JJNY : 'หมอชนบท'ต้าน!ผลประมูลATK│หมอมนูญเตือน!100วันข้างหน้าอันตราย│สาวตกงานเเครียดโดดตึกดับ│ล็อกดาวน์ยาวเสียหาย1ล.ล.

'หมอชนบท' ต้าน! ผลประมูล ATK 8.5 ล้านชิ้น
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/954303
 
 
ข่าวร้อนเช้านี้ "หมอชนบท" ต้าน! ผลประมูล ATK 8.5 ล้านชิ้น จี้องค์การเภสัชฯ อภ. จัดหา ATK (Antigen Test Kid) ที่มีคุณภาพมาตรฐาน ย้ำถ้าทหารต้องการรถถัง เครื่องบิน เรือดำน้ำคุณภาพสูง วงการแพทย์ก็ต้องการชุดตรวจ ATK มาตรฐานสูงระดับองค์การอนามัยโลก
 
แถลงการณ์ชมรมแพทย์ชนบท  
 
“องค์การเภสัชกรรมต้องจัดหา ATK ที่มีคุณภาพมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ”แถลงโดย นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ วันที่ 12 สิงหาคม 2564
 
เดิมการวินิจฉัยการติดเชื้อโควิดได้ผูกติดกับการตรวจ RT-PCR ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐาน แต่มีข้อจำกัดในการใช้เวลาในการตรวจนานและมีห้องปฏิบัติการที่ทำได้น้อยแห่ง มีความล่าช้าในการออกผล RT-PCR ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาราว 2 วัน ทำให้การรักษาเริ่มได้ช้า เมื่อรักษาช้าก็ทำให้ผู้ป่วยที่ป่วยหนักหรือเสียชีวิตมีมากขึ้น
 
ต่อมาชมรมแพทย์ชนบทได้เสนอการใช้ ATK (Antigen Test Kid) ที่ตรวจแล้วทราบผลได้ทันทีในปฏิบัติการแพทย์ชนบทบุกกรุง แต่ทั้งนี้ต้องใช้ ATK ที่มีคุณภาพสูงและได้มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก เพื่อผลที่แม่นยำ สร้างความมั่นใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในการให้การรักษาในทันทีโดยไม่ต้องรอผล RT-PCR

การที่องค์การเภสัชกรรมทำการจัดซื้อ ATK 8.5 ล้านชิ้นให้กับ สปสช.เพื่อกระจายให้โรงพยาบาลแจกจ่ายกับประชาชนนั้นน่าดีใจ แต่ผลการคัดเลือกผู้ชนะการประมูลนั้นมีปัญหา เพราะองค์การเภสัชกรรมใช้เกณฑ์ราคาถูกที่สุดเป็นตัวตัดสิน โดยไม่ได้ใส่ใจในการคัดเลือก ATK ที่มีคุณภาพสูง ทั้งนี้
 
ยี่ห้อ LEPU ที่ชนะการประมูลนั้นได้ถูกเรียกเก็บสินค้าออกจากตลาดสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ตามคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Drug Administration :FDA) ให้ระงับใช้ชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด
 
ทั้ง Antigen Rapid Test Kit และ Antibody Rapid Test Kit ของ Lepu Medical Technology เพราะให้ผลการตรวจที่ไม่แม่นยำ

ชมรมแพทย์ชนบทขอยืนยันว่า ชุดตรวจ ATK คือหัวใจของการควบคุมโรคโควิด ATK ต้องมีคุณภาพสูง ต้องมีความแม่นยำ ความจำเพาะและมีความไวตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (ซึ่งสูงกว่ามาตรฐาน อย.ไทย) หากใช้ ATK ที่ไม่แม่นยำ ย่อมต้องมีการตรวจซ้ำด้วย RT-PCR อีก จะเสียโอกาสของผู้ป่วยในการรักษาเร็ว อีกทั้งสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการตรวจ RTPCR เพิ่มเติมอีกด้วย ดังนั้นการประกาศผู้ชนะการประมูลขององค์การเภสัชกรรม ที่ได้ ATK ยี่ห้อที่ราคาถูกที่สุด แต่เป็นยี่ห้อที่มีข้อกังขาเรื่องความแม่นยำมากที่สุด จะทำให้การควบคุมโรคโควิดที่วิกฤตหนักมีปัญหาเพิ่มขึ้นอีกโดยใช่เหตุ
 
