“ผลไม้ปิดท้ายรายการค่ะ” น้ำเสียงเป็นมิตรหากแต่ชัดถ้อยชัดคำดังออกมาจากสาวเสิร์ฟคนนั้น
ผมขยับปากจะปฏิเสธไปว่าไม่ได้สั่ง หากแต่น้ำเสียงอ่อนโยนสำทับด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลพูดตามมาทันทีว่า
“คอมพลิเมนเทรี่ค่ะ”
จะด้วยสะดุดหูกับคำว่า “คอมพลิเมนเทรี่” ที่สาวเสิร์ฟคนนั้นทอดมาอย่างน่าฟัง แม้จะออกเสียงสำเนียงไทย ๆ แต่คำว่า “รี่” กลับห่อลิ้นออกเป็นเสียงตัวอาร์ ต่างจากที่ออกเสียง ร เรือแบบกระดกลิ้นในประโยคก่อนหน้า หรือจะเป็นแววตาเปิดเผย กล้าสบตา ทว่าดูเป็นมิตรของเธอก็ตาม ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายพอจะนึกอยากเปิดปากคุยแทนที่จะแค่โบกมือปฏิเสธอย่างที่มักจะทำ จึงบอกกับเธอไปว่า
“ผมไม่ค่อยชอบอะไรหวาน ๆ ครับ”
รอยยิ้มเธอกว้างขึ้นกว่าเดิม ท่าทางเธอเหมือนจะอยากให้ผมรับผลไม้ฟรีนั่นให้ได้ จึงกล่าวเสริมว่า
“ชมพู่ทับทิมจันท์ล็อตนี้ที่ได้มา อร่อยมากนะคะ ปลูกแบบออร์แกนิค สด ฉ่ำ หวานกรอบอร่อย แช่เย็นมากำลังดี ทานหลังอาหารแล้วสดชื่นนะคะ ชมพู่ไม่หวานเจื้อยแบบขนมค่ะ ทานแล้วไม่เลี่ยน”
ผมยิ้มน้อย ๆ ในใจ ในวัยที่ผ่านการทำงานมาเกือบยี่สิบปีในตำแหน่งการงานที่ไต่มาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน ได้ลิ้มรสของที่ว่าดี ว่ายอด มานับไม่ถ้วน ล้วนเป็นของที่นับว่าหายาก ราคาแพง ประเภท “คนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน” ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นของในประเทศหรือต่างประเทศ ไล่ตั้งแต่ ปลาเค็มตากใบ ทุเรียนหลินหลงเมืองลับแล ชาต้าหงเพ่าชั้นดี แฮมขาหมูดำสเปน มาถึงตอนนี้ กระทั่งไวน์บอร์โด ที่ว่าราคาแพง ๆ อย่าง ชาโตลาฟีท หรือ ชาโตมูตง ก็ไม่ทำให้ผมกระตือรือร้นอยากชิม อยากลองอีกต่อไป
สิ่งที่ปลุกความสนใจผมกลับเป็นรายละเอียดต่อมาที่เธอบรรยาย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรสชาติหรือความน่ากินของชมพู่เลย
เธอวางจานเล็ก ๆ ที่มีผลไม้ผิวเรียบ สีชมพูเข้มสวย ปอกแบบผ่าสี่ชิ้นประกบเป็นรูปลูกชมพู่อย่างสวยงาม และบอกผมด้วยน้ำเสียงกลั้วรอยยิ้มว่า
“คุณรู้ไหมคะว่า ทำไมชมพู่ถึงเป็นผลไม้ที่พิเศษนัก ว่ากันว่าชมพู่เป็นผลไม้ที่เกี่ยวพันกับการสารภาพความลับไงคะ”
พอเธอพูดมาถึงตรงนี้ ผมนึกครึ้มใจอยากฟังเธอขยายความเรื่องชมพู่ต่อ จึงผายมือให้เธอนั่งลงตรงข้าม และตอบเธอไปว่า
“พอคุณพูดแบบนี้ ผมเลยเกิดนึกอยากกินขึ้นมา แต่ก่อนกิน ลองเล่าให้ฟังหน่อยสิครับว่า ชมพู่ไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่คุณว่ามา”
