'วิโรจน์' ฮึ่ม ทวงไฟเซอร์ให้ด่านหน้า ข้องใจทำไมรัฐต้องสร้างเงื่อนไขให้ยุ่งยาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_2859831
‘วิโรจน์’ ฮึ่ม ทวงไฟเซอร์ให้ด่านหน้า ข้องใจทำไมรัฐต้องสร้างเงื่อนไขให้ยุ่งยาก
“วิโรจน์” ขอทวงไฟเซอร์ให้ด่านหน้า ข้องใจทำไมรัฐต้องสร้างเงื่อนไขให้ยาก
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เขียนข้อความแสดงความเห็น แสดงความข้องใจ กรณีเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคลากรแพทย์ด่านหน้า โดยระบุว่า
ทำไมพยาบาล แพทย์ และบุคลากรด่านหน้า จะได้ Pfizer ฉีดเป็นเข็มที่ 3 นี่มันยากจังนะ
ขวัญและกำลังใจของบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ไม่ได้ถูกทำลายลงเพราะการอภิปรายของผมหรอกครับ
ถ้าจะถูกทำลาย มันน่าจะมาจาก สิ่งที่รัฐบาลนี้ปฏิบัติกับพวกเขามากกว่า
ทำไมรัฐบาลไม่ยืนยันความจำเป็นที่จะต้องฉีด Pfizer ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน
เหมือนกับที่ยืนกรานมาตลอดว่า การซื้อเรือดำน้ำมันจำเป็น (-ะ)
ง่ายๆ คือ เอา Pfizer ที่ได้รับบริจาค มาฉีด Boost ให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่แสดงความประสงค์มา ก็คือ จบ
เมื่อเขาทำงานที่เสี่ยงที่สุด รัฐก็ต้องมอบความปลอดภัยที่สูงสุดให้กับพวกเขา
ทำไมต้องมาสร้างเงื่อนไขอะไรให้ยากด้วยนะ
#ทวงPfizerให้หน่วยด่านหน้า
https://twitter.com/wirojlak/status/1421134471122735108
https://twitter.com/wirojlak/status/1421331366747119616
หมอพิมพ์ใจ ชี้ เกณฑ์ไฟเซอร์ ทำแพทย์หลายคนพลาดสิทธิ หวังทุกคนได้วัคซีนมีประสิทธิภาพ
https://www.matichon.co.th/local/news_2859678
หมอพิมพ์ใจ เผยเกณฑ์ไฟเซอร์ ทำบุคลากรทางการแพทย์หลายคนถูกตัดสิทธิ หวังถูกใช้อย่างคุ้มค่าจริงๆ
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พญ.
พิมพ์ใจ เดชรุ่งเรือง แพทย์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Mhor Pimjai ถึงประเด็นการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ โดยระบุว่า
“วันนี้ตื่นมาพบกับข่าวยอดผู้ติดเชื้อแตะ 18,912 คน และที่น่าเศร้าคือมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 178 คน
แต่ข่าวการเข้ามาของวัคซีน Pfizer ก็พอจะทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่พอได้อ่านเกณฑ์ในการได้รับวัคซีนของบุคลากรทางการแพทย์แล้วก็ใจแป้วเลย เพราะจะต้องเป็นบุคลการที่ได้รับ Sinovac 2 เข็ม ถึงจะมีสิทธิเข้าเกณฑ์นี้
ข้อกำหนดที่ตั้งมานี้ทำให้มีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากที่ไม่เข้าเกณฑ์ ทั้งคนที่ได้รับ Sinovac มาเข็มเดียว หรือ AstraZeneca เข็มเดียวและ 2 เข็ม อีกทั้งมีบุคลากรทางการแพทย์อีกหลายคนที่ตัดใจเลือกฉีด AstraZeneca กระตุ้นเป็นเข็มที่สามไปก่อน เพราะต้องทำงานกับความเสี่ยงตลอดเวลาและไม่อยากรอ Pfizer ที่ไม่มีใครการันตีให้เลยว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่
อย่างที่เคยบอกไว้ว่าไม่มีวัคซีนไหนมีประสิทธิภาพป้องกันได้ 100% แต่ก็มีรายงานการศึกษาต่างๆ ออกมามากมายที่พอจะเป็นแนวทางในการบริหารจัดการวัคซีนได้ เช่น การใช้ AstraZeneca แล้วตามด้วย Pfizer ก็สามารถกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันได้ดีมากกว่า AstraZeneca 2 เข็ม
เราเพียงแค่อยากขอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อลดการติดเชื้อในโรงพยาบาลที่เป็นปราการสำคัญ เพราะหากบุคลากรทางการแพทย์ติดแล้ว เราจะสูญเสียกำลังการทำงานไปเยอะมากๆ ดังเช่นที่ต้องปิดวอร์ดต่างๆ หรือปิดห้องฉุกเฉินเพราะมีบุคลากรติดเชื้อ และหากติดแล้วไม่มีอาการก็อาจจะนำไปติดในคนไข้รายอื่นต่อได้
