เรื่องสั้น : ก่อนถึงวันแม่




                10 สิงหาคม ณ ถนนแคบๆ รถวิ่งสวนกันได้สองคัน มีฟุตบาทประมาณ หนึ่งเมตรจากหน้าบ้าน วิภา คุณแม่ลูก 4 กำลังอบรมลูกชายคนเล็กอายุ 6 ขวบ ที่เรียน อนุบาลปีแรก ซึ่งกำลังงอแง เทข้าวสารลงพื้น 

ขณะที่ กบพี่ชายวัย 15 จับตัวได้ แป้งพี่สาววัย 14 เข้ามารีบหยิก และ ต้อมพี่สาวอีกคนวัย 11 ได้แต่ยืนดู แม่วิภา แทรกตัวเข้ามาขอลงมือเอง ตี มือ โจ้ลูกคนเล็ก เพราะวิภาโมโหมาก ด้วยว่า ข้าวสารนั้น มีมอดเยอะ ก่อนกินจึงต้องเลือก แต่ โจ้ ยังซนเทข้าวทิ้งพื้นเลยเกิดเหตุการณ์ชุลมุนในบ้านที่แคบประมาณ เดินสามก้าวผู้ใหญ่ จากฝาผนังบ้านด้านนึง ก็ถึงอีกด้านนึงแล้ว

เหตุการณ์จบลง ด้วย วิภา เผลอพูดไปด้วยอารมณ์โมโหว่า " ถ้าดื้อมากนัก เดี๋ยวจะไม่ไปรับกลับจากโรงเรียน " 
วิภาพูดจบ เธอก็ไปทำกับข้าว ไม่ได้จำด้วยซ้ำว่าพูดอะไรไป 

11 สิงหาคม วันรุ่งขึ้น ที่โรงเรียนวัดของรัฐบาลแห่งหนึ่ง โรงเรียนปกติเลิก 3 โมงครึ่ง แต่วันนั้นไม่ทราบว่า เหตุผลอันสมควรอันใด ทำให้ โรงเรียนเลิกเร็ว 1 ชั่วโมงครึ่ง 

2  โมงตรง เลิกเรียนแล้ว แต่แม่ไม่มา โจ้ เด็กอนุบาล ดูนาฬิกายังไม่เป็น เปิดเทอมเข้าเรียนมาได้ 5 เดือน เขาจำได้แต่ว่า เลิกเรียน แม่ต้องมารับ
ในเมื่อไม่เห็นแม่ แต่โรงเรียนเลิกแล้ว โจ้ เดินไปหยิบกระเป๋า เพื่อนนักเรียนอนุบาลหญิงทัก ว่า จะไปไหน โจ้พูดลอยๆว่า แม่ไม่มารับละ

และแล้วโรงเรียน ก็ไม่มีใครดูแล เด็กวัย 6 ขวบ เริ่มออกเดินทาง ระยะทาง 2 กิโลครึ่ง โจ้เลือกกลับได้สองทาง ตามที่แม่เคยพากลับบ้าน ผ่านมา 5 เดือน โจ้จำได้ทั้งสองทาง และ วันนี้โจ้เลือกกลับทางแรก ข้ามถนนเยอะหน่อย แต่เป็นถนนสั้นๆ มีถนนใหญ่บ้างสองสามช่วง ขณะที่ วิภาเดินมารับ อีกทางนึง

เมื่อวิภาไปถึงโรงเรียน ด้วยการเดินไป ปรากฎว่า โจ้เลือกไปอีกทางนึง แม่วิภา กับ โจ้ จึงไม่เจอกันระหว่างทาง และเมื่อวิภารู้ว่า โรงเรียน เลิกเร็วขนาดนั้น ก็ตกใจ ไม่มีครูคนไหน ตอบได้ว่าโจ้อยุ่ไหน จนมีแต่เพื่อนเด็กนักเรียนหญิง ที่เดินมาบอกแม่วิภาว่า โจ้ เดินไปแล้ว บอกว่า แม่ไม่มารับ 

