สวัสดีครับ ต้องขอโทษและขอเตือนก่อนนะครับ ว่ากระทู้นี้อาจจะมีเรื่องของความเชื่อศาสนามาเกี่ยวข้องด้วย
ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการคุยกันด้วยนะครับ ผมจะพยายามพิมพ์ให้เป็นกลางที่สุด เพื่อที่ผมจะได้พิจารณาความคิดผมด้วย
และถ้าใครไม่อยากจะอ่านเหตุผลของผมที่พิมพ์ยืดยาว เลื่อนไปข้อล่างได้เลยครับ ผมเตรียมสรุปไว้ให้แล้ว
สาเหตุแบบละเอียด อ่านในสปอยได้เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องมีอยู่ว่า วันนี้ที่ 8 ส.ค 64 คุณปู่ของผมพึ่งเสียชีวิตจากอาการโควิค
ก่อนหน้านี้ท่านก็มีโรคประจำตัวเยอะอยู่แล้ว ทั้งความดัน เบาหวาน และเป็นโรคอัลไซเมอร์ด้วย
ซึ่งปู่ของผมก็มีอายุ 90 ปีแล้ว ซึ่งถือว่าท่านแข็งมากเลยครับที่อายุยืนได้ขนาดนี้
ก่อนท่านเสีย เวลาเจอท่านจะบอกกับผมและพี่ชายเสมอว่า
"ก่อนเสีย ปู่อยากเห็นหลานบวชก่อนจะไปนะ ปู่อยากเห็นพวกเองห่มผ้าเหลืองก่อนจากกัน"
ฟังดูอาจจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหาอยู่ที่ตัวผมครับ
ตัวผมเป็นคนที่เคยบวชเณรไปแล้วครั้งนึงตอนอายุ 13 ปี บวชเป็นเพื่อนพี่ชายที่อายุ 23 ตอนนั้น
ผมเองก็ได้เห็นชีวิตในวัดที่มีแต่
กินเหล้า จีบผู้หญิง คุยโม้เรื่องเงินที่ได้จากการไปทำพิธีขึ้นบ้านใหม่หรือทำกิจกรรมงานวัดอะไรต่างๆ
และยังมีเรื่องของส่วนแบ่งเงินกันด้วย ใครสวดเก่งได้มาก ใครสวดไม่เป็นได้น้อย แถมผมยังเคยเห็นเจ้าอาวาสเอาเงินบริจาคไปซื้อเบนซ์มาขับด้วย
ภาพที่ผมเห็น มันทำให้ผมคิดว่า "นี่มันคือสังคมนักเลงในผ้าเหลืองดีๆนี่เอง"
หลังจากศึกเสร็จ ผมก็หมดศรัทธาในศาสนาพุทธไปเลย และผมก็เลิกนับถือศาสนาตั้งแต่นั้นมา
รับแค่คำสอนพอเพราะผมรู้สึกว่าบางคำสอนยังมีประโยชน์กับเราอยู่
แต่ผมขอไม่นับถือศาสนาพุทธต่อ เพราะผมรู้สึกแย่ที่ศาสนาที่ผมถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ได้เจอจริงมันแย่กว่าที่เราได้ยินอย่างสวยหรู
และนั่นก็คือเหตุผลแรกที่ผมเล่าไป เหตุผลที่สองคือ
ผมไม่ได้สนิทกับคุณปู่มากนัก เรียกได้เลยว่าเจอหน้ากันนับครั้งได้เลยครับ
เพราะคุณแม่ผมได้ฟ้องหย่าร้างกันกับพ่อผม ตอนผมยัง 5 ขวบ
เพราะพ่อจะชอบเอาเงินไปเล่นพนัน ซื้อทองมาใส่ และก็ทำตัวเป็นเสี่ยแจกเงินเพื่อนไปทั่ว
แถมญาติๆของพ่อผมเองก็ชอบโกงเงินคุณแม่ตลอด แม้จะหย่ากันแล้วแต่แม่ผมก็ยังโดนโกงจากคนบ้านนั่นเรื่อยๆ
เราเลยห่างกันฝ่ายบ้านของคุณพ่อไปนานเลย
โชคดีที่คุณปู่และคุณย่าผมท่านไม่เคยโกงเงินใคร แถมยังช่วยต่อว่าญาติๆลูกๆที่ไปยุ่งเงินของคนอื่นและแม่ผม (ซึ่งก็ไม่สำนึกกันนั่นแหละครับ)
แม่ผมเลยสนิทและนับถือคุณย่า คุณปู่มาก
