วงสัมมนานิติวัชร์อัยการระบุ อภ.เป็นหน่วยงานรัฐต้องเปิดเผยราคาวัคซีน ใช้สิทธิพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารได้
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2837925
วงสัมมนานิติวัชร์อัยการระบุ อภ.เป็นหน่วยงานรัฐต้องเปิดเผยราคาวัคซีน ใช้สิทธิพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารได้
วงสัมมนานิติวัชร์อัยการระบุ องค์การเภสัชกรรมถือเป็นหน่วยงานรัฐต้องเปิดเผยราคาวัคซีน ไม่ใช่ข้อมูลเข้าข้อยกเว้นฯ เเละไม่ถือว่าเป็นข้อมูลอันเป็นความลับทางการค้า ใช้สิทธิร้องตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารได้ ตามหลักเปิดเผยเป็นหลักปกปิดเป็นข้อยกเว้น “รองรัฐ” ชี้อัยการมีหน้าที่ยืนยันสิทธิได้รู้ของประชาชน
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่สำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีการจัดสัมมนาในหัวข้อเรื่อง “
ข้อควรรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ข้อมูลใดเปิดเผยได้หรือไม่ได้” ผ่านระบบซูม และ เฟซบุ๊ก ไลฟ์
นาย
รองรัฐ พุ่มคชา อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด, ว่าที่ร้อยตรี
สุระชัย เอนกรัตน์ นิติกรชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.
ชัญญา สัตยกมลฉัตร อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย
นาย
รองรัฐ พุ่มคชา ได้กล่าวถึงความสำคัญของเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร โดย
ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะมีสิทธิได้รู้ (Right to Know) ข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐครอบครองไว้แทนประชาชนตามหลักการ เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น โดยหากหน่วยงานของรัฐจะปฏิเสธไม่เปิดเผยข้อมูล หน่วยงานของรัฐจะต้องแสดงให้เห็นว่าข้อมูลดังกล่าวได้รับการยกเว้นไม่ให้เปิดเผย ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 14 และ มาตรา 15 เช่น การไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของรัฐอันจะก่อให้เกิดความเสียหายเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เป็นต้น
ว่าที่ร้อยตรี
สุระชัย เอนกรัตน์ อภิปรายเสริมว่า พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มีเจตนารมณ์ที่ต้องการให้ประชาชนมีสิทธิได้รู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ของรัฐ และกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐต้องเปิดเผย และไม่ต้องเปิดเผย รวมถึงการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ หลักการสำคัญตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ ข้อมูลข่าวสารของราชการจะต้อง เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น
นอกจากนี้แม้ประชาชนที่ไม่มีส่วนได้เสียกับข้อมูลข่าวสารของราชการก็มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้ เช่น สิทธิในการเข้าตรวจดูข้อมูลข่าวสาร สิทธิในการขอสำเนาเอกสารหรือการรับรองสำเนาถูกต้อง สิทธิในการขอข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวเอง รวมถึงสิทธิในการอุทธรณ์คำสั่งไม่เปิดเผยข้อมูล ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติฉบับนี้
แต่สำหรับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่มีลักษณะเป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัว เช่น ประวัติการศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติอาชญากรรม ประวัติการทำงาน รวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้ว จะมีหลักการที่แตกต่างจากข้อมูลข่าวสารของราชการ กล่าวคือ ปกปิดเป็นหลัก เปิดเผยเป็นข้อยกเว้น เช่นหน่วยงานของรัฐย่อมปฏิเสธที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ บัตรประจำตัวประชาชนของบุคคล หรือรายละเอียดเกี่ยวกับลายมือชื่อในการทำธุรกรรมทางการเงินของบุคคลได้
สำหรับวิธีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ แบ่งได้ 3 วิธีตามประเภทข้อมูลข่าวสาร ดังนี้
1)
ข้อมูลข่าวสารราชการที่ประชาชนต้องรู้ จะมีการลงพิมพ์โดยเปิดเผยในราชการกิจจานุเบกษา เช่น มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับที่มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชน
2)