สุดท้ายนี้หวังว่าวัคซีนที่เข้ามาจะถูกนำไปใช้ให้คุ้มค่ากับบุคคลกรด่านหน้าจริงๆ รวมไปถึงประชาชนกลุ่มเสี่ยงให้ได้มากที่สุดนะคะ และในอนาคตก็อยากจะให้ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเร็วๆนี้เช่นเดียวกัน”
https://www.facebook.com/MhorPimjai/posts/564682988226447
สลดใจ2ผู้สูงวัยตายคาบ้านพัก ญาติสงสัยฉีดวัคซีนได้8วันแต่กลับติดโควิดดับ
https://www.dailynews.co.th/news/111682/
เจ้าหน้าที่เข้าเก็บศพ 2 ตายาย วัย 68 ปี หลังป่วยโควิด-19 แล้วอาการทรุดหนักสิ้นใจในบ้านพักตัวเอง ขณะที่น้องชายผู้ตายติดเชื้อนอนหมดแรงไปด้วยกัน ภายหลังญาติตั้งข้อสงสัยเพิ่งไปฉีดวัคซีนได้ 8 วัน กลับติดเชื้อเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ร.ต.อ.
เอกชัย สึรวิกรานต์ รอง สว.(สอบสวน) สน.หนองแขม รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ เขตหนองแขม กรุงเทพฯ จึงประสานเจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊ง ชุดปฏิบัติการพิเศษโควิด-19 เข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นลักษณะทาวน์โฮม ตรวจสอบภายในบ้านพบหญิงอายุ 68 ปี นอนหงายเสียชีวิตที่หน้าห้องน้ำ และพบผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นชาย อายุ 68 ปี นั่งเสียชีวิตอยู่บนชักโครกภายในห้องน้ำ นอกจากนี้ยังพบชายอีก 1 ราย อายุ 58 ปี นั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเก้าอี้ไม้ จากการสอบถามพบว่า หญิงที่นอนเสียชีวิตคือพี่สะใภ้ ส่วนชายที่เสียชีวิตในห้องน้ำ คือ พี่ชาย
โดย น.ส
เอ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี หลานสาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าวมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ 3 คน คือ ตา, ยาย และน้องชายของตา ส่วนตัวหลานเองพักอยู่ที่บ้านอีกหลังใกล้กัน โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา หลานสาวได้พายายไปฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 เมื่อกลับถึงบ้าน ช่วงกลางดึก ยายได้โทรศัพท์มาบอกว่ามีอาการไม่สบาย ตัวร้อน จึงคิดว่าเป็นอาการข้างเคียงปกติของผู้ที่ได้รับวัคซีน แต่พบว่า ยายยังมีอาการไข้ ตัวร้อน และเหนื่อยง่าย อีกหลายวัน นอกจากนี้คนที่เหลือภายในบ้านก็มีอาการในลักษณะเดียวกัน
หลานสาวเปิดเผยอีกว่า กระทั่งวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปซื้อชุดตรวจโควิด-19 แบบ Antigent test มาตรวจ ยายก็พบว่า ติดเชื้อโควิด-19 ก่อนจะประสานโรงพยาบาล แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ เนื่องจากเป็นการยืนยันผลโดยซื้อที่ตรวจมาตรวจเอง จนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เดินทางมาเยี่ยมตาและยาย เมื่อตะโกนเรียกก็ไม่มีเสียงตอบกลับ จึงเข้าไปดูในบ้านพบยายนอนเสียชีวิตหน้าห้องน้ำ ตาก็เสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ ส่วนน้องชายตา มีอาการไม่มีเรี่ยวแรง จึงรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ญาติยังคงติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของการฉีดวัคซีนด้วยหรือไม่ ที่ทำให้มีอาการป่วยทรุดหนัก เพราะทางผู้สูงอายุสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว คุณตาและน้องชายก็มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน ความดัน หัวใจ และคุณยายก็มีโรคประจำตัวในเรื่องไขข้อกระดูก อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำร่าง คุณตาและคุณยาย ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดบางม่วง จ.นนทบุรี ส่วนน้องชายคุณตาถูกนำตัวไปรักษาที่ รพ.วิชัยเวชอ้อมน้อย เรียบร้อยแล้ว.