แต่ผมไม่ค่อยได้รู้จักคุณปู่เลยครับ เพราะเกิดมา 5 ขวบ พ่อแม่ก็หย่ากันแล้ว แถมไม่เคยไปอยู่กับคุณปู่เลย
เราไม่รู้เลยว่าเขาชอบอะไร ไม่รู้เรื่องราวอะไรกับเขาเลย และไม่รู้เลยว่าเขาเป็นคนยังไง รู้แค่ปากต่อปากว่า "คุณปู่คุณย่าลูกเป็นคนดีนะ"
ผมไม่เคยผูกพันธ์หรือรู้จักอะไรเกี่ยวกับคุณปู่เลยครับ ชื่อ วันเกิดก็ยังไม่รู้
พอได้เจอกัน ก็มีแต่ถามว่า "กินข้าวยัง, เรียนที่ไหน, เรียนอะไร, โตไปจะทำอะไร"
เราเลยไม่ได้แชร์เรื่องราวของเรากันเลย แถมบางเรื่องผมเองก็ไม่สามารถคุยกับคุณปู่ได้ด้วย
ผมเลยไม่ได้มองเขาเป็นคุณปู่ แต่ผมมองเขาเป็นเหมือน "คุณปู่ทั่วไปที่ยังหัวโบราณอยู่" เพราะเขาก็เหมือนปู่ย่าตายายทั่วไปๆ ในไทยเรานี่แหละครับ
และนั่นก็คือสาเหตุทั้งหมดของเหตุการณ์นี้ครับ
สรุปว่า
วันนี้ ญาติของบ้านพ่อผมโทรมาแจ้งแม่ผมว่าปู่ท่านเสียแล้วนะ ก่อนท่านเสียท่านอยากจะให้ลูกเราไปบวชหน้าไฟให้หน่อย
คุณแม่ผมเองเสียใจที่รู้เรื่องนี้ และร้องไห้ ส่วนคุณพี่ผมก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เพราะพี่ชายผมเขาเคยอยู่กับปู่มาก่อนผมเกิด
แต่ผมนิ่งเฉยต่อหน้าคุณแม่และพี่ผมเลยครับ แถมผมเองก็บอกแม่กับพี่ชายว่า "ผมขอโทษนะ ผมไม่อยากบวชหน้าไฟ"
สาเหตุเพราะผมไม่ได้สนิทกับเขาเลยครับ
แถมผมไม่ได้นับถือศาสนาพุทธแล้ว เพราะเราเคยเห็นเรื่องแย่ๆในวัดครั้งนึงตอนบวชเณร เลยไม่อยากบวชอีกแล้ว
แต่แม่ผมก็ว่าผมเป็นคนเลือดเย็น พร้อมทั้งพูดว่า
"คิดดีๆก่อนพูดหน่อย ถ้าไปพูดต่อหน้าคนอื่นจะคิดยังไง จะไม่นับถืออะไรก็แล้วแต่ แต่คิดดูๆดี นี่ปู่ของเรานะ ถ้าไม่มีปู่ จะไม่มีพ่อ และลูกจะไม่ได้เกิดมา "
ส่วนพี่ชายผม เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่ได้เข้าใจผมมากนัก พี่ชายผมพูดกับผมว่า
"พี่เคารพการตัดสินใจของน้องนะ เดี๋ยวโตไปแล้วจะเข้าเอง น้ำใจให้คนตายเราควรมีนะ ถ้าเองตายขึ้นมาแล้วฝากอะไรไว้ จะรู้สึกยังไง"
ซึ่งผมก็มองว่าน้ำใจมันควรเป็นการตัดสินใจของอีกฝ่ายมากกว่า ผมไม่ได้สนิท ผูกพันธ์ หรือรู้จักคุณปู่เลย เรื่องดีๆ ก็ไม่เคยได้ยิน เรื่องแย่ๆ ก็ไม่เคยได้ยิน
แถมผมไม่ได้อยากนับถือศาสนาพุทธแล้ว ยิ่งไปบวชแบบฝืนๆแบบไม่ได้นับถืออะไร ผมมองว่ามันก็เป็นการดูถูกศาสนา
และญาติๆฝ่ายพ่อผมก็ชอบโกงกินชาวบ้าน พ่อผมเองก็เคยโกงแม่มาแล้วเลยหย่าร้างกัน
ญาติๆที่เคยทำเรื่องแย่ๆกับครอบครัวเรามาแล้ว ผมไม่อยากจะบวชต่อหน้าคนพวกนั้นด้วย
ซึ่งโชคดีที่คุณปู่คุณย่าผม ไม่เคยโกงใคร แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันธ์อะไรอยู่ดี
หลังจากเถียงเป็นเวลา 2 ชม.