วิภา ไม่สนใจเรื่องครูหน้าไหนจะรับผิดชอบอะไรกับ เรื่องอะไรที่โรงเรียนเลิกเร็วโดยไม่แจ้งผู้ปกครองล่วงหน้า เธอได้ยินแต่คำว่า แม่ไม่มารับ ซึ่ง ทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เธอพูดกับลูกชายตัวเล็กไว้เมื่อคืนนี้เอง เหมือนพระเจ้าจะโกรธที่ วิภา พูดแบบนั้น วิภาแอบคิด เธอ รีบเร่งออกจากโรงเรียน เดินตามหาลูกชาย ซึ่ง สิ่งที่เธอคิดก็คือว่า ลูกชาย จะปลอดภัยไหม เขาจะข้ามถนนอย่างไร เขาจะเจอคนร้ายจับไปไหม และ ลูกชายจะมีสมาธิในการเดินทางหรือไม่ เพราะ คำพูดของ โจ้ ที่บอกเพื่อน แสดงถึง อารมณ์ที่ไม่ปกติ ลูกของ วิภา จะต้อง เดินอย่างครุ่นคิดว่าทำไม แม่ไม่มารับ แน่นอน 

วิภา เดินทางอย่างคนร้อนใจ จนเธอมาเจอกับลูกชายคนโต กบ เธอจึงบอกให้ กบ ที่เร็วกว่า รีบกลับไปบ้าน ดูว่า น้องอยู่ไหม ขณะที่เธอก็รีบเท่าที่จะรีบได้ และ เธอไม่เรียกรถแท้กซี่ เพราะเผื่อว่าเธอจะเจอระหว่างทาง 

โจ้ เดินไปเรื่อยๆ แบบที่วิภาคิด อารมณ์ ขุ่นๆ แบกกระเป๋า จนมาถึงจุดที่ ตำรวจจราจร เห็น ตำรวจ บอกให้รถหยุด และพาข้ามถนน แต่ก็แค่นั้น ตำรวจ ก็คงคิดว่า แม่เด็กไปไหน แต่ โจ้ ก็ยังต้องเดินคนเดียวต่อไป และมาถึงจุดข้ามถนนที่ไม่มีไฟแดง โจ้ มองซ๊าย ขวา แล้วเดินไปตามประสา ถ้ามีรถเลี้ยวมา เขาคงไม่เห็น แต่ก็ข้ามไปจนถึงอีกฝั่งได้ 

โจ้ มาถึงบ้านคนแรก เพื่อนบ้านถาม แม่ไปไหน โจ้ ยิ้มๆ ถึงหน้าบ้านแล้ว พี่ชาย มาถึงในเวลาไม่นาน มองอย่าง อยากจะเตะสักที แต่แม่วิภาสั่งไว้ ว่าอย่าไปดุน้อง วิภา เดินตามมาถึงในไม่นาน ในวัย 46 เหนื่อยเธอไม่กลัว แต่ใจเต้นรัวมาตลอดทาง 

โอกาสที่ วิภา จะเสียลูกชายไป มีมากน้อยเท่ากันก็ว่าได้ ขอบคุณพระเจ้า ที่คุ้มครองลูกชายเธอจนปลอดภัยถึงบ้าน 

12 สิงหาคม วันเสาร์ วิภาได้อยู่กับลูกๆครบ และนั่นคือของขวัญวันแม่ที่ลูกๆให้ ทั้งที่ไม่มีใครให้อะไรวิภาเลย แต่วิภาถือว่าเธอได้ของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว

หลังจากวันนั้น โจ้ ก็ทำอีกหลายอย่างให้ แม่ วิภา ตกใจ  ถึงขั้นนอนไม่หลับเลยก็มี กว่าเขาจะโตจนเรียน จบปริญญาในที่สุด ให้แม่ได้อุ่นใจในอนาคตของเขาว่าได้ส่งลูกชายถึงฝั่งแล้ว อนาคตจะดีจะร้าย อย่างน้อยแม่ก็ทำดีที่สุดแล้ว

จบ....

วันแม่ บอกรักแม่ 
วันแม่ ซื้อของให้แม่
วันแม่ กินข้าวกับแม่ 
วันแม่ กอดแม่ อยู่กับแม่ 

แม่ก็คือ คนธรรมดาคนนึง อาจพูดหรือทำผิดได้ แต่เจตนาต่อลูกนั้นล้วนหวังดี 
แต่ ... จะมีลูกคนไหนเข้าใจความห่วงใยของแม่จริงๆที่มีต่อลูก  ว่าแม่นั้นรักลูกขนาดไหน
เราทำให้แม่ กินไม่ได้นอนไม่หลับกันมามากเท่าไหร่ เผลอเราเองก็ไม่รู้หรอก

วันแม่ เข้าใจแม่ให้มากขึ้น แค่นั้นคงทำให้แม่สุขใจที่สุดแล้ว ....

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่