ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าครอบครัวของเรา มีทั้งหมด 5 คน มีพ่อแม่และเราเป็นลูกสาวคนเดียว และมีน้าชาย ซึ่งมีลูกและเป็นลูกพี่ลูกน้อง
อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
พ่อเราเคยรับราชการ ตอนนี้ปลดเกษียณ อายุ 64 ปี แม่เรามีอาชีพค้าขาย อายุ 59 ปี
เหตุการณ์ที่ 1 : เรื่องมีอยู่ว่า จำได้คร่าวๆ ว่าช่วงใกล้หรือหลังเกษียณอายุราชการ พ่อเราเปลี่ยนโทรศัพท์ ก็เลยให้น้องของเราทำโทรศัพท์ให้พ่อ มีการถ่ายโอนข้อมูลบางอย่าง พบชื่อบุคคลติดต่อในไลน์เป็นรูปผู้หญิงหน้าตาแปลกๆ ไม่คุ้นในกลุ่มญาติ น้องก็มาถามเคยถามทั้งแม่และเรา (แม่เราบอกไม่รู้จักไม่มี ส่วนเราก็ฟังแต่ไม่เชื่อว่าพ่อจะมีเล็กมีน้อย ก็เลยไม่ได้สนใจใดๆ) จนใช้ชีวิตปกติมาเรื่อยๆ พ่อเริ่มทำตัวผิดสังเกตทำไมเกษียณแล้วยังคงไปทำงาน กลับมา 1 อาทิตย์หายไป 3 - 4 วัน วนอยู่แบบนี้ และให้เหตุผลเราเพียงว่า ไปที่ทำงานราชการไปช่วยเค้า เราก็อยากให้พ่อได้ไปไหนบ้าง จะอยู่ร้านอย่างเดียวมันก็น่าเบื่อ ได้เปิดหูเปิดตาบ้าง จะไปไหนก็ไม่ว่าขอแค่บอก ทางครอบครัวเราและทุกคนก็ไม่ได้คิดอะไร และแม่เราก็เชื่อใจพ่อไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยเรื่องผู้หญิง
เพราะที่ผ่านมาพ่อทำตัวดีมาตลอด เป็นพ่อที่น่ารัก ทำกับข้าวให้ที่บ้าน รีดผ้าให้แม่ ดูแลเรา รักครอบครัว ใจเย็น พูดน้อย ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เคยมีเรื่องสาวๆ ให้แม่กังวลใจ และไม่พูดคำหยาบ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาแม่เราจะขี้บ่น จู้จี้ ขี้โมโห พูดจาไม่เพราะ ก็ตาม พ่อก็ไม่เคยเถียง อดทนกับแม่มาตลอด มันเลยทำให้เราเลือกที่จะไม่ต้องการอยากรู้หรือหาความจริง
ปัจจุบันเราก็แต่งงานมีครอบครัวมีการแยกบ้านอยู่ ทำงานบริษัทฯ เอกชนแห่งหนึ่ง แต่ในช่วงวันหยุดทุกครั้ง เราจะต้องไปช่วยขายของที่บ้านเสมอ สามีสังเกตและคอยเตือนเราว่าไม่มีใครจะมีจ้างคนเกษียณให้ไปช่วยราชการหรอกนะ อาการแบบนี้เหมือนคนที่มีบ้านอีกหลัง.....ความเชื่อใจพ่อเราก็ปล่อยผ่านได้แต่คิดว่าพ่อไม่น่าจะทำตัวแบบนี้แน่นอน จนหลังๆ พ่อก็เริ่มมีเถียงบ้างแต่ไม่มีคำหยาบคาย
เหตุการณ์ที่ 2 : จนกระทั่งไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า พ่อกับแม่เราทะเลาะกันมีปากเสียง (พ่อเอ่ยปากให้นิ้วกลาง และจะเตะแม่ เรามารู้ทีหลังเมื่อไม่กี่วันนี้)