สาวเครียดป่วยโควิด-ไร้งานทำ คว้ามีดแทงคอตัวเองดับคาดาดฟ้าแฟลตย่านบางแค
https://www.dailynews.co.th/news/111792/
สาวใหญ่วัย 50 ปี เกิดอาการเครียดจัดหลังเพิ่งไปรับการรักษาโควิด-19 คว้ามีดแทงคอตัวเองดับคาดาดฟ้า แฟลตย่านบางแค
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ร.ต.อ.
ธิระสาร นรินทร์สรศักดิ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.หลักสอง รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในแฟลตแห่งหนึ่ง ย่านเพชรเกษม ถนนเพชรเกษม ต.บางแคเหนือ เขต บางแค กรุงเทพฯ จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลธิป่อเต็กตึ๊งชุดปฏิบัติการพิเศษโควิด-19 ที่เกิดเหตุอยู่บนดาดฟ้าแฟลตดังกล่าว พบร่าง น.ส.
เอ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ชาว จ.มหาสารคาม สภาพสวมเสื้อสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นลายปลาสีขาวดำ มีมีดทำครัวยาว 20 ซม. ปักที่ลำคอ เสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ
จากการสอบสวน ด้าน นางจันดา (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี แม่บ้านของตึกดังกล่าวให้การว่า ผู้ตายเป็นพนักงานโรงงานเย็บผ้า พักอาศัยอยู่เพียงลำพัง เนื่องจากสามีเสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนลูกก็อยู่ที่ต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับไต ต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
โดยก่อนหน้านี้ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก็พบว่าผลเป็นบวก จึงได้ประสานรถพยาบาลมารับตัวไปรักษา และเข้าขั้นตอนการกักตัว ครบ 14 วัน จนกลับมาห้องพักเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ผู้ตายบ่นว่าอาการไม่ดีขึ้น แขนขาอ่อนแรง จึงบอกให้ผู้ตายพักอยู่แต่ในห้องไม่ต้องออกมา และจะส่งอาหารให้ จนกระทั่งวันนี้ ขณะที่ผู้พักอาศัยในแฟลตกำลังขึ้นไปเก็บผ้าที่ตากไว้บนดาดฟ้า ก็เห็นผู้ตายขณะนั้นกำลังเอามีดปาดคอตัวเอง ด้วยความตกใจจึงรีบลงมาตามหาแม่บ้าน และตะโกนขอความช่วยเหลือ ก่อนจะรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ซึ่งก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์นี้ ผู้ตายเคยบ่นว่ารู้สึกเหนื่อยและท้อแท้กับชีวิต ที่มีโรคประจำตัว และไม่มีงานทำ ก่อนตัดสินใจจบชีวิต เบื้องต้นตำรวจจะนำร่างส่งนิติเวช รพ.ศิริราช ก่อนประสานญาติเพื่อนำศพไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป
JJNY : 5in1 วิโรจน์ทวงไฟเซอร์│หมอชี้แพทย์หลายคนพลาดสิทธิ│2ผู้สูงวัยตายคาบ้าน│สาวเครียดแทงคอดับ│เชื่อมั่นศก.ก.ค.ลดทุกภาค
https://www.matichon.co.th/politics/news_2859831
‘วิโรจน์’ ฮึ่ม ทวงไฟเซอร์ให้ด่านหน้า ข้องใจทำไมรัฐต้องสร้างเงื่อนไขให้ยุ่งยาก
“วิโรจน์” ขอทวงไฟเซอร์ให้ด่านหน้า ข้องใจทำไมรัฐต้องสร้างเงื่อนไขให้ยาก
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เขียนข้อความแสดงความเห็น แสดงความข้องใจ กรณีเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคลากรแพทย์ด่านหน้า โดยระบุว่า