ผมก็ยอมแม่และพี่ไป และก็มานั่งเครียดและสงสัยว่าผมมันเป็นคนเลือดเย็น ไร้ความรู้สึกเหมือนที่แม่ว่ารึเปล่า
หรือผมเป็นคนไร้มารยาท ไม่มีน้ำใจ หรือไม่รู้จักโต ไม่เปิดใจ เหมือนที่พี่ชายแอบๆว่ารึเปล่า
หรือ mindset ผมมันแย่ครับ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ฝืนๆบวชแค่วันเดียวเอง ญาติๆฝ่ายนู้นจะได้มองเราดีๆหน่อย
คิดเห็นอย่างไร คุณปู่เสียชีวิต ก่อนสิ้นเขาอยากเห็นหลานบวชหน้าไฟ แต่หลานไม่อยากทำ
ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการคุยกันด้วยนะครับ ผมจะพยายามพิมพ์ให้เป็นกลางที่สุด เพื่อที่ผมจะได้พิจารณาความคิดผมด้วย
และถ้าใครไม่อยากจะอ่านเหตุผลของผมที่พิมพ์ยืดยาว เลื่อนไปข้อล่างได้เลยครับ ผมเตรียมสรุปไว้ให้แล้ว
สาเหตุแบบละเอียด อ่านในสปอยได้เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปว่า
วันนี้ ญาติของบ้านพ่อผมโทรมาแจ้งแม่ผมว่าปู่ท่านเสียแล้วนะ ก่อนท่านเสียท่านอยากจะให้ลูกเราไปบวชหน้าไฟให้หน่อย
คุณแม่ผมเองเสียใจที่รู้เรื่องนี้ และร้องไห้ ส่วนคุณพี่ผมก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เพราะพี่ชายผมเขาเคยอยู่กับปู่มาก่อนผมเกิด
แต่ผมนิ่งเฉยต่อหน้าคุณแม่และพี่ผมเลยครับ แถมผมเองก็บอกแม่กับพี่ชายว่า "ผมขอโทษนะ ผมไม่อยากบวชหน้าไฟ"
สาเหตุเพราะผมไม่ได้สนิทกับเขาเลยครับ
แถมผมไม่ได้นับถือศาสนาพุทธแล้ว เพราะเราเคยเห็นเรื่องแย่ๆในวัดครั้งนึงตอนบวชเณร เลยไม่อยากบวชอีกแล้ว
แต่แม่ผมก็ว่าผมเป็นคนเลือดเย็น พร้อมทั้งพูดว่า
"คิดดีๆก่อนพูดหน่อย ถ้าไปพูดต่อหน้าคนอื่นจะคิดยังไง จะไม่นับถืออะไรก็แล้วแต่ แต่คิดดูๆดี นี่ปู่ของเรานะ ถ้าไม่มีปู่ จะไม่มีพ่อ และลูกจะไม่ได้เกิดมา "
ส่วนพี่ชายผม เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่ได้เข้าใจผมมากนัก พี่ชายผมพูดกับผมว่า
"พี่เคารพการตัดสินใจของน้องนะ เดี๋ยวโตไปแล้วจะเข้าเอง น้ำใจให้คนตายเราควรมีนะ ถ้าเองตายขึ้นมาแล้วฝากอะไรไว้ จะรู้สึกยังไง"
ซึ่งผมก็มองว่าน้ำใจมันควรเป็นการตัดสินใจของอีกฝ่ายมากกว่า ผมไม่ได้สนิท ผูกพันธ์ หรือรู้จักคุณปู่เลย เรื่องดีๆ ก็ไม่เคยได้ยิน เรื่องแย่ๆ ก็ไม่เคยได้ยิน
แถมผมไม่ได้อยากนับถือศาสนาพุทธแล้ว ยิ่งไปบวชแบบฝืนๆแบบไม่ได้นับถืออะไร ผมมองว่ามันก็เป็นการดูถูกศาสนา
และญาติๆฝ่ายพ่อผมก็ชอบโกงกินชาวบ้าน พ่อผมเองก็เคยโกงแม่มาแล้วเลยหย่าร้างกัน
ญาติๆที่เคยทำเรื่องแย่ๆกับครอบครัวเรามาแล้ว ผมไม่อยากจะบวชต่อหน้าคนพวกนั้นด้วย
ซึ่งโชคดีที่คุณปู่คุณย่าผม ไม่เคยโกงใคร แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันธ์อะไรอยู่ดี
หลังจากเถียงเป็นเวลา 2 ชม.
ผมก็ยอมแม่และพี่ไป และก็มานั่งเครียดและสงสัยว่าผมมันเป็นคนเลือดเย็น ไร้ความรู้สึกเหมือนที่แม่ว่ารึเปล่า
หรือผมเป็นคนไร้มารยาท ไม่มีน้ำใจ หรือไม่รู้จักโต ไม่เปิดใจ เหมือนที่พี่ชายแอบๆว่ารึเปล่า
หรือ mindset ผมมันแย่ครับ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ฝืนๆบวชแค่วันเดียวเอง ญาติๆฝ่ายนู้นจะได้มองเราดีๆหน่อย