แต่ต้องบอกก่อนว่าที่ผ่านมาแม่เราเป็นคนแรงๆ ชอบด่าพ่อ ด่าทุกคน ด่าคนใกล้ตัว พูดหยาบๆคายๆ เสียงดังๆ ให้ชาวบ้านได้ยิน เวลาไม่พอใจจะตีหน้ายักษ์พร้อมกับพูดจาประชดประชัน แต่เวลาลูกค้ามาซื้อของที่ร้านแม่จะพูดจาดีมาก จนญาติฝั่งแม่เราหลายคนๆ ยังบอกว่าพ่อเราเก่งมากนะที่สามารถทนแม่เรามาได้ขนาดนี้ ข้อดีของแม่ปากร้าย แต่จิตใจดีมาก ช่วยเหลือญาติ ขยันทำมาหากิน สมัยก่อนแม่ลำบากมาก่อน จนทุกวันนี้แม่มีทุกอย่าง บ้าน บ้านให้เช่า ที่ดิน ฯลฯ ด้วยตัวของแม่เอง
เหตุการณ์ที่เราไม่คิดว่าจะเกิดมันตามมา วันอังคารที่ผ่านมาพ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกครั้ง แม่โมโหเริ่มด่าพ่อ จนพ่อคงทนไม่ไหว และขับรถออกจากบ้านไป ไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย รวมถึงสร้อยทองที่พ่อใส่ประจำทุกวันก็ไม่ได้สวมใส่ไป แม่โทรหาญาติและโทรหาเรา ว่าพ่อมาที่บ้านหรือไม่ วินาทีนั้นแม่คงเป็นห่วงพ่อมากๆ พร้อมกับบอกเราว่าจะไปตามหาพ่อที่ไหนดีเป็นห่วง กลัวเป็นอะไร โทรศัพท์ก็ไม่มี โควิดก็ระบาด วินาทีนั้นเราก็ห่วงพ่อจริงๆ
เราก็เริ่มเสาะหาจากโทรศัพท์ที่พ่อทิ้งไว้ ไม่มีเบอร์โทรออกเลย เราเลยเริ่มจากการเอาเบอร์พ่อ ค้นหาประวัติการโทรจากแอพ My AIS พบว่ามีเบอร์ที่พ่อโทรซ้ำๆ และแทบจะทุกวัน เลยลองกดโทรหา ปลายสายเป็นผู้หญิง เราถามว่าที่นั่นที่ไหนพ่อเราอยู่ที่นั่นหรือเปล่า ผู้หญิงคนนั้นได้แต่บอกว่าไม่มี ไม่ว่างอยู่ต่างจังหวัด ไม่สะดวกและตัดสาย เราโทรอีกๆ เราบอกพ่อเราอยู่ที่นั่น อย่ามาโกหก นางรับแล้วบอกว่าไม่ใช่ ไม่มีแล้วตัดสายทิ้งเลย เราร้อนใจเลยลองเอาเบอร์ค้นหาในไลน์ เป็นไลน์ผู้หญิง อายุน่าจะ 50 ขึ้น คนนี้จริงๆ ที่น้องเคยค้นเจอในโทรศัพท์พ่อเรา แถมยังสวมสร้อยทองที่พ่อเราชอบใส่เป็นประจำ ตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ และเราลองเทียบสร้อยพ่อกับสร้อยที่นางสวมคือเส้นเดียวกันจริงๆ เราส่งข้อความไปทางไลน์ของผู้หญิงคนนั้น บอกว่าเรารู้ความจริงให้มาคุยกัน แต่นางไม่อ่านเลย มันทำให้เราย้อนกลับมานึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นี่เราไม่ยอมรับความจริงใช่ไหม ทำไมไม่ค้นหาความจริงแต่แรก ทุกวันนี้แม่ยังเข้าใจว่าพ่อไปราชการไปทำงาน แม่ยังไม่รู้ความจริง วันต่อมาแม่ยังมาถามเราว่าติดต่อพ่อได้ไหม เราทั้งที่รู้ความจริง ตอบแม่ไปแบบไม่ต้องห่วงหรอก พ่อไปทำงานแบบทุกครั้งแหล่ะ
เราบอกตรงๆตอนนี้เราสับสนและหันมองหน้าแม่ สงสารแม่สุดๆ ซื้อของเข้าร้าน ทำงานงกๆ ทำไมครอบครัวที่เพียบพร้อมของเรามันมาเป็นแบบนี้ และเราก็เข้าใจพ่อว่าที่พ่อเป็นแบบนี้ก็มีส่วนมาจากแม่ พ่อคงทนไม่ไหว แต่เราก็ถามตัวเองว่าแม่เราทำผิดอะไร ทำไมพ่อทำกับแม่เราแบบนี้ หรือที่พ่ออดทนมาตลอด พ่อเลยเตลิด หรือยังไงเราสับสนไปหมดเลย ไม่รู้จะทำยังไง ผู้หญิงคนนั้นดีกับพ่อเราจริงๆหรือไม่ หลอกพ่อเราหรือเปล่า พ่อเราเสียเงินให้กับผู้หญิงคนนั้นไปแล้วหรือไม่ มีลูกด้วยกันหรือไม่ จนตั้งสติแล้วจะลองวางแผน ดังนี้
1. ซื้อ GPS และแอบติดตั้งในรถพ่อ
2. หลังจากนั้น เราจะติดตามจาก GPS ไปยังบ้านเล็ก เพื่อถ่ายภาพเก็บเป็นหลักฐานมัดตัวพ่อ (เรียกค่าเสียหาย หากพ่อหรือผู้หญิงคนนั้นเกิดตุกติก กรณีพ่อกับแม่ตกลงกันไม่ได้)
3. เราต้องการหลักฐานมัดตัวพ่อ เรากลัวว่าหากพ่อกลับมาบ้าน จะไม่พูดความจริงกับเรา ดังนั้น เราเลยจะต้องใช้ข้อ 1 และ 2
4. หากพ่อไม่พูดความจริงกับเรา เราจะทำตามแผนข้างต้นทั้งหมด และนำหลักฐานส่งให้แม่ เพื่อให้แม่ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป ใจนึงเราก็กลัวว่าแม่จะไม่เชื่อคำพูดของเรา เพราะแม่เราเป็นคนไม่ฟังใคร ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเอง จึงต้องหาหลักฐานเพิ่ม
5. ถ้าพ่อกับแม่ต้องการหย่าจริงๆ ด้วยดี เราไม่โกรธพ่อและแม่ เราโตแล้ว แต่เรานึกถึงทีไร น้ำตาจะไหล เราสงสารแม่มากๆ
เราทำอะไรเกินไป ผิดไปหรือไม่ เราควรทำอย่างไรที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับครอบครัวเรา
เมื่อรู้ว่าพ่อมีบ้านเล็ก
อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
พ่อเราเคยรับราชการ ตอนนี้ปลดเกษียณ อายุ 64 ปี แม่เรามีอาชีพค้าขาย อายุ 59 ปี
เหตุการณ์ที่ 1 : เรื่องมีอยู่ว่า จำได้คร่าวๆ ว่าช่วงใกล้หรือหลังเกษียณอายุราชการ พ่อเราเปลี่ยนโทรศัพท์ ก็เลยให้น้องของเราทำโทรศัพท์ให้พ่อ มีการถ่ายโอนข้อมูลบางอย่าง พบชื่อบุคคลติดต่อในไลน์เป็นรูปผู้หญิงหน้าตาแปลกๆ ไม่คุ้นในกลุ่มญาติ น้องก็มาถามเคยถามทั้งแม่และเรา (แม่เราบอกไม่รู้จักไม่มี ส่วนเราก็ฟังแต่ไม่เชื่อว่าพ่อจะมีเล็กมีน้อย ก็เลยไม่ได้สนใจใดๆ) จนใช้ชีวิตปกติมาเรื่อยๆ พ่อเริ่มทำตัวผิดสังเกตทำไมเกษียณแล้วยังคงไปทำงาน กลับมา 1 อาทิตย์หายไป 3 - 4 วัน วนอยู่แบบนี้ และให้เหตุผลเราเพียงว่า ไปที่ทำงานราชการไปช่วยเค้า เราก็อยากให้พ่อได้ไปไหนบ้าง จะอยู่ร้านอย่างเดียวมันก็น่าเบื่อ ได้เปิดหูเปิดตาบ้าง จะไปไหนก็ไม่ว่าขอแค่บอก ทางครอบครัวเราและทุกคนก็ไม่ได้คิดอะไร และแม่เราก็เชื่อใจพ่อไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยเรื่องผู้หญิง