ทำไมพยาบาล แพทย์ และบุคลากรด่านหน้า จะได้ Pfizer ฉีดเป็นเข็มที่ 3 นี่มันยากจังนะ
ขวัญและกำลังใจของบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ไม่ได้ถูกทำลายลงเพราะการอภิปรายของผมหรอกครับ
ถ้าจะถูกทำลาย มันน่าจะมาจาก สิ่งที่รัฐบาลนี้ปฏิบัติกับพวกเขามากกว่า
ทำไมรัฐบาลไม่ยืนยันความจำเป็นที่จะต้องฉีด Pfizer ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน
เหมือนกับที่ยืนกรานมาตลอดว่า การซื้อเรือดำน้ำมันจำเป็น (-ะ)
ง่ายๆ คือ เอา Pfizer ที่ได้รับบริจาค มาฉีด Boost ให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่แสดงความประสงค์มา ก็คือ จบ
เมื่อเขาทำงานที่เสี่ยงที่สุด รัฐก็ต้องมอบความปลอดภัยที่สูงสุดให้กับพวกเขา
ทำไมต้องมาสร้างเงื่อนไขอะไรให้ยากด้วยนะ
#ทวงPfizerให้หน่วยด่านหน้า
https://twitter.com/wirojlak/status/1421134471122735108
https://twitter.com/wirojlak/status/1421331366747119616
หมอพิมพ์ใจ ชี้ เกณฑ์ไฟเซอร์ ทำแพทย์หลายคนพลาดสิทธิ หวังทุกคนได้วัคซีนมีประสิทธิภาพ
https://www.matichon.co.th/local/news_2859678
หมอพิมพ์ใจ เผยเกณฑ์ไฟเซอร์ ทำบุคลากรทางการแพทย์หลายคนถูกตัดสิทธิ หวังถูกใช้อย่างคุ้มค่าจริงๆ
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พญ.พิมพ์ใจ เดชรุ่งเรือง แพทย์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Mhor Pimjai ถึงประเด็นการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ โดยระบุว่า
“วันนี้ตื่นมาพบกับข่าวยอดผู้ติดเชื้อแตะ 18,912 คน และที่น่าเศร้าคือมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 178 คน
แต่ข่าวการเข้ามาของวัคซีน Pfizer ก็พอจะทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่พอได้อ่านเกณฑ์ในการได้รับวัคซีนของบุคลากรทางการแพทย์แล้วก็ใจแป้วเลย เพราะจะต้องเป็นบุคลการที่ได้รับ Sinovac 2 เข็ม ถึงจะมีสิทธิเข้าเกณฑ์นี้
ข้อกำหนดที่ตั้งมานี้ทำให้มีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากที่ไม่เข้าเกณฑ์ ทั้งคนที่ได้รับ Sinovac มาเข็มเดียว หรือ AstraZeneca เข็มเดียวและ 2 เข็ม อีกทั้งมีบุคลากรทางการแพทย์อีกหลายคนที่ตัดใจเลือกฉีด AstraZeneca กระตุ้นเป็นเข็มที่สามไปก่อน เพราะต้องทำงานกับความเสี่ยงตลอดเวลาและไม่อยากรอ Pfizer ที่ไม่มีใครการันตีให้เลยว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่
อย่างที่เคยบอกไว้ว่าไม่มีวัคซีนไหนมีประสิทธิภาพป้องกันได้ 100% แต่ก็มีรายงานการศึกษาต่างๆ ออกมามากมายที่พอจะเป็นแนวทางในการบริหารจัดการวัคซีนได้ เช่น การใช้ AstraZeneca แล้วตามด้วย Pfizer ก็สามารถกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันได้ดีมากกว่า AstraZeneca 2 เข็ม
เราเพียงแค่อยากขอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อลดการติดเชื้อในโรงพยาบาลที่เป็นปราการสำคัญ เพราะหากบุคลากรทางการแพทย์ติดแล้ว เราจะสูญเสียกำลังการทำงานไปเยอะมากๆ ดังเช่นที่ต้องปิดวอร์ดต่างๆ หรือปิดห้องฉุกเฉินเพราะมีบุคลากรติดเชื้อ และหากติดแล้วไม่มีอาการก็อาจจะนำไปติดในคนไข้รายอื่นต่อได้
