The World Economic Forum
สำหรับใครที่สนใจเรื่องเศรษฐกิจนะคะ ก็คงไม่พลาดหนึ่งในการประชุมที่ใหญ่ที่สุดของโลก หรือก็คือ การประชุมประจำปีของ The World Economic Forum ที่ผู้นำทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคมกว่า 1,500 คน กว่า 70 ประเทศ ร่วมกันแสดงวิสัยทัศน์จาก เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่น รวมถึงกำหนดทิศทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และประเด็นอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบกับประชาคมโลกนั่นเองค่ะ
สภาเศรษฐกิจโลก (The World Economic Forum : WEF) เป็น Non-Profit Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2514 โดย Klaus Schwab ศาสตราจารย์ชาวเยอรมัน ที่จบสาขาวิชาธุรกิจ มหาวิทยาลัยเจนีวา เดิมใช้ชื่อว่าสภาผู้บริหารยุโรป (European Management Forum) แล้วเปลี่ยนมาเป็นชื่อปัจจุบันในปี พ.ศ. 2530 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองโคโลจ์นี นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ค่ะ
WEF เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรนะคะ แต่มีรายได้ถึง 42% คิดเป็น 345 ล้านสวิสฟรังก์ (356 ล้านเหรียญดอลลาร์) และมีพนักงานถึง 800 คน ซึ่งเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจาก (Hakwamroo, 2563) โดยใครที่อยากเข้าร่วมเป็นสมาชิกจะต้องจ่ายเงินเป็นค่าธรรมเนียมรายปีประมาณ 25,000 สวิสฟรังก์ค่ะ สำหรับสมาชิกองค์กรประกอบด้วยผู้นำประเทศ, ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทชั้นนำของโลก อาทิ Donald Trump ,รัฐมนตรี, นักวิชาการ, ตลอดจนตัวแทนเยาวชน หรือผู้คิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยี
มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงสถานะของโลกในด้านธุรกิจ การเมือง การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสังคม กำหนดวาระอุตสาหกรรมแห่งภูมิภาคและโลก อีกทั้งเป็นเวทีของการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างประเทศรวมถึงสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์อีกด้วย โดยไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเชิงอุดมการณ์และพาณิชย์ แต่มุ่งมั่นที่จะทำโลกดีขึ้นด้วยแนวทางที่มีวัตถุประสงค์สามารถวัดผลได้ และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั่นเองค่ะ
สำหรับการประชุมครั้งล่าสุด คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า COVID-19 อาจทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ค่ะ แต่กำลังจะฟื้นตัและหวังว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2564 นี้ ทั้งยังชี้ให้เห็นถึงเศรษฐกิจยูโรโซนหดตัว 7% ในปี 2563 ประเมินปรับลดอัตราการเติบโตปีนี้ของ GDP ยูโรโซนเหลือ 2.1% ในวันเดียวกัน UN รายงาน สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและการคาดการณ์ กลุ่มประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วเผชิญหน้ากับสภาวะเศรษฐกิจหดตัว 5.6% ในปี 2563 และคาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ 4% ในปีนี้ ขณะที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนาหดตัว 2.5% ในปีที่แล้ว และจะฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้ 5.7% ขณะเดียวกันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกโดยรวมในปีนี้จะฟื้นตัวขึ้นมาได้ 4.7% หลังจากที่หดตัว 4.3% ในปีที่ผ่านมาค่ะ
The World Economic Forum
สำหรับใครที่สนใจเรื่องเศรษฐกิจนะคะ ก็คงไม่พลาดหนึ่งในการประชุมที่ใหญ่ที่สุดของโลก หรือก็คือ การประชุมประจำปีของ The World Economic Forum ที่ผู้นำทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคมกว่า 1,500 คน กว่า 70 ประเทศ ร่วมกันแสดงวิสัยทัศน์จาก เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่น รวมถึงกำหนดทิศทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และประเด็นอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบกับประชาคมโลกนั่นเองค่ะ
สภาเศรษฐกิจโลก (The World Economic Forum : WEF) เป็น Non-Profit Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2514 โดย Klaus Schwab ศาสตราจารย์ชาวเยอรมัน ที่จบสาขาวิชาธุรกิจ มหาวิทยาลัยเจนีวา เดิมใช้ชื่อว่าสภาผู้บริหารยุโรป (European Management Forum) แล้วเปลี่ยนมาเป็นชื่อปัจจุบันในปี พ.ศ. 2530 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองโคโลจ์นี นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ค่ะ
WEF เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรนะคะ แต่มีรายได้ถึง 42% คิดเป็น 345 ล้านสวิสฟรังก์ (356 ล้านเหรียญดอลลาร์) และมีพนักงานถึง 800 คน ซึ่งเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจาก (Hakwamroo, 2563) โดยใครที่อยากเข้าร่วมเป็นสมาชิกจะต้องจ่ายเงินเป็นค่าธรรมเนียมรายปีประมาณ 25,000 สวิสฟรังก์ค่ะ สำหรับสมาชิกองค์กรประกอบด้วยผู้นำประเทศ, ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทชั้นนำของโลก อาทิ Donald Trump ,รัฐมนตรี, นักวิชาการ, ตลอดจนตัวแทนเยาวชน หรือผู้คิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยี
มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงสถานะของโลกในด้านธุรกิจ การเมือง การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสังคม กำหนดวาระอุตสาหกรรมแห่งภูมิภาคและโลก อีกทั้งเป็นเวทีของการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างประเทศรวมถึงสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์อีกด้วย โดยไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเชิงอุดมการณ์และพาณิชย์ แต่มุ่งมั่นที่จะทำโลกดีขึ้นด้วยแนวทางที่มีวัตถุประสงค์สามารถวัดผลได้ และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั่นเองค่ะ
สำหรับการประชุมครั้งล่าสุด คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า COVID-19 อาจทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ค่ะ แต่กำลังจะฟื้นตัและหวังว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2564 นี้ ทั้งยังชี้ให้เห็นถึงเศรษฐกิจยูโรโซนหดตัว 7% ในปี 2563 ประเมินปรับลดอัตราการเติบโตปีนี้ของ GDP ยูโรโซนเหลือ 2.1% ในวันเดียวกัน UN รายงาน สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและการคาดการณ์ กลุ่มประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วเผชิญหน้ากับสภาวะเศรษฐกิจหดตัว 5.6% ในปี 2563 และคาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ 4% ในปีนี้ ขณะที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนาหดตัว 2.5% ในปีที่แล้ว และจะฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้ 5.7% ขณะเดียวกันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกโดยรวมในปีนี้จะฟื้นตัวขึ้นมาได้ 4.7% หลังจากที่หดตัว 4.3% ในปีที่ผ่านมาค่ะ