เพราะที่ผ่านมาพ่อทำตัวดีมาตลอด เป็นพ่อที่น่ารัก ทำกับข้าวให้ที่บ้าน รีดผ้าให้แม่ ดูแลเรา รักครอบครัว ใจเย็น พูดน้อย ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เคยมีเรื่องสาวๆ ให้แม่กังวลใจ และไม่พูดคำหยาบ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาแม่เราจะขี้บ่น จู้จี้ ขี้โมโห พูดจาไม่เพราะ ก็ตาม พ่อก็ไม่เคยเถียง อดทนกับแม่มาตลอด มันเลยทำให้เราเลือกที่จะไม่ต้องการอยากรู้หรือหาความจริง
ปัจจุบันเราก็แต่งงานมีครอบครัวมีการแยกบ้านอยู่ ทำงานบริษัทฯ เอกชนแห่งหนึ่ง แต่ในช่วงวันหยุดทุกครั้ง เราจะต้องไปช่วยขายของที่บ้านเสมอ สามีสังเกตและคอยเตือนเราว่าไม่มีใครจะมีจ้างคนเกษียณให้ไปช่วยราชการหรอกนะ อาการแบบนี้เหมือนคนที่มีบ้านอีกหลัง.....ความเชื่อใจพ่อเราก็ปล่อยผ่านได้แต่คิดว่าพ่อไม่น่าจะทำตัวแบบนี้แน่นอน จนหลังๆ พ่อก็เริ่มมีเถียงบ้างแต่ไม่มีคำหยาบคาย
เหตุการณ์ที่ 2 : จนกระทั่งไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า พ่อกับแม่เราทะเลาะกันมีปากเสียง (พ่อเอ่ยปากให้นิ้วกลาง และจะเตะแม่ เรามารู้ทีหลังเมื่อไม่กี่วันนี้)
แต่ต้องบอกก่อนว่าที่ผ่านมาแม่เราเป็นคนแรงๆ ชอบด่าพ่อ ด่าทุกคน ด่าคนใกล้ตัว พูดหยาบๆคายๆ เสียงดังๆ ให้ชาวบ้านได้ยิน เวลาไม่พอใจจะตีหน้ายักษ์พร้อมกับพูดจาประชดประชัน แต่เวลาลูกค้ามาซื้อของที่ร้านแม่จะพูดจาดีมาก จนญาติฝั่งแม่เราหลายคนๆ ยังบอกว่าพ่อเราเก่งมากนะที่สามารถทนแม่เรามาได้ขนาดนี้ ข้อดีของแม่ปากร้าย แต่จิตใจดีมาก ช่วยเหลือญาติ ขยันทำมาหากิน สมัยก่อนแม่ลำบากมาก่อน จนทุกวันนี้แม่มีทุกอย่าง บ้าน บ้านให้เช่า ที่ดิน ฯลฯ ด้วยตัวของแม่เอง
เหตุการณ์ที่เราไม่คิดว่าจะเกิดมันตามมา วันอังคารที่ผ่านมาพ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกครั้ง แม่โมโหเริ่มด่าพ่อ จนพ่อคงทนไม่ไหว และขับรถออกจากบ้านไป ไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย รวมถึงสร้อยทองที่พ่อใส่ประจำทุกวันก็ไม่ได้สวมใส่ไป แม่โทรหาญาติและโทรหาเรา ว่าพ่อมาที่บ้านหรือไม่ วินาทีนั้นแม่คงเป็นห่วงพ่อมากๆ พร้อมกับบอกเราว่าจะไปตามหาพ่อที่ไหนดีเป็นห่วง กลัวเป็นอะไร โทรศัพท์ก็ไม่มี โควิดก็ระบาด วินาทีนั้นเราก็ห่วงพ่อจริงๆ