ข้อมูลข่าวสารควรรู้ที่ประชาชนเข้าตรวจดูได้ หมายถึง ข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานราชการจะต้องจัดรวบรวมไว้ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารนั้นได้ เช่น คำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน เช่น คำสั่งอนุมัติ อนุญาต เป็นต้น การให้ความเห็นหรือตีความข้อกฎหมาย แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่กำลังดำเนินการ สัญญาสัมปทานต่างๆ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริการประชาชน ตลอดจนข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการประกาศกำหนด (ปัจจุบันมี 8 ฉบับ) เช่น สัญญาที่ได้มีการอนุมัติสั่งซื้อหรือสั่งจ้าง เป็นต้น
ว่าที่ร้อยตรี
สุระชัย เอนกรัตน์ ได้กล่าวถึง เอกสารสัญญาที่องค์การเภสัชกรรมจัดหาหรือสั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นา โดยให้ความเห็นส่วนตัวทางวิชาการไว้ว่า องค์การเภสัชกรรมเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจึงเป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และต้องปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เรื่อง กำหนดให้ประกาศเชิญชวนทั่วไป ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้าง และสัญญาที่ได้มีการอนุมัติสั่งซื้อหรือสั่งจ้าง เป็นข้อมูลข่าวสารที่ต้องจัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (8) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540
ดังนั้น สัญญาจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นาดังกล่าวจึงเป็นข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูหรือตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ถ้ามีข้อความบางส่วนที่เข้าเงื่อนไขตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15 (1) – (6) ก็สามารถใช้ดุลยพินิจไม่เปิดเผยข้อความบางส่วนนั้นได้ แต่ในส่วนของราคาวัคซีนนั้น ไม่ใช่ข้อมูลที่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15 ดังกล่าว และไม่ถือว่าเป็นข้อมูลอันเป็นความลับทางการค้า จึงเป็นข้อมูลข่าวสารที่ต้องเปิดเผยตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540
3)
ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับการเปิดเผยเป็นการเฉพาะราย โดยหน่วยงานรัฐจะต้องจัดหาข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนที่มายื่นคำขอเป็นการเฉพาะราย ไม่ว่าบุคคลผู้ยื่นคำขอจะมีส่วนได้เสียกับข้อมูลนั้นหรือไม่ก็ตาม ยกเว้นเป็นข้อมูลบางประเภทที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าห้ามมิให้เปิดเผย เช่น ข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ส่วนในกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่อนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร จะต้องแจ้งสิทธิอุทธรณ์ให้ประชาชนผู้ยื่นคำร้องสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ภายใน 15 วันนับแต่ได้รับแจ้งคำสั่งปฏิเสธการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
นาย
รองรัฐกล่าวอภิปรายสรุปว่า พนักงานอัยการมีหน้าที่สำคัญในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ เพราะพนักงานอัยการจะต้องยืนยัน สิทธิได้รู้ ของประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาควบคู่ไปกับการระวังไม่ให้การดำเนินคดีต้องเสียหาย เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลหรือการให้ความเห็นบางประการอาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อการดำเนินคดีอาญาได้ โดยพนักงานอัยการอาจเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการภายใต้กฎหมายสำคัญ 2 ฉบับคือ
1. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เช่น การแจ้งคำสั่งไม่ฟ้องคดี โดยผู้ทรงสิทธิขอให้พนักงานอัยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะจำกัดเฉพาะคู่ความในคดีเท่านั้น
2. พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ซึ่งบุคคลทั่วไปก็อาจร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลได้ ภายใต้หลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 14 และ มาตรา 15
นอกจากนี้ พนักงานอัยการควรจะสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลและเหตุผลในการสั่งคดีของพนักงานอัยการ อันจะสามารถช่วยลดข้อพิพาทกับประชาชน รวมถึงลดจำนวนคดีเกี่ยวกับการอุทธรณ์คำวินิจฉัยคำสั่งไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารด้วย
"กลุ่มเส้นด้าย" ห่วงวิกฤตเตียง ทำคนแก่ตายคาบ้านอีก
https://ch3plus.com/news/program/249517
"กลุ่มเส้นด้าย" ห่วงวิกฤตเตียง ทำคนแก่ตายคาบ้านอีก วอนเร่งรักษาผู้ป่วยสีเหลือง-แดงด่วน!
ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นกว่าหนึ่งหมื่นราย ทำให้เตียงรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลไม่เพียงพอ โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังมีผู้ป่วยรอเตียงจำนวนมาก
ในจำนวนนี้มีการร้องขอความช่วยเหลือไปที่กลุ่มเส้นด้าย ที่ช่วยประสานหาเตียง นำอุปกรณ์รักษาไปช่วยเหลือ และมีแพทย์อาสาคอยให้คำปรึกษา รวมถึงลงพื้นที่ไปตรวจอาการเบื้องต้นให้คนไข้ที่ไม่มีเตียง โดยเฉพาะศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหรือเนอสซิ่งโฮม ที่ปัญหาไม่มีเตียง ทำให้ผู้ป่วย เสียชีวิตไปกว่า 10 รายแล้ว กลายเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่ต้องเลือกว่าใครจะรอดใครจะเสียชีวิต จึงเสนอให้เร่งเพิ่มเตียงคนไข้สีเหลืองและสีแดงให้มากที่สุด โดยอาจเพิ่มห้องพิเศษในศูนย์พักคอยให้คนไข้สีเหลือง ที่ต้องรอเข้าโรงพยาบาลเพื่อลดการสูญเสีย
การสวมชุดป้องกันก่อนเข้าปฏิบัติงานเป็นสิ่งจำเป็นที่แพทย์อาสา กลุ่มเส้นด้าย ต้องทำเช่นเดียวกับแพทย์พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานหนักอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อลดการติดเชื้อโควิด-19 และสำหรับแพทย์อาสา เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะได้ช่วยให้ทำหน้าที่ช่วยผู้ป่วยได้มากขึ้น
แพทย์หญิง
เพชรวิไล นพพรพันธุ์ เข้าร่วมเป็นแพทย์อาสากับกลุ่มเส้นด้าย เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน หลังเห็นเพจหมอได้แชร์ข้อความที่ต้องการหมออาสา จึงเข้าร่วมกับกลุ่มเส้นด้วย จากกรณีต้องสูญเสียผู้ป่วยสูงอายุต้องตายคาบ้านเพราะไม่มีเตียง
แพทย์หญิง
เพชรวิไล ใช้เวลาหลังทำงานประจำ มาช่วยประเมินอาการผู้ป่วยอาการหนัก ตามที่กลุ่มเส้นด้ายได้รับการร้องขอความช่วยเหลือ รวมทั้งการให้คำปรึกษาผ่านทางกลุ่มไลน์และวีดีโอคอล โดยเฉพาะผู้ป่วยในกลุ่มเนอสซิ่งโฮม ที่เป็นผู้สูงอายุ เป็นผู้ป่วยติดเตียง และเป็นผู้ป่วยโควิด-19 แต่กลับเป็นกลุ่มที่ถูกละเลยมากที่สุด เพราะเมื่อเป็นผู้ป่วยติดเตียง อาการหนัก ทำให้หาเตียงรักษาในโรงพยาบาลยากมาก จนต้องสูญเสีย ผู้ป่วยสูงอายุในเนอสซิ่งโอม กว่า 10 คน ในจำนวนกว่า 3 แห่ง ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้แพทย์หญิงเพชรวิไล เห็นว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ควรถูกทิ้งให้เสียชีวิตคาบ้าน
ทีมแพทย์อาสา กลุ่มเส้นด้าย พบปัญหาการขาดเตียงในกลุ่มผู้ป่วยสีเหลือง และ สีแดง จึงเสนอให้มีการเพิ่มเตียงสำหรับคนไข้กลุ่มนี้ให้มากที่สุด โดยอาจเพิ่มพื้นที่พิเศษในศูนย์พักคอย ที่รับคนไข้สีเขียว ให้สามารถรับคนไข้สีเหลือง ที่รอเตียงเข้าโรงพยาบาล ได้เข้ามาพักติดตามอาการในศูนย์พักคอย เพราะการยับยั้งไม่ให้เชื้อลงปอด ต้องให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้เร็วที่สุด หรือในบางครั้ง น้ำเกลือ 1 ขวด ก็มีค่าสำหรับหนึ่งชีวิต
แพทย์หญิง
เพชรวิไล เปิดเผยด้วยว่า จากกรณีการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงในเนอสซิ่งโฮม แห่งหนึ่ง ที่รอเตียงจนไปเสียชีวิตในรถพยาบาล หลังออกไปไม่ถึง 5 นาที เป็นกรณีที่น่าเสียใจมากที่สุด และต้องไม่ให้ปล่อยให้เกิดแบบนี้ขึ้นอีก
ในทุกวันแพทย์อาสาของกลุ่มเส้นด้ายที่มีเพียง 2 คน ได้ร่วมกันไปดูแลผู้ป่วยที่อาการหนักที่ยังรอเตียงอยู่ที่บ้าน ก็ได้แต่คาดหวังว่า การจัดระบบโฮม ไอโซเลชั่น จะช่วยลดความต้องการเตียงรักษา และอยากให้มีการปรับศูนย์พักคอยให้มีพื้นที่สำหรับผู้ป่วยสีเหลือง อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ได้
JJNY : วงสัมมนาระบุ อภ.ต้องเปิดเผยราคาวัคซีน│เส้นด้ายห่วงวิกฤตเตียง│รพ.เลิดสิน งดบริการฉุกเฉิน│ทอท.ส่อขาดสภาพคล่องปีหน้า
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2837925
วงสัมมนานิติวัชร์อัยการระบุ อภ.เป็นหน่วยงานรัฐต้องเปิดเผยราคาวัคซีน ใช้สิทธิพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารได้
วงสัมมนานิติวัชร์อัยการระบุ องค์การเภสัชกรรมถือเป็นหน่วยงานรัฐต้องเปิดเผยราคาวัคซีน ไม่ใช่ข้อมูลเข้าข้อยกเว้นฯ เเละไม่ถือว่าเป็นข้อมูลอันเป็นความลับทางการค้า ใช้สิทธิร้องตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารได้ ตามหลักเปิดเผยเป็นหลักปกปิดเป็นข้อยกเว้น “รองรัฐ” ชี้อัยการมีหน้าที่ยืนยันสิทธิได้รู้ของประชาชน