“ในเรื่องมหาภารตะ มีเกร็ดตอนหนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระนางเทราปตีเผลอไปเด็ดชมพู่จากต้นซึ่งพระฤาษีที่ฝึกตบะเข้าฌานตนหนึ่งจะออกจากฌานมาขบฉัน แล้วการไปพรากผลไม้ที่ควรจะเป็นของฤาษีศักดิ์สิทธิ์ที่บำเพ็ญเพียรมาอย่างแก่กล้านั้น อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติมหันต์ ว่ากันว่า หนทางเดียวที่พระนางจะสามารถแก้ไขสถานการณ์นั้นได้ คือ ต้องสารภาพความลับในใจของพระนางออกมา และเมื่อพระนางเทราปตีสะกดกลั้นความอาย สารภาพสิ่งที่อยู่ในใจออกมา พระนางก็สามารถทำให้ชมพู่ที่เด็ดออกมาแล้วกลับไปติดกับขั้วกิ่งบนต้นได้เหมือนเดิม เมื่อฤาษีออกจากฌานมา ท่านก็พอใจจนให้พรอันประเสริฐแด่พี่น้องปาณฑพทั้งห้า ที่เป็นสามีของพระนาง
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า หนทางที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหานั้น คือ การพูดความจริงที่ซ่อนเอาไว้ หรือ
สารภาพความลับความไม่สบายใจออกมา เพราะหากมันหนักหน่วงในใจมาก มันจะถ่วงเราไว้ให้เดินต่อไปไม่ได้”
ตอนเธอเล่าเรื่องนี้ ผมยังไม่ทันได้นึกเอะใจว่าทำไมสาวเสิร์ฟอย่างเธอจึงรู้ไปถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในเรื่องมหาภารตะแบบนี้ มัวแต่เพลินกับเรื่องเล่าของเธอจนต้องถามต่อไปว่า
“แล้วความลับที่พระนางเทราปตีสารภาพออกไปคืออะไร ?”
เธอยิ้ม ขยิบตาให้ผมและบอกว่า
“ทานชมพู่ให้หมดนะคะ เดี๋ยวดิฉันเอาถาดไปเก็บแล้วจะมาเฉลย”
หลังจากเรื่องเล่าในวันนั้น ผมเริ่มกลายเป็นแขกประจำของร้านอาหารแห่งนี้ โดยให้เหตุผลกับตัวเองว่า ผมชอบร้านที่โอ่โถง ตบแต่งในโทนสีขาวครีมดูสว่าง สะอาด โปร่งโล่ง ทว่ามีการจัดวางไม้ใบไม้พุ่มในกระถางอย่างเหมาะเจาะ กำบังให้ความเป็นส่วนตัวแก่แต่ละโต๊ะได้พอเหมาะพอดี
ผมเริ่มสังเกตว่า เธอไม่ได้มาทำงานที่นี่ทุกวัน มาเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เท่านั้นและไม่ได้มาทุกอาทิตย์ด้วย
“คงเป็นนักศึกษาปริญญาโทมาทำงานพิเศษเพิ่มรายได้” ผมวาดข้อสรุปจากการสังเกตพฤติกรรมเธอและปฏิกริยาที่คนในร้านมีต่อเธอ
เธอดูมั่นใจเกินกว่าจะเป็นแค่สาวน้อยวัยใสในระดับปริญญาตรี ทุกครั้งที่เห็น เธอจะทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารบ้าง ต้อนรับ พูดคุย คอยแนะนำอาหารให้กับลูกค้าในร้านบ้าง ถ้าเธอเป็นเจ้าของหรือลูกเจ้าของ คนในร้านคงมีท่าทางยำเกรงเธอมากกว่านี้ ในร้านระดับนี้ บริกรและพนักงานพูดจาและปฏิบัติต่อกันอย่างสุภาพ เธอเองได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นปกติ และเธอเองก็มีท่าทางปกติแบบเดียวกับคนอื่น ๆ คาดเอี๊ยมแบบเรียบโก้ ลงแป้งรีดเรียบแข็ง ปักตัวอักษรด้วยดิ้นทองบอกชื่อร้านบนหน้าอก