สุดท้ายนี้หวังว่าวัคซีนที่เข้ามาจะถูกนำไปใช้ให้คุ้มค่ากับบุคคลกรด่านหน้าจริงๆ รวมไปถึงประชาชนกลุ่มเสี่ยงให้ได้มากที่สุดนะคะ และในอนาคตก็อยากจะให้ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเร็วๆนี้เช่นเดียวกัน”
https://www.facebook.com/MhorPimjai/posts/564682988226447
สลดใจ2ผู้สูงวัยตายคาบ้านพัก ญาติสงสัยฉีดวัคซีนได้8วันแต่กลับติดโควิดดับ
https://www.dailynews.co.th/news/111682/
เจ้าหน้าที่เข้าเก็บศพ 2 ตายาย วัย 68 ปี หลังป่วยโควิด-19 แล้วอาการทรุดหนักสิ้นใจในบ้านพักตัวเอง ขณะที่น้องชายผู้ตายติดเชื้อนอนหมดแรงไปด้วยกัน ภายหลังญาติตั้งข้อสงสัยเพิ่งไปฉีดวัคซีนได้ 8 วัน กลับติดเชื้อเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ร.ต.อ.เอกชัย สึรวิกรานต์ รอง สว.(สอบสวน) สน.หนองแขม รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ เขตหนองแขม กรุงเทพฯ จึงประสานเจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊ง ชุดปฏิบัติการพิเศษโควิด-19 เข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นลักษณะทาวน์โฮม ตรวจสอบภายในบ้านพบหญิงอายุ 68 ปี นอนหงายเสียชีวิตที่หน้าห้องน้ำ และพบผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นชาย อายุ 68 ปี นั่งเสียชีวิตอยู่บนชักโครกภายในห้องน้ำ นอกจากนี้ยังพบชายอีก 1 ราย อายุ 58 ปี นั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเก้าอี้ไม้ จากการสอบถามพบว่า หญิงที่นอนเสียชีวิตคือพี่สะใภ้ ส่วนชายที่เสียชีวิตในห้องน้ำ คือ พี่ชาย
โดย น.ส เอ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี หลานสาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าวมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ 3 คน คือ ตา, ยาย และน้องชายของตา ส่วนตัวหลานเองพักอยู่ที่บ้านอีกหลังใกล้กัน โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา หลานสาวได้พายายไปฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 เมื่อกลับถึงบ้าน ช่วงกลางดึก ยายได้โทรศัพท์มาบอกว่ามีอาการไม่สบาย ตัวร้อน จึงคิดว่าเป็นอาการข้างเคียงปกติของผู้ที่ได้รับวัคซีน แต่พบว่า ยายยังมีอาการไข้ ตัวร้อน และเหนื่อยง่าย อีกหลายวัน นอกจากนี้คนที่เหลือภายในบ้านก็มีอาการในลักษณะเดียวกัน
หลานสาวเปิดเผยอีกว่า กระทั่งวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปซื้อชุดตรวจโควิด-19 แบบ Antigent test มาตรวจ ยายก็พบว่า ติดเชื้อโควิด-19 ก่อนจะประสานโรงพยาบาล แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ เนื่องจากเป็นการยืนยันผลโดยซื้อที่ตรวจมาตรวจเอง จนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เดินทางมาเยี่ยมตาและยาย เมื่อตะโกนเรียกก็ไม่มีเสียงตอบกลับ จึงเข้าไปดูในบ้านพบยายนอนเสียชีวิตหน้าห้องน้ำ ตาก็เสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ ส่วนน้องชายตา มีอาการไม่มีเรี่ยวแรง จึงรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ญาติยังคงติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของการฉีดวัคซีนด้วยหรือไม่ ที่ทำให้มีอาการป่วยทรุดหนัก เพราะทางผู้สูงอายุสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว คุณตาและน้องชายก็มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน ความดัน หัวใจ และคุณยายก็มีโรคประจำตัวในเรื่องไขข้อกระดูก อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำร่าง คุณตาและคุณยาย ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดบางม่วง จ.นนทบุรี ส่วนน้องชายคุณตาถูกนำตัวไปรักษาที่ รพ.วิชัยเวชอ้อมน้อย เรียบร้อยแล้ว.
สาวเครียดป่วยโควิด-ไร้งานทำ คว้ามีดแทงคอตัวเองดับคาดาดฟ้าแฟลตย่านบางแค
https://www.dailynews.co.th/news/111792/
สาวใหญ่วัย 50 ปี เกิดอาการเครียดจัดหลังเพิ่งไปรับการรักษาโควิด-19 คว้ามีดแทงคอตัวเองดับคาดาดฟ้า แฟลตย่านบางแค
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ร.ต.อ.ธิระสาร นรินทร์สรศักดิ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.หลักสอง รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในแฟลตแห่งหนึ่ง ย่านเพชรเกษม ถนนเพชรเกษม ต.บางแคเหนือ เขต บางแค กรุงเทพฯ จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลธิป่อเต็กตึ๊งชุดปฏิบัติการพิเศษโควิด-19 ที่เกิดเหตุอยู่บนดาดฟ้าแฟลตดังกล่าว พบร่าง น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ชาว จ.มหาสารคาม สภาพสวมเสื้อสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นลายปลาสีขาวดำ มีมีดทำครัวยาว 20 ซม. ปักที่ลำคอ เสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ
จากการสอบสวน ด้าน นางจันดา (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี แม่บ้านของตึกดังกล่าวให้การว่า ผู้ตายเป็นพนักงานโรงงานเย็บผ้า พักอาศัยอยู่เพียงลำพัง เนื่องจากสามีเสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนลูกก็อยู่ที่ต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับไต ต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
โดยก่อนหน้านี้ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก็พบว่าผลเป็นบวก จึงได้ประสานรถพยาบาลมารับตัวไปรักษา และเข้าขั้นตอนการกักตัว ครบ 14 วัน จนกลับมาห้องพักเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ผู้ตายบ่นว่าอาการไม่ดีขึ้น แขนขาอ่อนแรง จึงบอกให้ผู้ตายพักอยู่แต่ในห้องไม่ต้องออกมา และจะส่งอาหารให้ จนกระทั่งวันนี้ ขณะที่ผู้พักอาศัยในแฟลตกำลังขึ้นไปเก็บผ้าที่ตากไว้บนดาดฟ้า ก็เห็นผู้ตายขณะนั้นกำลังเอามีดปาดคอตัวเอง ด้วยความตกใจจึงรีบลงมาตามหาแม่บ้าน และตะโกนขอความช่วยเหลือ ก่อนจะรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ซึ่งก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์นี้ ผู้ตายเคยบ่นว่ารู้สึกเหนื่อยและท้อแท้กับชีวิต ที่มีโรคประจำตัว และไม่มีงานทำ ก่อนตัดสินใจจบชีวิต เบื้องต้นตำรวจจะนำร่างส่งนิติเวช รพ.ศิริราช ก่อนประสานญาติเพื่อนำศพไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป