันตกใจมากที่เจอผม ผมเลยถามว่ารู้เรื่องทั้งหมดไหม เขาบอกว่าไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่าเขาคุยกัน
ผมจึงเล่าทุกอย่างที่มันทำกับคนของผมไว้ สรุป ช็อคทั้งคู่ แฟนมันขอร้องผมทั้งน่ำตาว่าอย่าทำอะไรมันได้มั้ย ซึ้งผมก็เสนอไขเงื่อนไขว่า ได้แต่มันลงมาคุย
หลังจากนั้นไม่ได้มันก็ลงมาผมก็ได้คุยกับมันส่วนตัว
ผมเลยเปิดประเด็น รู้ตัวใช่มันทำมั้ยกูถึงต้องมา มันตอบสั้นว่าขอโทษ น้ำตามันคอเลย ผมเลยถามมันว่าถึงทำถึงขนาดนี้ทำมั้ยไม่ต่อให้สุดละ
ทิ้งกลางทางได้ยังไง รู้ทั้งว่าเขามีกูเข้ามาทำมั้ย แค่เมียคนเดี่ยวไม่หายหรอตอนนั้นอารมณ์ผมดุดันมาก กำปั้นผมพร้อมจะเข้าหน้ามันทุกเวลา
มันบอกว่า เราพยายามแล้วแต่เราไม่มีความสุข เลยต้องถอย ผมบอก ถอยพ่อดิไอ

ได้แล้วทิ้งหรอ ใจทำขนาดนี้รับผิดชอบหน่อยเอาให้สุด
มาเล่นกับความรู้สึกของแฟนกูได้แล้วไม่รับผิดชอบหน่อยหรอ มันบอกขอโทษมันรักแฟนมันมากกว่า คบกันมา9ปี ทั้งงั้นยังงี้
ผมเลยบอกเอาโทรศัพท์มาตอนแรกมันไม่ให้ แต่ก็ต้องยอมให้อยู่ดีเพราะผมจะใส่เลย ผมค้นมือถือมันทุกอย่างจนเจอคลิปและรูปถ่ายที่มันกับแฟนผมมี
ผมช๊อคมาก แต่ด้วยคำที่ผมสัญญากับเมียมันว่าจะไม่ทำอะไร เลยลบทุกอย่าง ทั้งคลิปทั้งคู่และ ปล่อยให้มันจบๆไป
และล่าสุดผ่านมาได้1เดือน ผมเริ่มไม่มีความสุข เพราะผมระแวง ทุกๆอย่าง ผมไม่เชื่อใจ จนผมไปเช็คมือถือของแฟนล่าสุด
คือเจอเฟสอวต้าของมัน ที่มันแอดมาแต่ผมเจอก่อน บอกคิดถึงทุกวินาที อยากกลับไปแก้ไขเรื่องราวทั้งหมด และมีรูปจับมือกัน โพสเป็นสาธารณะ
ตอนนี้ดาวน์ ผมบอกกับแฟนว่าเราเลิกกันเถอะผมไม่อยากเป็นคนคิดมาก และเป็ยแบบนี้อีก แต่แฟนของผมบอกมันไม่มีอะไรหรอกนะ ใช่ตอนนี้มันไม่มี
แต่หลังจากนี้ละ ผมควรทำยังไงดีครับ ผมเหนื่อยกับทุกอย่าง แต่ผมก็ยังจบไม่ได้พอผมละบาย ว่าผมเป็นแบบนี้นะเขารั้งผมแล้วบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
และจะไม่ยอมเลิกกับผม แต่ความไว้ใจเชื่อใจมันไปหมดแล้ว
-ผมควรไปต่อยังไงดี แนะนำผมที
ความไว้ใจ จาก คนที่เราไว้ใจมากที่สุด
ช่วยแนะนำผมทีผมควรทำยังไงต่อดี อาจยาวสักหน่อย อักษรมีผิดบ้างต้องขอ อภัย
เหตุทั้งหมดมีไปต่อดังนี้
เริ่มด้วยผมคบกับผู้หญิงนึง มาได้เกือบปี
ตอนเราคบกันมีความสุขมาก เธอทำดีทุกอย่างแต่ก็ยังมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่บ้าง
เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจผู้ชายคนอื่นจากที่ผมคบกันได้ 5-6 เดือน ไม่เคยมีปัญหาอะไรให้ระแวง กัน