เราก็เริ่มเสาะหาจากโทรศัพท์ที่พ่อทิ้งไว้ ไม่มีเบอร์โทรออกเลย เราเลยเริ่มจากการเอาเบอร์พ่อ ค้นหาประวัติการโทรจากแอพ My AIS พบว่ามีเบอร์ที่พ่อโทรซ้ำๆ และแทบจะทุกวัน เลยลองกดโทรหา ปลายสายเป็นผู้หญิง เราถามว่าที่นั่นที่ไหนพ่อเราอยู่ที่นั่นหรือเปล่า ผู้หญิงคนนั้นได้แต่บอกว่าไม่มี ไม่ว่างอยู่ต่างจังหวัด ไม่สะดวกและตัดสาย เราโทรอีกๆ เราบอกพ่อเราอยู่ที่นั่น อย่ามาโกหก นางรับแล้วบอกว่าไม่ใช่ ไม่มีแล้วตัดสายทิ้งเลย เราร้อนใจเลยลองเอาเบอร์ค้นหาในไลน์ เป็นไลน์ผู้หญิง อายุน่าจะ 50 ขึ้น คนนี้จริงๆ ที่น้องเคยค้นเจอในโทรศัพท์พ่อเรา แถมยังสวมสร้อยทองที่พ่อเราชอบใส่เป็นประจำ ตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ และเราลองเทียบสร้อยพ่อกับสร้อยที่นางสวมคือเส้นเดียวกันจริงๆ เราส่งข้อความไปทางไลน์ของผู้หญิงคนนั้น บอกว่าเรารู้ความจริงให้มาคุยกัน แต่นางไม่อ่านเลย มันทำให้เราย้อนกลับมานึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นี่เราไม่ยอมรับความจริงใช่ไหม ทำไมไม่ค้นหาความจริงแต่แรก ทุกวันนี้แม่ยังเข้าใจว่าพ่อไปราชการไปทำงาน แม่ยังไม่รู้ความจริง วันต่อมาแม่ยังมาถามเราว่าติดต่อพ่อได้ไหม เราทั้งที่รู้ความจริง ตอบแม่ไปแบบไม่ต้องห่วงหรอก พ่อไปทำงานแบบทุกครั้งแหล่ะ
เราบอกตรงๆตอนนี้เราสับสนและหันมองหน้าแม่ สงสารแม่สุดๆ ซื้อของเข้าร้าน ทำงานงกๆ ทำไมครอบครัวที่เพียบพร้อมของเรามันมาเป็นแบบนี้ และเราก็เข้าใจพ่อว่าที่พ่อเป็นแบบนี้ก็มีส่วนมาจากแม่ พ่อคงทนไม่ไหว แต่เราก็ถามตัวเองว่าแม่เราทำผิดอะไร ทำไมพ่อทำกับแม่เราแบบนี้ หรือที่พ่ออดทนมาตลอด พ่อเลยเตลิด หรือยังไงเราสับสนไปหมดเลย ไม่รู้จะทำยังไง ผู้หญิงคนนั้นดีกับพ่อเราจริงๆหรือไม่ หลอกพ่อเราหรือเปล่า พ่อเราเสียเงินให้กับผู้หญิงคนนั้นไปแล้วหรือไม่ มีลูกด้วยกันหรือไม่ จนตั้งสติแล้วจะลองวางแผน ดังนี้
1. ซื้อ GPS และแอบติดตั้งในรถพ่อ
2. หลังจากนั้น เราจะติดตามจาก GPS ไปยังบ้านเล็ก เพื่อถ่ายภาพเก็บเป็นหลักฐานมัดตัวพ่อ (เรียกค่าเสียหาย หากพ่อหรือผู้หญิงคนนั้นเกิดตุกติก กรณีพ่อกับแม่ตกลงกันไม่ได้)
3. เราต้องการหลักฐานมัดตัวพ่อ เรากลัวว่าหากพ่อกลับมาบ้าน จะไม่พูดความจริงกับเรา ดังนั้น เราเลยจะต้องใช้ข้อ 1 และ 2
4. หากพ่อไม่พูดความจริงกับเรา เราจะทำตามแผนข้างต้นทั้งหมด และนำหลักฐานส่งให้แม่ เพื่อให้แม่ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป ใจนึงเราก็กลัวว่าแม่จะไม่เชื่อคำพูดของเรา เพราะแม่เราเป็นคนไม่ฟังใคร ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเอง จึงต้องหาหลักฐานเพิ่ม
5. ถ้าพ่อกับแม่ต้องการหย่าจริงๆ ด้วยดี เราไม่โกรธพ่อและแม่ เราโตแล้ว แต่เรานึกถึงทีไร น้ำตาจะไหล เราสงสารแม่มากๆ
เราทำอะไรเกินไป ผิดไปหรือไม่ เราควรทำอย่างไรที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับครอบครัวเรา