ริษยารักข้ามภพ บทที่ 13




ตอนเดิม





ตอนที่ 13

ขึ้นชื่อว่า ‘เพลิง’ ย่อมร้อนแรง แต่เพลิงที่ลุกไหม้ให้เห็นเป็นเปลวไฟ ก็ยังมิเท่าเปลวเพลิงที่เผาไหม้อยู่ในใจคนเรา ยามใดที่ใจคนโดนเพลิงเผาผลาญ จึงร้อนรนจนมิอาจอยู่เป็นสุขได้ เช่นเดียวกับเจ้าแม่อุษาประไพที่ขณะนี้ร้อนพระทัยหนัก ด้วยเรื่องที่เจ้าอาของตนกำลังจะถูกจับได้ว่าคิดก่อกบฏ เมื่อไม่อาจทนเฉยอยู่ในตำหนักได้อีกต่อไป ค่ำคืนนี้จึงพรางกาย ลอบมาหาหนานแสนเมืองแม่ทัพอีกคนของเจ้าฟ้าถึงที่ในเรือนพัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอหลวงเท่าใดนัก แต่เพียงลำพัง

“เราจะทำอย่างไรกันดี ถ้าเจ้าอาถูกจับได้ แล้วเกิดซัดทอดมาถึงเราว่าเป็นคนสนับสนุนเงินทองให้ เพื่อก่อกบฏ และกำลังซ่องสุมผู้คนหาโอกาสชิงบัลลังก์ หากมหาคำคืนมิได้เป็นรัชทายาท” 

ปรารภร้อนรนทันทีที่มาถึง หนานแสนเมืองตกใจที่เห็นนางในคราบของหญิงชาวบ้านธรรมดา แต่งตัวมอซอ พรางกายคลุมผ้าโสโครก ดั้นด้นมาหาตนจนถึงที่พัก รีบกำชับบ่าวคนสนิทให้คอยระวังคนลอบแอบฟัง แล้วพานางขึ้นไปบนเรือน ตรงไปยังห้องนอนของตน และเมื่อได้อยู่กันตามลำพังสองต่อสอง เขาก็เชิญหญิงผู้มาเยือนให้นั่งลงบนเตียง ก่อนเข้านั่งเคียงคู่ กิริยาใกล้ชิดสนิทสนมกันเกินเลยกว่าเจ้านายกับขุนทหาร

“ในเมื่อความลับเรื่องการแข็งเมืองรั่วไหล อีกทั้งผู้กำกับราชการชาวอังกฤษยังเป็นใจกับพวกมัน เช่นนี้แล้วเห็นทีเจ้าอาของท่านคงลำบาก และเราคงไม่อาจพึ่งเมืองจองลองได้อีก ข้าจะรีบให้จันผาแอบติดต่อกับอูหม่อง พาเจ้าหลวงนันทะหนีไปหลบซ่อนยังอินเดียก่อน ให้เหลือเพียงปลาซิวปลาสร้อยไว้ให้พวกมันจับ คนไหนปากโป้งก็จะให้อูหม่องฆ่าปิดปากเสีย ก่อนที่พวกข้าหลวงอังกฤษจะเดินทางไปถึง เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นกังวล”

เขาเล่าถึงแผนการที่คิดไว้ให้คนที่กำลังร้อนพระทัยฟัง หวังคลายความกังวลของเจ้านายคนสนิทลง แม่ทัพเวียงแถนผู้นี้มีรูปร่างล่ำสันใหญ่โต หน้าผากกว้าง คิ้วหนาเป็นรูปสามเหลี่ยม ดวงตาเรียวยาวดั่งตาจระเข้ ฝีมือในการสู้รบฉกาจฉกรรจ์หาตัวจับยาก อีกทั้งยังเชี่ยวชาญทางด้านหมัดมวย แต่เขากลับอ่อนเชิงทางด้านความรัก เพราะครองตัวเป็นโสดเรื่อยมา ไม่ปรากฏว่านายทหารผู้เก่งกล้าผู้นี้เคยมีภริยาหรือบุตรธิดามาก่อน แต่ขณะอยู่กันตามลำพังกับพระชายาองค์รองของเจ้าฟ้า ชายผู้ห้าวหาญกลับมีท่าทีที่อ่อนโยน แสดงออกว่าเป็นห่วงเป็นใยนาง

“พระชายาเองก็จงอยู่เฉย ๆ อย่าทำร้อนตัว ข้ารับรองว่าจะไม่ให้ท่านกับลูกเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ กับมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะเตือนท่านก็คือ อย่าได้มาที่นี่อีก เพราะมันจะทำให้เสียการใหญ่ที่อุตส่าห์วางแผนมานานเป็นแรมปี” 

“ก็ข้าใจคอไม่ดี มิมีผู้ใดจะให้ปรึกษาได้เลยสักคน ท่านก็ใจดำนัก ทอดทิ้งให้ข้าต่อสู้เพียงลำพัง” 

ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายถูกนางต่อว่าเอาด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดอย่างน่าประหลาดใจ นางปลดผ้าคลุมเศียรออก เหวี่ยงทิ้งลงบนพื้นระบายอารมณ์ขุ่นมัว แม่ทัพแสนเมืองถอนใจยาว แล้วจึงกล่าวเตือนสติอีกฝ่าย

“ท่านอยู่ในฐานะใดพระชายา ส่วนข้าก็เป็นแม่ทัพของเวียงแถน ท่านทำในส่วนของท่าน ข้าก็ทำในส่วนของข้า เพื่อช่วยลูกเราขึ้นครองบัลลังก์เมืองนี้จนสำเร็จ ก็จงอดใจเอาไว้ก่อนเถิด คิดถึงลูกให้มาก หากลูกเราได้ครองเมืองวันใด วันนั้นจึงจะเป็นวันของสองเรา”

ที่แท้คนทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันมานานแล้ว หนานแสนเมืองรู้จักกับเจ้าแม่อุษาประไพ ก่อนที่นางจะมาอภิเษกกับเจ้าฟ้ากองคำฟั่นเสียอีก ชายาคนที่สองของเจ้าฟ้าเป็นหญิงที่ชื่นชอบกีฬาหมัดมวย ตัวเขาเองก็มีชื่อเสียงด้านเป็นนักมวยฝีมือฉกาจ มักเข้าไปชกมวยถวายหน้าพระที่นั่งเจ้าหลวงเมืองจองลองพระองค์ก่อนอยู่บ่อยครั้ง จนได้พบรักกับธิดาคนเดียวของพระองค์ แต่เส้นทางรักของทั้งสองไม่ราบรื่น เพราะหลังจากที่เรื่องเกิดแดงขึ้น คนทั้งคู่ก็ถูกเจ้าพ่อของพระธิดาอุษาประไพขัดขวาง และพระองค์ได้ถวายนางให้ไปเป็นชายาของเจ้าแกมเมืองกองคำฟั่น แต่ในขณะนั้นนางลักลอบได้เสียและตั้งครรภ์กับหนุ่มนักมวยได้สองเดือนกว่าแล้ว

ต่อมาหนานแสนเมืองทนคิดถึงชู้รักไม่ไหว จึงหาทางมาพบกับนางที่เวียงแถน โดยสมัครมาเป็นทหารของกองทัพ เขาเข้ามาพักอยู่กับญาติที่เวียงแถนเพื่อรอเวลาเข้าไปเป็นทหาร และในเวลาเดียวกันนั้น ก็บังเอิญได้มีโอกาสช่วยชีวิตขององค์รัชทายาทกองคำฟั่น พระยศของเจ้าฟ้าในขณะนั้น ให้รอดจากการถูกไล่ล่าของศัตรูที่คิดชิงบัลลังก์ ด้วยความสามารถเฉพาะตัวอันยอดเยี่ยม 

เหตุการณ์นั้นก็คือ เจ้าแกมเมืองกองคำฟั่นหลบหนีจากการไล่ล่าของสมุนมหาอำมาตย์สิงห์ทอง ที่ส่งคนมาดักลอบปลงพระชนม์ ขณะพระองค์ออกเยี่ยมพสกนิกรนอกกำแพงเมือง หนานอินเฟือนกับทหารองครักษ์ที่ตามเสด็จช่วยป้องกันยันศัตรูเอาไว้ให้ กระทั่งเจ้าแกมเมืองสามารถหนีรอดออกจากวงล้อมของทหารทรยศมาได้

รัชทายาทกองคำฟั่นหนีซมซานมาจนถึงบ้านของพ่อหนานต๋าคำ กับลูกสาวที่ชื่อจันทร์หอม และญาติห่าง ๆ ผู้มาขออาศัยอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง ชื่อหนานแสนเมือง ครั้นศัตรูไล่ล่าตามพระองค์มาทันก็เข้าโอบล้อมบ้านน้อยหลังนั้นไว้ เมื่อเห็นศัตรูกำลังจะบุกเข้ามา คนในบ้านก็พากันหนีไปทางหลังบ้าน ซึ่งที่นั่นมีม้าที่จะใช้หลบหนีอยู่เพียงตัวเดียว พ่อหนานเฒ่าเร่งให้รัชทายาทพาลูกสาวตัวเองขึ้นม้าหนีไป ส่วนตนกับหนานแสนเมืองรับอาสาหลอกล่อศัตรูให้หลงทาง

ขณะพระองค์ชักม้าหนีไปกับจันทร์หอมนั้น ภาพสุดท้ายที่ทรงจำได้มั่นไม่เคยลืมเลยก็คือ พ่อหนานต๋าคำหันหลังชนกันกับหนานแสนเมือง คนทั้งคู่ประดาบอยู่ท่ามกลางวงล้อมของศัตรูด้วยร่างที่โชกเลือด...

ครั้นสะสมรี้พลเข้าชิงเมืองคืนจากอำมาตย์สิงห์ทองได้สำเร็จ สิ่งแรกที่เจ้าฟ้ากระทำก็คือ เร่งประกาศตามหาตัวหนานต๋าคำผู้เฒ่ากับหนานแสนเมือง ผู้เคยมีบุญคุณกับพระองค์ และในวันที่เจ้าฟ้าเสด็จประทับเหนือบัลลังก์ทองเวียงแถน หนานแสนเมืองก็ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อเบื้องพระพักตร์ พระองค์ทรงลงจากพระราชอาสน์ตรงเข้ามาหาสหายหนุ่ม บุรุษผู้กล้าทั้งสองต่างเข้าโอบกอดกันด้วยความยินดี หนานแสนเมืองทูลให้ทราบว่า พ่อหนานเฒ่าได้พลีชีพไปเสียแล้วในวันนั้นเอง 

ตั้งแต่นั้นมาหนานหนุ่มก็ได้รับการปูนบำเหน็จตอบแทนในคุณความดี เจ้าฟ้าแต่งตั้งให้เขาเป็นแม่ทัพและเป็นองครักษ์อีกคนหนึ่งร่วมกับหนานอินเฟือน มีตำแหน่งใหญ่โต เพียบพร้อมด้วยลาภยศสรรเสริญ เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยอย่างไม่เป็นรองใคร และในครานั้นเอง อดีตนักมวยฝีมือฉกาจจึงได้กลับมาพบกับพระชายาอุษาประไพ สตรีผู้เป็นรักเดียวของตนสมดังความตั้งใจ และนั่นจึงเป็นบทเริ่มต้นของมหาวิปโยคอันเนื่องมาจากความรักในเวลาต่อมา

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่