ผมจึงอยากเริ่มต้นสร้างอนาคตไปกลับเขาด้วยการ ซื้อรถยนต์ด้วยกัน เพื่อจะได้ใช้งาน กัน
ซึ้งผมไว้ใจเขามาแต่ก็มีเรื่องนึงที่ติดใจผมมานานช่วงต้นปีนี้ เขาดูเหมือนจะสนิดกับเพื่อนร่วมงานเป็นพิเศษ
ซึ้งผมเคยถามเขาว่า กับคนนี้เป็นอะไรกันรึเปล่าทำมั้ยถึง ทักหากันบ่อย แต่เขาก็จะบอกว่าเป็นแค่เพื่อนไม่มีอะไรหรอก
ซึ้งผมก็เชื่อ แต่เขาก็เคยบอกว่าคนนี้เริ่มมาตีสนิดขึ้นทุกวัน ในหน้าที่ของแฟนที่ดีผมเลยไปรับไปเขาทุกวันเพื่อให้ไอ้นั้นเลิกกวน
ซึ้งผมก็ทำเรื่อยจนบางดีแฟนของผมจะบอกว่าวันนี้มีกินเลี้ยง ไม่ต้องมารับบ้าง ซึ้งผมก็เข้าใจในฐานะคนที่ทำงานอยู่แล้ว การพบปะสังคมหรือการฉลองกับที่
ทำงานก็เป็นสิ่งที่ดี จนมาพักหลังๆ
ช่วงเดือน2 เขาพยายามไม่ให้ผมมารับ เพราะกลัวผมเหนื่อย เพราะส่วนตัวผมเองก็ทำงานเหมือน
(ต้องบอกไว้ก่อนว่าที่ทำงานของเขาห่างจากหอพักไม่เกิน1ซอย) ซึ้งผมก็นึกว่าเขาหวังดี
หลังจากนั้นทุกๆอย่างก็เริ่มเปลี่ยนได้ชัดเจน เขาเริ่มเป็นไป จากที่เป็นคนไม่เคยอารมณ์ร้อนกับมาหงุดหงิดใส่ทั้งๆที่ผมเองก็ไม่รู้เหตุผลว่าผมผิดอะไร
แต่ก็ได้แต่ยอมรับ และ ขอโทษไป พอเขาเคลียอะไร ผมจะค่อยให้คำปรึกษาแต่ดูเหมือน บางคำทีผมแนะนำไปเขา ไม่พอใจก็เริ่มทะเลาะกัน
พนังงานประจำส่วนใหญ่ มักจะมีวันหยุด อาทิตย์ละ1ครั้ง ซึ้งเมื่อก่อน เขาจะเป็นคนที่ชอบนอนตื่นสายในทุกๆวันหยุด
แต่พอพักหลังๆ เริ่มมีเหตุผลว่าเข้าไปเคลียร์เอกสารที่ทำงานทั้งๆทีาเป็นวันหยุด แต่ก็กลับมาเวลา เลิกแบบทุกที เป็นแบบนี้ขึ้นเรื่อยๆ ไปหาแม่บ้าง
พอผมอาสาจะพาไปเขากลับบอกไม่ต้องเดี๋ยวไปเอง จากที่ผมเคยพาไป แต่ผมก็เชื่อใจเขามาก เลยให้เขาไป แต่เขาบอกไม่ต้องเพราะกลัวผมเบื่อหรือเหนื่อย
ผมก็เข้าใจ แต่มีวันนึงที่ผมพยายามจะไปด้วยเขาอ้างยังไงผมก็จะไปสุดท้ายก็ต้องทะเลาะ อ้างเหตุผล108มาเพื่อให้ผมอยู่หอ ผมซึ้งไม่ค่อยชอบทะเลาะอยู่แล้วเลย เลือกที่จะเป็นฝ่ายยอม
ช่วง เดือน 3-4 ผมพยายามจะผมเขาเปลี่ยน บรรยากาศ จะพาไปเที่ยว เขาบอกเหนื่อยตลอด แต่ก็จะมีธุระของตัวเองทุกวัน
ไปทำเล็บบ้างทำผมบ้าง ออกไปช่วงเทียงๆ กลับอีกทีช่วงเย็นหรือ2-3ทุ่ม แต่ด้วยความเชื่อใจและไว้ใจผม ไม่แม้จะคิดเรื่องมือที่3 เพราะผมไว้ใจเขามาก
หลังจากนั้นไม่นาน เขาเริ่มจะเรียกชื่อผมเป็นมัน ผมก็เอะใจว่า ทำมั้ยถึงเรียกชื่อมันละ มีอะไรรึป่าว
ซึ้งเขาก็จะตอบผมว่า เป็นเพื่อนร่วมงานกันทำทีมเดียวกันเป็นอารมณ์เหมือนบัดดี้
ซึ่งผมเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว จึงเข้าใจเพราะที่ทำงาน มันต้องมีคนที่สนิทสักคนที่ไว้ใจและเพิ่งพาได้ จึงไม่ได้เอามาคิดเล็กคิดน้อย
หลังจากนั้น เริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มโวยวายใส่ผม เมื่อก่อน เรามีอะไรกัน อาทิตย์ละ 5-6 ครั้งแต่สัปดาห์ แต่พอช่วง 3-4 เดือนเริ่มพยายามจะไม่มีด้วย
แล้วใช่เหตุว่าคนรักกัน ไม่จำเป็นต้องมีอะไรกันก็ได้ เขามีอะไรกันเดือนละ 2-3ครั้ง นั้นคือคนรักกันเขาเป็นแบบนั้น แต่ผมซึ้งมองว่ามัน ไม่สมเหตุสมผล
จึงไม่จนใจและพยายามจะมีอะไรด้วย กลับโดนทำร้ายครั้งแรก ซึ้งผมเองก็ต้องใจมากๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีอะไรกัน ตอนนั้นผมก็งอลเขานะ
เลยเลือกที่จะพยายามทำตามที่เขาเสนอมา ช่วงเดือน 5 เราแทบไม่มีอะไรกันเลย ผมซึ้งรู้สึกว่ามันแปลกๆไป แต่ก็ยังเรียกชื่อผมเป็นมันอยู่บ้าง
ด้วยความหัวร้อนผมเลยบอก ให้เปลี่ยนชื่อเป็นมันเลยดีมั้ย แต่สิ่งที่ผมได้จากคำตอบของเขา เปลี่ยนสิ ก็ดีนะ ผมแมร่งซ๊อค และทะเลาะกัน
ทำอะไรไม่ถูก เลยเลือกที่จะกลับบ้านและห่างกันสักพัก เขาพยายามทักมาหาผมว่า ทำอะไรอยู่ไหน กินอะไร เขาทักมาหาผม ผมจะตอบกลับไม่เกิน 1-2นาที
แต่เขาตอบกลับผม 2-3ชั่วโมงหลังจากนั้น ด้วยความที่ผมเป็นคนเข้าใจคนวัยทำงานเพราะผมก็ทำงานด้วยเหมือนกัน เลยนึกว่าเขาคงยุ่งเลยไม่ว่าง
ซึ้งผมมฝค่อนข้างมั้นใจในคนของผมมาก ว่ามันไม่มีทางเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นแน่นอน ผมซึ้งทำงานอยู่ด้วยก็เลยไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย อยากจะโฟกัสกับหน้าที่
ช่วงเดือน6 ทุกอย่างเปลี่ยน มากขึ้น นัดเจอคือเหนื่อย ชวนกินข้าว ไม่ว่าง ชวนไปเที่ยว คือเหนื่อย ผมทำตัวไม่ถูกเลยว่าจะทำยังไงต่อ
ผมเคยไปหอพักในช่วงเดือน6 พยายามจะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่เราทะเลาะกันหนักขึ้น เขาอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากมีอะไรด้วย เขาพยายามจะออกไปทำธุระข้างนอกตลอด ซึ้งผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรหรือเกิดอะไรขึ้น จนวันนึงผมพยายามจะเช็คโทรศัพท์เขา ในช่วงเดือน6 เขาดิ้นสุดชีวิตถือมือถือคืน
ทั้งกัดทั้งถีบทั้งทุบทั้งตีผม แล้วบอกว่ามันของส่วนตัว แต่มือถือสำหรับผม พาสเขารู้ ผมเป็นคนที่เปิดทุกอย่าง โทรศัพท์ผมชาร์จอยู่เราจะดูอะไรก็ดูได้
แต่ผิดกับเขาที่ไม่ให้ผมดูผมจึงน้อยใจและเลือกที่จะกลับบ้านอีกครั้ง ซึ้งครั้งนี้ผมเจ็บมาก และ ผมก็คิดกับตัวเองว่ามันเริ่มไม่ใช่แล้ว ผมจึงเริ่มสืบเรื่องราว
ทุกอย่าง ในช่วงเดือน 6 แต่ก็สืบอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ผมใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น เที่ยวบ้าง ดื่มบ้าง ขับรถซิ่งบ้าง ตามภาษาไบค์เกอร์ แต่ก็มีคุยกับเขามาโดยที่ ผมเป็นฝ่ายทักไปเพราะเขาไม่ทักอะไรมาหาผมเลยทั้งแต่ผมกลับวันนั้น ผมโฟกัสที่ครอบครัว ให้เวลาตัวเองมากขึ้น แต่สถานะก็ยังคบกับเขาอยู่
ใช้ชีวิตแบบนี้เรื่อยๆจนผมเริ่มคิดได้ว่า มันก็ถูกนะ ไม่มีอะไรกันมันก็คงถูก จนปล่อยเวลาไปจนปลายๆเดือน6
เขาทักมาหาผม ตอนนั้นผมดีใจนะเขาทักมาแล้วบอกคิดถึงผมอยากเจอผม ซึ้งผมก็เล่นตัวหน่อยๆแหละ ก็มาหาสิ ซึ้งเขาก็มาหา ยอมขับรถมาหาผมถึงบ้าน
ชวนออกไปกินข้าว แกะกุ้งให้ ดูแลดีทุกอย่าง จนผมก็พูดเรื่องที่เขาเคยพูดไว้คนรักกัน เรื่องมีอะไรกันบางทีมันก็ไม่จำเป็นเนอะ ผมก็ขำเบาๆ ตามภาษา
พอถึงเวลา6โมงเย็นวันนั้น ผมบอกให้เขามาส่งผมที่บ้าน แต่เขาบอกมีเรื่องจะบอกผม ซึ้งผมก็คิดว่า เรื่องงานละมังรับฟังและแนะนำไปสักหน่อยดีกว่า
เขาจอดรถไกล้บ้านผม เขาเริ่มเล่าให้ฟังว่า ขอโทษนะที่ทำเรื่องร้ายๆกับผม ผมดีใจนะที่เขาขอโทษ และเขาก็เริ่มละบาย เรื่องราวทั้งหมดว่า มีมันทำแบบนั้น
แบบนี้มีอะไรกัน ถ่ายคลิปวิดิโอกัน อย่ายอมมันนะ ทำให้มันเจ็บ ไม่ต้องไปสงสารมัน ขอเวลา1อาทิตย์จะเลิกกับแฟนและออกมาเช่าห้องอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นผมช๊อคมาก เขาบอกว่าช่วงแรกมันบังคับ แต่ช่วงหลังก็เริ่มไปทางมันเหมือนกัน เลยละเลยผม ทำตัวแย่ใส่ผม เขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดทั้งน้ำตาว่าหลงผิดไปจริงๆ ตอนนั้นผมยอมรับ
ว่าอยากจะเอากำปั้นไปกระแทกหน้ามันมาก ซึ้งผมก็รับฟังและพยายามใจเย็นให้ถึงที่สุด
เขาร้องไห้และขอให้ผมให้อภัย แต่เขาก็เตรียมใจแล้วว่าถ้าผมรับไม่ได้เขาก็จะไป ตอนนั้น ผมมีหลายอารมณ์มากๆ ทั้งโกรธทั้งเสียใจทั้งเจ็บใจ แต่ผมเลือก
ที่จะให้อภัยเขาแต่ผมก็บอกเขาว่า มันจะไม่เหมือนเดิมแล้วนะ ผมยอมรับนะที่เขากล้ามาบอกเรื่องราวทั้งหมดกับผม ผมเลือกที่จะให้อะไร เพราะสงสาร
หลังจากวันนั้นเราก็แยกย้ายกัน เขาเป็นห่วงผมเหมือนเดิมพยายามวิดิโอคอล ทักมาตลอด แต่ในหัวผมก็มีสิ่งที่ผมต้องรู้เหมือนกัน
ขอดูโทรศัพท์ทั้งหมดทั้งข้อความที่คุยกับมัน เขาก็ยินยอม ผมเริ่มอ่านทั้งหมด ทุกตัวอักษร ที่เขาและมันคุยกัน ทุกข้อความทุกตัวอักษรมันแทงใจมาก
จนผมจุกแบบบอกไม่ถูก หลังจากวันนั้น ผมบุกไปหามันที่ทำงาน เพื่อที่จะเจอมันตอนแรกผมกะไปกะทืบมัน ให้จมกองทีน แต่มันไม่อยู่ ถือว่าดวงมันดีมาก
ต่อมาผมเริ่มสืบจนรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ผมจึงไปดักรอมันตั้งแต่ 7โมงเช้า ในใจผมก็ไปเพื่อกระทืบอย่างเดียวเท่านั้นไม่สนใจอะไร นั้งอยู่อยู่สักพัก เมียมันเดินมา
พอดีผมจำหน้าที่ในเฟสได้เลยเข้าไปทัก แฟนมันตกใจมากที่เจอผม ผมเลยถามว่ารู้เรื่องทั้งหมดไหม เขาบอกว่าไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่าเขาคุยกัน
ผมจึงเล่าทุกอย่างที่มันทำกับคนของผมไว้ สรุป ช็อคทั้งคู่ แฟนมันขอร้องผมทั้งน่ำตาว่าอย่าทำอะไรมันได้มั้ย ซึ้งผมก็เสนอไขเงื่อนไขว่า ได้แต่มันลงมาคุย
หลังจากนั้นไม่ได้มันก็ลงมาผมก็ได้คุยกับมันส่วนตัว
ผมเลยเปิดประเด็น รู้ตัวใช่มันทำมั้ยกูถึงต้องมา มันตอบสั้นว่าขอโทษ น้ำตามันคอเลย ผมเลยถามมันว่าถึงทำถึงขนาดนี้ทำมั้ยไม่ต่อให้สุดละ
ทิ้งกลางทางได้ยังไง รู้ทั้งว่าเขามีกูเข้ามาทำมั้ย แค่เมียคนเดี่ยวไม่หายหรอตอนนั้นอารมณ์ผมดุดันมาก กำปั้นผมพร้อมจะเข้าหน้ามันทุกเวลา
มันบอกว่า เราพยายามแล้วแต่เราไม่มีความสุข เลยต้องถอย ผมบอก ถอยพ่อดิไอ
มาเล่นกับความรู้สึกของแฟนกูได้แล้วไม่รับผิดชอบหน่อยหรอ มันบอกขอโทษมันรักแฟนมันมากกว่า คบกันมา9ปี ทั้งงั้นยังงี้
ผมเลยบอกเอาโทรศัพท์มาตอนแรกมันไม่ให้ แต่ก็ต้องยอมให้อยู่ดีเพราะผมจะใส่เลย ผมค้นมือถือมันทุกอย่างจนเจอคลิปและรูปถ่ายที่มันกับแฟนผมมี
ผมช๊อคมาก แต่ด้วยคำที่ผมสัญญากับเมียมันว่าจะไม่ทำอะไร เลยลบทุกอย่าง ทั้งคลิปทั้งคู่และ ปล่อยให้มันจบๆไป
และล่าสุดผ่านมาได้1เดือน ผมเริ่มไม่มีความสุข เพราะผมระแวง ทุกๆอย่าง ผมไม่เชื่อใจ จนผมไปเช็คมือถือของแฟนล่าสุด
คือเจอเฟสอวต้าของมัน ที่มันแอดมาแต่ผมเจอก่อน บอกคิดถึงทุกวินาที อยากกลับไปแก้ไขเรื่องราวทั้งหมด และมีรูปจับมือกัน โพสเป็นสาธารณะ
ตอนนี้ดาวน์ ผมบอกกับแฟนว่าเราเลิกกันเถอะผมไม่อยากเป็นคนคิดมาก และเป็ยแบบนี้อีก แต่แฟนของผมบอกมันไม่มีอะไรหรอกนะ ใช่ตอนนี้มันไม่มี
แต่หลังจากนี้ละ ผมควรทำยังไงดีครับ ผมเหนื่อยกับทุกอย่าง แต่ผมก็ยังจบไม่ได้พอผมละบาย ว่าผมเป็นแบบนี้นะเขารั้งผมแล้วบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
และจะไม่ยอมเลิกกับผม แต่ความไว้ใจเชื่อใจมันไปหมดแล้ว
-ผมควรไปต่อยังไงดี แนะนำผมที