พ่อแม่ทะเลาะกันตั้งแต่เรายังเด็กจนโต

ในหัวข้อแบบนี้อาจเป็นเรื่องธรรมดา พ่อแม่ทะเลาะกันปกติไม่เห็นเป็นไรเลย งั้นลองมาฟังเรื่องของเราก่อนดีกว่า มันเป็นปัญหาตั้งแต่เด็กจนเราโต ตอนนี้เราอายุ 12 ป.6 อาจดูแปลกที่เด็ก 12 มาตั้งกระทู้ถามอะไรแบบนี้ แต่เราต้องการสิ่งที่เรียกว่าความเห็นออกมาจริงๆ

เรื่องราวมันเริ่มจากตอนเด็ก เอาเท่าที่จะความได้ก็ประมาณสัก 5-7 ขวบมั้ง ในช่องวัยนั้นพ่อกับแม่หนูไปทำงานที่ต่างจังหวัดทางภาคใต้บ่อยมาก ในช่วงก่อนหน้านั้นพ่อกับแม่ทะเลาะกันเป็นประจำ ทั้งในด้านความเห็นที่ไม่ตรงกันและความขัดแย้ง จนมีเหตุการณ์นึงที่เราจำได้จนขึ้นใจ พ่อกับแม่ทะเลาะกันในตอนดึก (ไม่แน่ใจว่ากี่ทุ่ม) จนเราตื่นขึ้นมา และแม่ทนไม่ไหว จนเป็นฝ่ายเดินออกไปจากที่พัก เดินไปกลางถนน อาจด้วยความรักแม่มาก จึงรีบวิ่งออกไปเปิดประตู และตามแม่ไป จนแม่ยอมกลับมา ตั้งแต่ตอนนั้นก็ยังจำความรู้สึกได้ เสียงพ่อแม่ทะเลาะกันในวันนั้น มันไม่เคยออกไปจากหัวเราเลย 

จนตั้งแต่ตอนนั้นพ่อกับแม่ยังมีเรื่องทะเลาะปากเสียงกันต่อ แต่ในทุกครั้งเราจะไม่ยอมไปยุ่งด้วย เพราะว่าเคยมีเหตุการนึงที่แม่ทะเลาะกับพ่อ แล้วเราเข้าไปปลอบแม่ แล้วแม่ถามอะไรสักอย่างกับเรานี้แหละจำไม่ได้ พอเราตอบไป แม่ก็พูดขึ้นมาว่า มันไม่ใช่เรื่องของเด็กนะลูก มันปวดใจ เด็กไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้เรื่องแบบนี้หรอ ครอบครัวเดียวกัน เชื้อสายเดียวกัน เราเด็ก แต่มันไม่ได้แปลว่าเรานั้นคิดเองไม่ได้ แต่เราก็ไม่ได้อะไร จนเป็นอีกครั้ง ในวันนั้นเป็นก่อน 2 วันพ่อจะต้องไปฉีดวัคซีนโควิด พ่อออกไปวิ่งตามปกติ แต่ฝนดันตก พ่อเลยโทรให้แม่มารับ แต่เท่าที่เราสรุปได้ น่าจะประมาณวาแม่อยู่ข้างนอกซื้ออาหารเย็นอยู่ จู่ๆพ่อโทรมาให้มารับ แต่ยังซื้อของไม่เสร็จ ก็เลยรีบไปหยิบของแล้งจ่ายตังแต่พ่อดันเปียกพอแม่ไปรับเลยโมโหใส่กัน จนมาถึงบ้าน พ่อแม่เขามาในห้องที่เราอยู่ใต้ผ้าห่ม ตะโกนใส่กัน ด่าว่า จนแม่ทนไม่ไหว ปกติแม่นั้นเวลาโดนพ่อด่า ตะโกนใส่ แม่จะเป็นฝ่ายยอม แต่แม่ไม่ทนในครั้งนี้ ตะโกนกลับ ด่ากลับ จนพ่อร้องเรียกหาเรา __ช่วยพ่อด้วย (__=ชื่อเรา) เราร้องไห้ จนพี่สาวต้องมาช่วยเอาเราออกจากห้อง จนถึงแม่เข้ามาหาเราและถามเราว่า กลัวความลำบากไหม ส่วนใหญ่พ่อเป็นคนหาเงินมาซื้อของ จ่ายค่าไฟ และเป็นเจ้าของบ้านนี้ ถึงแม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้แม่จะมีธุรกิจเสื้อผ้า ที่แม่ถามแบบนั้นน่าจะหมายความว่า ถ้ากลัวความลำบาก ก็ไม่ต้องไปกับแม่นะ แม่อยู่ได้ ในวันนั้นเราตอบไปว่าไม่กลัว จนเรื่องเริ่มคลายลง พี่สาวที่พาเราออกจากห้องพาเราไปที่ห้องเขาละถามว่า รักพ่อตัวเองไหม อ่า เราคงต้องเล่าก่อนว่าพ่อกับแม่เราเป็นพ่อแม่แท้ แต่เรามีพี่ชายพี่สาวอยู่ ทั้งสองคนมีแม่คนเดียวกันกับเรา แต่คนละพ่อ และพ่อก็มีครอบครัวอีกครอบครัวนึงแยกกัน ส่วนพ่อของพี่ชายพี่สาวก็ไม่รู้ไปไหน แม่บอกว่าเขาหายไป คือสรุปก็คือทั้งสองคนมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ดันมารักกัน และอยู่ด้วยกัน พอพี่สาวถามเราตอบไปว่า รัก แต่ไม่เท่าแม่ เรารักแม่จริงๆ แม่ดูแลเรามาโดยตลอด ส่วนที่เรารักพ่อไม่เท่าแม่เป็นเพราะพ่อนั้นเคยขับเราไว้ในห้องนำ้ตอน 4 ขวบ เราจำได้มาตลอด  พี่สาวเราบอกว่า เพราะว่าพี่ไม่เคยรักพ่อตัวเองเลย พร้อมกับร้องไห้ เราเกลียดภาพในวันนั้นมากที่สุด จนในวันนี้ พ่อกับแม่มีแผนจะทำบ้านใหม่ ย้ายของออกไปเรียบร้อย แต่ดันมาทะเลาะกันเพราะเรื่องที่พ่อโกรธแม่ว่าวางของขว้างทาง แม่เขาแพ็คของอยู่และมันขว้างทาง พ่อเลยโมโหเพราะตัวเองถือของหนักอยู่ จนทะเลาะกัน ตะโกนใส่กันไป ใส่กันมา จนพ่อขว้างของทิ้ง เราอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงทุกอย่างออกมาจากข้างนอก พอพ่อขว้างของ ก็ทะเลาะกันหนักขึ้นไปอีก แม่ก็เลยเข้ามาที่ห้องเรา และนั่งที่เก้าอี้พร้อมถามเราว่า __จะไปกับแม่ไหม อะไรประมาณนั้น เพราะเราก็จำไม่ได้หมด เราส่ายหน้าเป็นคำตอบ เราอยากไป แต่ตอนนั้นมันไม่อยากรับรู้เรื่องราวแบบนั้น เลยส่ายหน้า จนแม่เดินออกไป ย้ายของต่อ 

สิ่งที่เราเสียใจ ไม่ใช่เพราะพ่อแม่ทะเลาะกันอย่างเดียว อาจดูเข้าของแต่แม่เป็นฝ่ายเดียว แต่รู้ไหมว่าพ่อเราไม่เคยทำหน้าที่พ่อเลย ประชุมผู้ปกครองก็ไม่เคยไป พาเราไปเรียนก็ไม่เคย งานโรงเรียนก็ไม่ไป เราไม่อยากไปนั่งคิดว่าเราต้องจัดการกับตัวเองยังไง เราต้องการคำปรึกษามาก หรือไม่ก็ช่วยแชร์เรื่องนี้ไปให้ใครดูที และกล้าบอกเลยว่า เรื่องทั้งหมดที่เขียนไป เราไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมา เราต้องการคำปรึกษาแบบจริงๆ และอยากให้ชาวโซเชียลช่วยทีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่