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่สำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีการจัดสัมมนาในหัวข้อเรื่อง “ข้อควรรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ข้อมูลใดเปิดเผยได้หรือไม่ได้” ผ่านระบบซูม และ เฟซบุ๊ก ไลฟ์
นายรองรัฐ พุ่มคชา อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด, ว่าที่ร้อยตรีสุระชัย เอนกรัตน์ นิติกรชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ชัญญา สัตยกมลฉัตร อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย
นายรองรัฐ พุ่มคชา ได้กล่าวถึงความสำคัญของเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร โดย ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะมีสิทธิได้รู้ (Right to Know) ข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐครอบครองไว้แทนประชาชนตามหลักการ เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น โดยหากหน่วยงานของรัฐจะปฏิเสธไม่เปิดเผยข้อมูล หน่วยงานของรัฐจะต้องแสดงให้เห็นว่าข้อมูลดังกล่าวได้รับการยกเว้นไม่ให้เปิดเผย ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 14 และ มาตรา 15 เช่น การไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของรัฐอันจะก่อให้เกิดความเสียหายเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เป็นต้น
ว่าที่ร้อยตรีสุระชัย เอนกรัตน์ อภิปรายเสริมว่า พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มีเจตนารมณ์ที่ต้องการให้ประชาชนมีสิทธิได้รู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ของรัฐ และกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐต้องเปิดเผย และไม่ต้องเปิดเผย รวมถึงการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ หลักการสำคัญตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ ข้อมูลข่าวสารของราชการจะต้อง เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น
นอกจากนี้แม้ประชาชนที่ไม่มีส่วนได้เสียกับข้อมูลข่าวสารของราชการก็มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้ เช่น สิทธิในการเข้าตรวจดูข้อมูลข่าวสาร สิทธิในการขอสำเนาเอกสารหรือการรับรองสำเนาถูกต้อง สิทธิในการขอข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวเอง รวมถึงสิทธิในการอุทธรณ์คำสั่งไม่เปิดเผยข้อมูล ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติฉบับนี้
แต่สำหรับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่มีลักษณะเป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัว เช่น ประวัติการศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติอาชญากรรม ประวัติการทำงาน รวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้ว จะมีหลักการที่แตกต่างจากข้อมูลข่าวสารของราชการ กล่าวคือ ปกปิดเป็นหลัก เปิดเผยเป็นข้อยกเว้น เช่นหน่วยงานของรัฐย่อมปฏิเสธที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ บัตรประจำตัวประชาชนของบุคคล หรือรายละเอียดเกี่ยวกับลายมือชื่อในการทำธุรกรรมทางการเงินของบุคคลได้
สำหรับวิธีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ แบ่งได้ 3 วิธีตามประเภทข้อมูลข่าวสาร ดังนี้
1) ข้อมูลข่าวสารราชการที่ประชาชนต้องรู้ จะมีการลงพิมพ์โดยเปิดเผยในราชการกิจจานุเบกษา เช่น มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับที่มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชน
2) ข้อมูลข่าวสารควรรู้ที่ประชาชนเข้าตรวจดูได้ หมายถึง ข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานราชการจะต้องจัดรวบรวมไว้ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารนั้นได้ เช่น คำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน เช่น คำสั่งอนุมัติ อนุญาต เป็นต้น การให้ความเห็นหรือตีความข้อกฎหมาย แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่กำลังดำเนินการ สัญญาสัมปทานต่างๆ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริการประชาชน ตลอดจนข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการประกาศกำหนด (ปัจจุบันมี 8 ฉบับ) เช่น สัญญาที่ได้มีการอนุมัติสั่งซื้อหรือสั่งจ้าง เป็นต้น