ชมรมแพทย์ชนบทขอให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบและสั่งการให้องค์การเภสัชกรรมยุติการลงนามในสัญญาการจัดซื้อครั้งนี้ และกำหนดมาตรฐานชุดตรวจ ATK ที่จะขายในประเทศไทยให้ต้องมีคุณภาพสูงระดับที่องค์การอนามัยโลกรับรอง
 
ทหารต้องการรถถัง เครื่องบิน เรือดำน้ำที่มีคุณภาพสูงเพื่อสู้ภัยผู้รุกรานฉันใด วงการแพทย์ก็ต้องการชุดตรวจ ATK ที่มีมาตรฐานสูงในระดับองค์การอนามัยโลกรับรองเพื่อสู้ภัยโควิดฉันนั้น
 
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4909098282450623&id=142436575783508
 

 
หมอมนูญ เตือน! 100 วันข้างหน้าอันตราย คนติดเชื้อและตายจากโควิดเดลต้าสูงขึ้น
https://www.springnews.co.th/news/813948
 
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ โพสต์ อีก 100 วันข้างหน้าจะอันตราย ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 "สายพันธ์ุเดลต้า" จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ  ล็อกดาวน์ก็เอาไม่อยู่!
 
 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุว่า 
 
100 วันข้างหน้าจะเป็น 100 วันอันตราย จำนวนคนติดเชื้อและเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในประเทศไทย จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง 
 
ต่อให้เรามีมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นแค่ไหน อยู่บ้าน ก็ไม่สามารถหยุดเชื้อได้ บ้านกลับเป็นแหล่งระบาดที่สำคัญที่สุด (ดูรูป) จึงควรผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์บางอย่างได้บ้าง ก่อนที่เศรษฐกิจจะเสียหายมากไปกว่านี้ ใน 100 วันข้างหน้าตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แท้จริงของประเทศไทยอาจเพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านคน หมายถึงคนไทยครึ่งประเทศจะติดเชื้อ และจะมีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 3 หมื่นคน 
 
คนไทยฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มแรกแล้ว 16 ล้านคน ยังขาดอีก 40-45 ล้านคน วิธีเดียวที่จะลดจำนวนผู้ป่วยหนักเข้านอนในรพ.และลดจำนวนคนเสียชีวิต คือการฉีดวัคซีน และต้องเร่งฉีดให้เร็วที่สุดภายใน 100 วันข้างหน้า ไม่ใช่รอถึงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า โดยปูพรมฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้คนไทยอีก 40-45 ล้านคน  ฉีดวันละ 5 แสนคน โดยให้เข็มแรกทุกคนไปก่อน เมื่อมีวัคซีนเพิ่ม ค่อยให้เข็ม 2 ในภายหลัง
 
ข้อมูลจากฝ่ายสื่อสารองค์กรบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ระบุว่าวัคซีนแอสตร้า 1 โดส มีประสิทธิภาพสูงในการลดการป่วยหนักถึงขั้นเข้ารพ.และเสียชีวิต โดยมีข้อมูลจากการใช้วัคซีนในประเทศแคนาดา พบว่าวัคซีน 1 โดส ป้องกันการเสียชีวิตที่เกิดจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาได้ 87% และสายพันธุ์อัลฟา 90% (ดูรูป)
 
ปัญหาสำคัญเรากำลังประสบขณะนี้ คือการขาดแคลนวัคซีนอย่างหนัก ผมเคยเขียนลงใน FB เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ปีนี้ เสนอให้รัฐบาลไทยเจรจาต่อรองกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าให้ส่งมอบวัคซีนที่สั่งจองล่วงหน้าให้ประเทศไทยเร็วขึ้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะประเทศไทยสั่งจองวัคซีนล่วงหน้าน้อยและช้ากว่าประเทศอื่น ผมเห็นด้วยกับ ศ.ดร.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามพรบ.ความมั่นคงด้านวัคซีนฯงดการส่งออกวัคซีนที่ผลิตที่ Siam Bioscience ให้ประเทศอื่นเป็นการชั่วคราว 
  
ขณะนี้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์มีกำลังการผลิตวัคซีนประมาณเดือนละ 10-15 ล้านโดส หากใช้อำนาจตาม พรบ.งดการส่งออก ทำให้ประเทศไทยมีวัคซีน 30-45 ล้านโดสในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ถ้าทำเช่นนั้นได้ เรามีโอกาสที่จะลดความสูญเสีย ลดจำนวนผู้ป่วยเข้านอนในโรงพยาบาลและลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้มากกว่าร้อยละ 80  แต่การฉีดวัคซีนไม่ได้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ การดำเนินการเช่นนี้จะมีผลกระทบต่อประเทศอื่นในภูมิภาคในการที่จะได้รับวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าลดลงชั่วคราว แต่เราจำเป็นต้องทำ ผมเชื่อว่าประเทศอื่นคงทำแบบเดียวกับเรา ถ้าเจอสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ย่ำแย่จากสายพันธุ์เดลตาเหมือนเราในขณะนี้
 
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2009524949214259&id=604030819763686
 

 
สาวอุบลฯตกงานเพราะโควิด ซ้ำแม่วัย94ป่วยติดเตียง เครียดสะสมโดดตึกดับ
https://www.dailynews.co.th/news/150934/

สาวอุบลราชธานี โดนพิษวิกฤตโควิด ทำตกงาน ต้องออกมาอยู่ดูแลแม่วัย 94 ป่วยติดเตียง ปีนดาดฟ้าชั้น 5 โดดลงมาดับ กลางเมืองปากน้ำ คาดชนวนเหตุเครียดสะสมหลายเรื่องรุมเร้า

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวานนี้ (11 ส.ค.) ร.ต.อ.สหรัฐ เทียมไชย รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุผู้เสียชีวิตตกจากที่สูงจากอาคารที่พักแห่งหนึ่งใน ต.บางโฉลง อ.บางพลี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทยเวร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 5 ชั้น พบศพหญิงชาว จ.อุบลราชธานี อายุ 58 ปี สภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่บริเวณลานจอดรถจยย.ด้านข้างอาคา เจ้าหน้าที่ต้องใส่ชุดPPE เข้าตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบรอยปีนบันไดหนีไฟ และรองเท้าผู้ตายอยู่บนดาดฟ้าชั้น 5 จึงเก็บและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเพิ่งมาซื้อห้องพักดังกล่าวอาศัยอยู่กับมารดา อายุ 94 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง และน้องสาวอีก 2 คน รวม 4 ชีวิตได้เพียง 2 ปี โดยมีห้องพักอยู่ที่ชั้น 3 และผู้ตายทำงานหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวตามปกติ แต่ช่วงระบาดโรคโควิดทำให้ตกงาน เลยมาอยู่บ้านคอยดูแลแม่ที่ป่วยติดเตียง ก่อนเกิดเหตุมีพยานเห็นผู้ตายลงมาพูดคุยกับเพื่อนบ้านในอาคารด้านล่าง กระทั่งมาพบเป็นศพตกลงมาดังกล่าว สันนิษฐานว่าผู้ตายจากคนที่เคยทำงานปกติ สุดท้ายต้องมาตกงานจากวิกฤติโควิด ทำให้เครียดไม่มีรายได้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยังมีแม่ที่อายุมากแล้วป่วยติดเตียงที่ต้องดูแล แล้วเป็นห่วงว่าจะติดเชื้อโควิด จนเกิดเป็นความเครียดสะสมตัดสินใจก่อเหตุสลด ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่