สวมรองเท้าหนังสีดำหุ้มส้นเรียบๆดูประณีตแต่ไม่บ่งยี่ห้อ แต่งหน้าบางเบา ใส่ตุ้มหูทองคำขาวกลมเรียบ ๆ เล็ก ๆ มีตุ้งติ้งจิ๋วห้อย คาด xiaomi สมาร์ทวอทช์ราคาไม่กี่ร้อย คงมีเพียงท่าทาง มาดอ่อนโยนทว่าแฝงด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม การสบตาตรง ๆ และวิธีการพูดการออกเสียงที่ชัด ฉาดฉานทั้งภาษาไทยและภาษาฝรั่งกระมัง ที่ทำให้เธอดูต่างจากพนักงานคนอื่น ๆ เธอน่าจะเป็นพนักงานเสิร์ฟคนเดียวที่ผมเคยรู้จักที่ออกเสียงคำว่า Rose ของชื่อเพลงLa Vie en Rose ด้วยสำเนียงตัว R แบบฝรั่งเศสคือ กลั้วด้วยเสียง ฮ นกฮูก และ ค ควาย
นับจากวันนั้นมา ชมพู่กลายเป็นเป็นของปิดท้ายมื้อที่ผมต้องสั่งทุกครั้งที่เจอเธอ และเธอจะอมยิ้มเดินนำมาเสิร์ฟเองทุกครั้งเช่นกัน เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้คุยกันยาว ๆ ราวกับมนตร์ขลังของเรื่องที่เธอเล่าในวันแรกที่เจอกันยังคงปกคลุมในบรรยากาศ ผมพบว่า เรื่องที่ผมปิดผนึกและเก็บไว้ในลิ้นชักล่างสุดของจิตใจ ถูกนำมาเล่าให้เธอฟังอย่างไหลลื่น จะเรียกว่าเป็นคำสารภาพหรือไม่ ผมก็คร้านจะไปหาคำตอบ มารู้ตัวอีกทีก็พบว่า ผมแทบไม่ต้องไปหาจิตแพทย์เพื่อรับยาแก้เครียดอีก แทบจะไม่ต้องทำนัดกับโค้ชส่วนตัวค่าตัวแพงหูฉี่ งานการ ปัญหา ความขัดแย้งในใจต่าง ๆ ก็ดูจะเข้าที่เข้าทางหรือมีหนทางแก้ไขได้มากขึ้น
ผมและเธอ เราต่างรู้จักกันเพียงในนามของ “คุณมิตร” และ “คุณลิน”
ชมพู่ -- ผลไม้แห่งการสารภาพความลับ
ผมขยับปากจะปฏิเสธไปว่าไม่ได้สั่ง หากแต่น้ำเสียงอ่อนโยนสำทับด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลพูดตามมาทันทีว่า
“คอมพลิเมนเทรี่ค่ะ”
จะด้วยสะดุดหูกับคำว่า “คอมพลิเมนเทรี่” ที่สาวเสิร์ฟคนนั้นทอดมาอย่างน่าฟัง แม้จะออกเสียงสำเนียงไทย ๆ แต่คำว่า “รี่” กลับห่อลิ้นออกเป็นเสียงตัวอาร์ ต่างจากที่ออกเสียง ร เรือแบบกระดกลิ้นในประโยคก่อนหน้า หรือจะเป็นแววตาเปิดเผย กล้าสบตา ทว่าดูเป็นมิตรของเธอก็ตาม ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายพอจะนึกอยากเปิดปากคุยแทนที่จะแค่โบกมือปฏิเสธอย่างที่มักจะทำ จึงบอกกับเธอไปว่า
“ผมไม่ค่อยชอบอะไรหวาน ๆ ครับ”
รอยยิ้มเธอกว้างขึ้นกว่าเดิม ท่าทางเธอเหมือนจะอยากให้ผมรับผลไม้ฟรีนั่นให้ได้ จึงกล่าวเสริมว่า
“ชมพู่ทับทิมจันท์ล็อตนี้ที่ได้มา อร่อยมากนะคะ ปลูกแบบออร์แกนิค สด ฉ่ำ หวานกรอบอร่อย แช่เย็นมากำลังดี ทานหลังอาหารแล้วสดชื่นนะคะ ชมพู่ไม่หวานเจื้อยแบบขนมค่ะ ทานแล้วไม่เลี่ยน”
