เชียงใหม่-นำชมภูเขาหินปูน ถ้ำเมืองออน สักการะพระธาตุนมผา


..........ตั้งอยู่ในเขตอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยอยู่ห่างจากตัวอำเภอออกไปประมาณ 15 กม. 
ใช้เส้นทางการเดินทางเดียวกับน้ำพุร้อนสันกำแพง แต่ถ้ำเมืองออนจะอยู่ใกล้กว่า

บันไดขึ้นไปบนถ้ำประมาณพระธาตุดอยสุเทพเลยครับเห็นเขียนเลขจางๆ ว่า 187 ขั้น 


ระหว่างเดินไปตามบันได หากเหนื่อยเมื่อยล้า ก็จำเป็นต้องหยุดยืนพัก เพราะไม่มีที่พักระหว่างทาง
ขอแนะนำว่า ก็ยืนพักถ่ายรูป ดื่มน้ำ ให้หายเหนื่อย แล้วค่อยเดินต่อเป็นระยะๆ ไปครับ
ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ แต่ละลูกบันได ไม่ห่างกันมาก ผู้สูงวัยที่ยังแข็งแรงอยู่ก็ยังเดินได้ครับ อีกทั้งมีราวบันไดให้จับดึงเพื่อรั้งตัวเวลาก้าว

และบันไดลงถ้ำอีก 134 ขั้น

..........ภายในตัวถ้ำซึ่งไม่ลึกมากนัก มีอากาศเย็นชื้นเช่นเดียวกับถ้ำทั่วๆ ไป และมีหินงอกหินย้อยปรากฏอยู่ทั่วไป 
เส้นทางค่อนข้างชันและแคบแม้จะมีบันได บางช่วงต้องแทรกตัวหลบผนังหินภายในถ้ำ 
การเยี่ยมชมควรใช้ความระมัดระวัง ตลอดทางมีไฟตามทาง ใช้เวลาเดินเที่ยวราวครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง

เดิมเคยมีข่าวออกมาว่า ที่ถ้ำเมืองออนมีซากไดโนเสาร์ จึงทำให้ผู้คนสนใจและไปเยี่ยมชมที่ถ้ำนี้กันเป็นจำนวนมาก 
ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นหินปูนขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับส่วนหัวของไดโนเสาร์แต่ไม่ใช่ซากไดโนเสาร์อย่างที่เข้าใจผิดกัน

ภายในถ้ำเมืองออนมีหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ 

และมี “พระธาตุนมผา” ซึ่งเป็นหินงอกบรรจุพระเกศาขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า 


นับได้ว่าเป็นพระธาตุที่มีความแปลกและงดงามมาก เนื่องจากมาจากธรรมชาติมิใช้สิ่งก่อสร้างของมนุษย์

ตามตำนานกล่าวไว้ว่าในอดีต พระพุทธเจ้าได้เดินธุดงค์เผยแพร่คำสอนผ่านมายังเมืองหริภุญชัย 
แล้วขึ้นเหนือมายัง "ถ้ำดอยศิลา" ซึ่งเป็นชื่อเดิมของถ้ำเมืองออน ได้มีพญานาคที่สิงสถิตอยู่ภายในถ้ำแปลงกายเป็นมนุษย์
แล้วได้นำเอาผลไม้และน้ำผึ้งป่าถวายแด่พระพุทธเจ้า เมื่อท่านรับเอาแล้วก็ถวายพรแก่พญานาค 
พญานาคจึงมีความปิติยินดีจึงขอเอาเกศาธาตุพระพุทธเจ้ามาตั้งไว้ในพระธาตุนมผาเพื่อเป็นที่กราบไหว้สักการะบูชาภายในถ้ำ 
ต่อมาในปี พ.ศ. 2471 ท่านครูบาศรีวิชัยได้ธุดงค์มาพบถ้ำแห่งนี้ 
จึกชักชวนผู้มีจิตศรัทธาสร้างถนนและบันไดขึ้นสู่ปากถ้ำและได้เปลี่ยนชื่อถ้ำเป็น “ถ้ำเมืองออน” ในที่สุด
หินงอกหินย้อยรูปร่างต่างๆอาทิ 
ไดโนเสาร์ แมวหิน หัวสิงโต น้ำหยดนมผา กระโถนฤาษี เต่าหิน หัวพญานาค บัวพันชั้น ทรายหลายแล้ง ไม้สักล้านปี 
พระพุทธรูปต่างๆที่อยู่ภายในถ้ำ พระเจ้าลี้ลับ พระกรุณาไชยาสน์ พระพุทธเจ้านั่งบัว 


นอกจากนั้นจากปากถ้ำสามารถเดินขึ้นไปอีก 700 กว่าขั้นเพื่อนมัสการหลวงพ่อทันใจและชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม

บริเวณปากถ้ำมีรูปปั้นครูบาศรีวิชัย และสถูปอัฏฐิที่บรรจุของท่านไว้ 

มีพระพุทธรูปประดิษฐานเคียงคู่อยู่ด้านข้าง เพื่อให้คนที่ขึ้นไปเที่ยวได้นมัสการบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง

ในการมาท่องเที่ยว "ถ้ำเมืองออน" สิ่งที่นักท่องเที่ยวควรนำติดตัวมาด้วย ได้แก่ น้ำดื่ม ไฟฉายหรืออุปกรณ์ส่องสว่าง 
ถึงแม้ภายในถ้ำจะมีไฟส่องสว่างตลอดทางเดินซึ่งแคบ แต่ก็อาจโชคร้ายได้
เพราะผมเองก็เคยเข้าไปเดินเดี่ยวเมื่อสุดทางที่มีไฟฟ้าแสงสว่างนั้น ปรากฏว่าไฟแสงสว่างดับลง
ก็จำเป็นต้องเดินกลับ แต่ยังโชคดีที่มีไฟส่องสว่างติดตัว ในวันที่ไปนั้นมีคนเดียวที่เข้าถ้ำ
ที่สำคัญเข้าใจว่ามีไฟส่องสว่างตลอดทาง ก็เลยไม่ได้จ้างผู้นำทาง
(อันที่จริงแล้วเกรงใจผู้นำทาง เพราะหากมีนักท่องเที่ยวมา เขาก็จะต้องรอเนื่องจากวันที่ผมไปมีผู้นำทางคนเดียวเท่านั้นนั่งรอที่ปากทางเข้าถ้ำ)

สุดท้ายก็พบว่าไฟฟ้าดับ ผมเดินออกมาจนถึงปากถ้ำ มาเช็คดูว่าสะพานไฟมีปัญหาหรือไม่
ก็พบว่า ปกติดี ที่สำคัญเขาใช้ลวดทองแดงแทนฟิวส์เสียด้วย แต่สะพานไฟถูกยกลง
ผมก็ยกสะพานไฟขึ้น ไฟก็สว่างกลับมา
ถือว่าเป็นการเดินทางที่มีการรับน้องใหม่ก็แล้วกัน
ส่วนทางเดินด้านในถ้ำจะมีทางแคบอยู่บ้างนิดหน่อย นอกนั้นก็เดินไปเรื่อยๆ ครับ


..........ระหว่างทางไปสู่น้ำพุร้อนสันกำแพง ถ้ำเมืองออนก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรแวะชมอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากอยู่ไม่ไกลกันนัก 
การเดินทางค่อนข้างสะดวกและภายในถ้ำมีสภาพทางธรรมชาติที่สวยงามเช่นกัน

เดินทางท่องเที่ยวธรรมชาติ อย่าจับต้องหรือลูบคลำผนังถ้ำ หินงอก หินย้อย นะครับ
ส่วนกราบไหว้ในถ้ำ ไม่ควรจุดธูป เทียน
ที่สำคัญต้องไม่ทิ้งขยะในถ้ำด้วยนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่