สหรัฐฯ ยอดติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาพุ่งไม่หยุด
'ซีดีซี' จ่อแนะนำเด็กยังไม่ฉีดวัคซีนสวมหน้ากากตอนอยู่โรงเรียน



สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ว่า เวลานี้โควิดสายพันธุ์เดลตากำลังแพร่ระบาดอย่างหนักทั่วสหรัฐฯ จนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จากคำยืนยันของโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) ในวันพฤหัสบดี (22ก.ค.) ถึงสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ปรับเปลี่ยนคำแนะนำด้านการสวมหน้ากาก ขณะที่รัฐบาลกำลังพิจารณาทบทวนในเรื่องนี้ดังกล่าวกันอย่างเข้มข้น

อย่างไรก็ตาม เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ได้ออกมาระบุว่า การตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวจะดำเนินการโดยซีดีซี ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกว่าคณะผู้เชี่ยวชาญกำลังศึกษาเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนใดๆ ที่จำเป็น ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบทุกแง่มุมของการปรับเปลี่ยนใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น ด้วยหลักวิทยาศาสตร์

ซึ่งก่อนหน้านี้ในวันพุธ (21ก.ค.) ประธานาธิบดีไบเดน ได้ออกมาเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่ซีดีซีจะแนะนำให้เด็กที่ยังไม่ฉีดวัคซีนสวมหน้ากากตอนอยู่ในโรงเรียน ในขณะที่เขตการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศกำลังเตรียมพร้อมกับการเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งในปีการศึกษาที่กำลังมาถึง

ทั้งนี้เจฟฟรีย์ ไซอองส์ ผู้ประสานงานตอบสนองวิกฤตโควิด-19 ของทำเนียบขาว ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากข้อมูลของซีดีซี พบว่า เคสผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นมีจุดศูนย์กลางในภูมิภาคต่างๆ ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนระดับต่ำ ทั้งในฟลอริดา เทกซัส และมิสซูรี คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของเคสผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศ และยังยืนยัน อีกว่า สหรัฐฯ จะเดินหน้าแจกจ่ายวัคซีนหลายสิบล้านโดสแก่ทั่วโลกต่อไป หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน ทำเนียบขาวเคยแถลงแผนแจกจ่ายวัคซีนแก่ทั่วโลกจำนวนราวๆ 80 ล้านโดส
จากข้อมูลของเว็บไซต์ usafacts.org ระบุว่าเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม สหรัฐฯ พบเคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวันถึง 51,182 ราย เสียชีวิต 309 คน ส่วนค่าเฉลี่ย 7 วันของเคสผู้ติดเชื้อใหม่อยู่ที่ 38,145 รายต่อวัน และเสียชีวิต 236 รายต่อวัน

https://siamrath.co.th/n/264893

REUTERS/Dado Ruvic/Illustration/File Photo
 
อิสราเอลเผย “ไฟเซอร์” มีประสิทธิภาพเพียง 39% ต่อสายพันธุ์เดลต้า
วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 - 16:37 น.
 

 
รายงานการทดลองจากประเทศอิสราเอล ชี้ วัคซีน “ไฟเซอร์-ไบออนเทค” มีประสิทธิภาพเพียง 39% ต่อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า

วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า หน่วยงานสาธารณสุขอิสราเอล เปิดเผยรายงานข้อมูลว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ “ไฟเซอร์-ไบออนเทค” มีประสิทธิภาพเพียง 39% ต่อโควิดสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) อย่างไรก็ตาม ยังคงสามารถป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาล รวมถึงอาการป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อได้
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าว ลดลงมาจากเดิมที่อิสราเอลเคยรายงานไว้ว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพ 64% ต่อโควิดสายพันธุ์เดลต้า นอกจากนี้ ยังไม่ใกล้เคียงกับผลการทดลองที่อังกฤษ ซึ่งได้ระบุว่า วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าถึง 88%
 
อย่างไรก็ตาม ทางการอิสราเอลเน้นย้ำว่า วัคซีนไฟเซอร์เมื่อฉีดครบทั้ง 2 โดสแล้ว ยังสามารถป้องกันอาการป่วยได้ โดยระบุว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ 88% ต่อการป้องกันการป่วยจนถึงขั้นต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล ขณะที่มีประสิทธิภาพ 91% ต่อการป้องกันอาการป่วยขั้นรุนแรงจากการติดเชื้อ

ขณะเดียวกัน ทั่วโลกเป็นกังวลกับโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า เนื่องจากมีอัตราการแพร่ระบาดที่รุนแรงกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดมาก่อนหน้านี้ และกำลังเป็นโควิดสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดทั่วโลก โดยพบการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ดังกล่าวแล้วใน 104 ประเทศ

https://www.prachachat.net/world-news/news-723133

ออกซ์ฟอร์ดชี้ วัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ 2 เข็มควรเว้นห่างกัน 8-10 สัปดาห์


 
มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดพบ ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มห่างกันนาน 8-10 สัปดาห์ ระดับแอนติบอดีสูงเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับการฉีดเว้น 3-4 สัปดาห์

ทีมวิจัยมหาวิทยัลยออกซ์ฟอร์ด พบว่า ระยะเวลาระหว่างการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ 2 เข็ม หากเว้นระยะนานก่อนฉีดเข็มสอง จะทำให้ระดับแอนติบอดีโดยรวมสูงกว่าการเว้นระยะฉีดเพียง 3-4 สัปดาห์
 
“หากระยะห่างการฉีดเข็มสองนานขึ้น ... หลังจากได้รับวัคซีนเข็มแรก ระดับแอนติบอดีต่อสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) จะขึ้นไม่ดี ระดับแอนติบอดีทั่วไปก็ไม่ดีระหว่างช่วงเวลาก่อนการฉีดเข็มสอง ... แต่หลังจากเว้นนานแล้วฉีดครบสองโดส ระดับแอนติบอดีเหล่านี้จะสูงขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับการฉีดสองเข็มที่เว้นช่วงสั้นกว่า”
  
งานวิจัยนี้ได้รับทุนจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร โดยยังไม่ได้รับการตรวจสอบซ้ำโดยผู้เชี่ยวชาญ สำหรับการศึกษา นักวิจัยได้เปรียบเทียบการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของเข้าหน้าที่สาธารณสุขอังกฤษ (NHS) จำนวน 503 คน ซึ่งได้รับวัคซีนไฟเซอร์สองเข็มในระยะเวลาระหว่างเข็มที่ต่างกัน
  
ระดับแอนติบอดีในเลือดของพวกเขาถูกวัด 1 เดือนหลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่สอง ผลการวิจัยออกมาว่า....👇
 
การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ทั้งที่เว้นช่วงการฉีดระยะสั้นและระยะยาว สร้างการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งโดยรวมได้

การเว้นระยะฉีด 3 สัปดาห์สร้างแอนติบอดีโดยรวมซึ่งสามารถจับไวรัสและหยุดการแพร่เชื้อในเซลล์ได้น้อยกว่าการเว้นระยะฉีด 10 สัปดาห์

ในขณะที่ระดับแอนติบอดีลดลงหลังจากรับวัคซีนเข็มแรกครั้งแรก ระดับของ T-cells ซึ่งเป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดอื่นยังคงสูงอยู่

นักวิจัยมองว่า การเว้นระยะห่างการฉีดวัคซ๊นไฟเซอร์เข็มสอง จะให้การป้องกันสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ได้อย่างเต็มที่ และให้ภูมิคุ้มกันที่คงทนมากขึ้น แต่มีความเสี่ยงในช่วงระยะห่างก่อนฉีดวัคซีนเข็มสองที่ภูมิคุ้มกันจะตกลงอย่างรวดเร็ว
 
ปัจจุบัน สหราชอาณาจักรแนะนำช่องว่างระหว่างการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สองเข็มว่า ควรอยู่ที่ 8 สัปดาห์เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นได้รับการปกป้องจากสายพันธุ์เดลตาได้เร็วขึ้น ในขณะเดียวกันก็เพิ่มการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันในระยะยาวด้วย
 
ซูซานนา ดูนาชี หัวหน้านักวิจัยร่วมในการศึกษานี้บอกว่า “ฉันคิดว่า การเว้นระยะเวลาฉีดวัคซีนไฟเซอร์สองเข็มที่ 8 สัปดาห์เป็นจุดที่น่าสนใจ”

https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/152472

เดลต้า WHO ยังว่าร้ายสุดๆนะคะ ลดประสิทธิภาพทุกวัคซีน สหรัฐเริ่มติดเชื้อเพิ่มแล้ว

ไฟเซอร์ยังเอาไม่อยู่  แต่ลดความรุนแรง และเสียชีวิตได้เหมือนๆกันกับวัคซีนชนิดอื่นๆ

ยกเว้นไฟเซอร์ทิพย์ของ "หมอบุนเซ็นยัง" ทุกอย่างเป็นทิพย์ไปหมด มหัศจรรย์สุดๆ..

ไทยเราจะได้ไฟเซอร์มาเช่นกันค่ะ สธ.คงจะวิจัยออกมาเช่นกัน รอสธ.ของไทยวิจัยประสิทธิภาพหลังฉีดค่ะ

อย่างไรก็ตาม....วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่ฉีดเร็วที่สุดค่ะ