ผมยิ้มน้อย ๆ ในใจ ในวัยที่ผ่านการทำงานมาเกือบยี่สิบปีในตำแหน่งการงานที่ไต่มาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน ได้ลิ้มรสของที่ว่าดี ว่ายอด มานับไม่ถ้วน ล้วนเป็นของที่นับว่าหายาก ราคาแพง ประเภท “คนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน” ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นของในประเทศหรือต่างประเทศ ไล่ตั้งแต่ ปลาเค็มตากใบ ทุเรียนหลินหลงเมืองลับแล ชาต้าหงเพ่าชั้นดี แฮมขาหมูดำสเปน มาถึงตอนนี้ กระทั่งไวน์บอร์โด ที่ว่าราคาแพง ๆ อย่าง ชาโตลาฟีท หรือ ชาโตมูตง ก็ไม่ทำให้ผมกระตือรือร้นอยากชิม อยากลองอีกต่อไป
สิ่งที่ปลุกความสนใจผมกลับเป็นรายละเอียดต่อมาที่เธอบรรยาย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรสชาติหรือความน่ากินของชมพู่เลย
เธอวางจานเล็ก ๆ ที่มีผลไม้ผิวเรียบ สีชมพูเข้มสวย ปอกแบบผ่าสี่ชิ้นประกบเป็นรูปลูกชมพู่อย่างสวยงาม และบอกผมด้วยน้ำเสียงกลั้วรอยยิ้มว่า
“คุณรู้ไหมคะว่า ทำไมชมพู่ถึงเป็นผลไม้ที่พิเศษนัก ว่ากันว่าชมพู่เป็นผลไม้ที่เกี่ยวพันกับการสารภาพความลับไงคะ”
พอเธอพูดมาถึงตรงนี้ ผมนึกครึ้มใจอยากฟังเธอขยายความเรื่องชมพู่ต่อ จึงผายมือให้เธอนั่งลงตรงข้าม และตอบเธอไปว่า
“พอคุณพูดแบบนี้ ผมเลยเกิดนึกอยากกินขึ้นมา แต่ก่อนกิน ลองเล่าให้ฟังหน่อยสิครับว่า ชมพู่ไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่คุณว่ามา”
“ในเรื่องมหาภารตะ มีเกร็ดตอนหนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระนางเทราปตีเผลอไปเด็ดชมพู่จากต้นซึ่งพระฤาษีที่ฝึกตบะเข้าฌานตนหนึ่งจะออกจากฌานมาขบฉัน แล้วการไปพรากผลไม้ที่ควรจะเป็นของฤาษีศักดิ์สิทธิ์ที่บำเพ็ญเพียรมาอย่างแก่กล้านั้น อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติมหันต์ ว่ากันว่า หนทางเดียวที่พระนางจะสามารถแก้ไขสถานการณ์นั้นได้ คือ ต้องสารภาพความลับในใจของพระนางออกมา และเมื่อพระนางเทราปตีสะกดกลั้นความอาย สารภาพสิ่งที่อยู่ในใจออกมา พระนางก็สามารถทำให้ชมพู่ที่เด็ดออกมาแล้วกลับไปติดกับขั้วกิ่งบนต้นได้เหมือนเดิม เมื่อฤาษีออกจากฌานมา ท่านก็พอใจจนให้พรอันประเสริฐแด่พี่น้องปาณฑพทั้งห้า ที่เป็นสามีของพระนาง
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า หนทางที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหานั้น คือ การพูดความจริงที่ซ่อนเอาไว้ หรือ
สารภาพความลับความไม่สบายใจออกมา เพราะหากมันหนักหน่วงในใจมาก มันจะถ่วงเราไว้ให้เดินต่อไปไม่ได้”
ตอนเธอเล่าเรื่องนี้ ผมยังไม่ทันได้นึกเอะใจว่าทำไมสาวเสิร์ฟอย่างเธอจึงรู้ไปถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในเรื่องมหาภารตะแบบนี้ มัวแต่เพลินกับเรื่องเล่าของเธอจนต้องถามต่อไปว่า
“แล้วความลับที่พระนางเทราปตีสารภาพออกไปคืออะไร ?”
เธอยิ้ม ขยิบตาให้ผมและบอกว่า
“ทานชมพู่ให้หมดนะคะ เดี๋ยวดิฉันเอาถาดไปเก็บแล้วจะมาเฉลย”
หลังจากเรื่องเล่าในวันนั้น ผมเริ่มกลายเป็นแขกประจำของร้านอาหารแห่งนี้ โดยให้เหตุผลกับตัวเองว่า ผมชอบร้านที่โอ่โถง ตบแต่งในโทนสีขาวครีมดูสว่าง สะอาด โปร่งโล่ง ทว่ามีการจัดวางไม้ใบไม้พุ่มในกระถางอย่างเหมาะเจาะ กำบังให้ความเป็นส่วนตัวแก่แต่ละโต๊ะได้พอเหมาะพอดี
ผมเริ่มสังเกตว่า เธอไม่ได้มาทำงานที่นี่ทุกวัน มาเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เท่านั้นและไม่ได้มาทุกอาทิตย์ด้วย
“คงเป็นนักศึกษาปริญญาโทมาทำงานพิเศษเพิ่มรายได้” ผมวาดข้อสรุปจากการสังเกตพฤติกรรมเธอและปฏิกริยาที่คนในร้านมีต่อเธอ
เธอดูมั่นใจเกินกว่าจะเป็นแค่สาวน้อยวัยใสในระดับปริญญาตรี ทุกครั้งที่เห็น เธอจะทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารบ้าง ต้อนรับ พูดคุย คอยแนะนำอาหารให้กับลูกค้าในร้านบ้าง ถ้าเธอเป็นเจ้าของหรือลูกเจ้าของ คนในร้านคงมีท่าทางยำเกรงเธอมากกว่านี้ ในร้านระดับนี้ บริกรและพนักงานพูดจาและปฏิบัติต่อกันอย่างสุภาพ เธอเองได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นปกติ และเธอเองก็มีท่าทางปกติแบบเดียวกับคนอื่น ๆ คาดเอี๊ยมแบบเรียบโก้ ลงแป้งรีดเรียบแข็ง ปักตัวอักษรด้วยดิ้นทองบอกชื่อร้านบนหน้าอก สวมรองเท้าหนังสีดำหุ้มส้นเรียบๆดูประณีตแต่ไม่บ่งยี่ห้อ แต่งหน้าบางเบา ใส่ตุ้มหูทองคำขาวกลมเรียบ ๆ เล็ก ๆ มีตุ้งติ้งจิ๋วห้อย คาด xiaomi สมาร์ทวอทช์ราคาไม่กี่ร้อย คงมีเพียงท่าทาง มาดอ่อนโยนทว่าแฝงด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม การสบตาตรง ๆ และวิธีการพูดการออกเสียงที่ชัด ฉาดฉานทั้งภาษาไทยและภาษาฝรั่งกระมัง ที่ทำให้เธอดูต่างจากพนักงานคนอื่น ๆ เธอน่าจะเป็นพนักงานเสิร์ฟคนเดียวที่ผมเคยรู้จักที่ออกเสียงคำว่า Rose ของชื่อเพลงLa Vie en Rose ด้วยสำเนียงตัว R แบบฝรั่งเศสคือ กลั้วด้วยเสียง ฮ นกฮูก และ ค ควาย
นับจากวันนั้นมา ชมพู่กลายเป็นเป็นของปิดท้ายมื้อที่ผมต้องสั่งทุกครั้งที่เจอเธอ และเธอจะอมยิ้มเดินนำมาเสิร์ฟเองทุกครั้งเช่นกัน เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้คุยกันยาว ๆ ราวกับมนตร์ขลังของเรื่องที่เธอเล่าในวันแรกที่เจอกันยังคงปกคลุมในบรรยากาศ ผมพบว่า เรื่องที่ผมปิดผนึกและเก็บไว้ในลิ้นชักล่างสุดของจิตใจ ถูกนำมาเล่าให้เธอฟังอย่างไหลลื่น จะเรียกว่าเป็นคำสารภาพหรือไม่ ผมก็คร้านจะไปหาคำตอบ มารู้ตัวอีกทีก็พบว่า ผมแทบไม่ต้องไปหาจิตแพทย์เพื่อรับยาแก้เครียดอีก แทบจะไม่ต้องทำนัดกับโค้ชส่วนตัวค่าตัวแพงหูฉี่ งานการ ปัญหา ความขัดแย้งในใจต่าง ๆ ก็ดูจะเข้าที่เข้าทางหรือมีหนทางแก้ไขได้มากขึ้น
ผมและเธอ เราต่างรู้จักกันเพียงในนามของ “คุณมิตร” และ “คุณลิน”