ว่าที่ร้อยตรีสุระชัย เอนกรัตน์ ได้กล่าวถึง เอกสารสัญญาที่องค์การเภสัชกรรมจัดหาหรือสั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นา โดยให้ความเห็นส่วนตัวทางวิชาการไว้ว่า องค์การเภสัชกรรมเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจึงเป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และต้องปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เรื่อง กำหนดให้ประกาศเชิญชวนทั่วไป ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้าง และสัญญาที่ได้มีการอนุมัติสั่งซื้อหรือสั่งจ้าง เป็นข้อมูลข่าวสารที่ต้องจัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (8) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ดังนั้น สัญญาจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นาดังกล่าวจึงเป็นข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูหรือตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ถ้ามีข้อความบางส่วนที่เข้าเงื่อนไขตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15 (1) – (6) ก็สามารถใช้ดุลยพินิจไม่เปิดเผยข้อความบางส่วนนั้นได้ แต่ในส่วนของราคาวัคซีนนั้น ไม่ใช่ข้อมูลที่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15 ดังกล่าว และไม่ถือว่าเป็นข้อมูลอันเป็นความลับทางการค้า จึงเป็นข้อมูลข่าวสารที่ต้องเปิดเผยตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540
3) ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับการเปิดเผยเป็นการเฉพาะราย โดยหน่วยงานรัฐจะต้องจัดหาข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนที่มายื่นคำขอเป็นการเฉพาะราย ไม่ว่าบุคคลผู้ยื่นคำขอจะมีส่วนได้เสียกับข้อมูลนั้นหรือไม่ก็ตาม ยกเว้นเป็นข้อมูลบางประเภทที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าห้ามมิให้เปิดเผย เช่น ข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ส่วนในกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่อนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร จะต้องแจ้งสิทธิอุทธรณ์ให้ประชาชนผู้ยื่นคำร้องสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ภายใน 15 วันนับแต่ได้รับแจ้งคำสั่งปฏิเสธการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
นายรองรัฐกล่าวอภิปรายสรุปว่า พนักงานอัยการมีหน้าที่สำคัญในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ เพราะพนักงานอัยการจะต้องยืนยัน สิทธิได้รู้ ของประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาควบคู่ไปกับการระวังไม่ให้การดำเนินคดีต้องเสียหาย เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลหรือการให้ความเห็นบางประการอาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อการดำเนินคดีอาญาได้ โดยพนักงานอัยการอาจเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการภายใต้กฎหมายสำคัญ 2 ฉบับคือ
1. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เช่น การแจ้งคำสั่งไม่ฟ้องคดี โดยผู้ทรงสิทธิขอให้พนักงานอัยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะจำกัดเฉพาะคู่ความในคดีเท่านั้น
2. พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ซึ่งบุคคลทั่วไปก็อาจร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลได้ ภายใต้หลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 14 และ มาตรา 15
นอกจากนี้ พนักงานอัยการควรจะสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลและเหตุผลในการสั่งคดีของพนักงานอัยการ อันจะสามารถช่วยลดข้อพิพาทกับประชาชน รวมถึงลดจำนวนคดีเกี่ยวกับการอุทธรณ์คำวินิจฉัยคำสั่งไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารด้วย
"กลุ่มเส้นด้าย" ห่วงวิกฤตเตียง ทำคนแก่ตายคาบ้านอีก
https://ch3plus.com/news/program/249517
"กลุ่มเส้นด้าย" ห่วงวิกฤตเตียง ทำคนแก่ตายคาบ้านอีก วอนเร่งรักษาผู้ป่วยสีเหลือง-แดงด่วน!
ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นกว่าหนึ่งหมื่นราย ทำให้เตียงรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลไม่เพียงพอ โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังมีผู้ป่วยรอเตียงจำนวนมาก
ในจำนวนนี้มีการร้องขอความช่วยเหลือไปที่กลุ่มเส้นด้าย ที่ช่วยประสานหาเตียง นำอุปกรณ์รักษาไปช่วยเหลือ และมีแพทย์อาสาคอยให้คำปรึกษา รวมถึงลงพื้นที่ไปตรวจอาการเบื้องต้นให้คนไข้ที่ไม่มีเตียง โดยเฉพาะศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหรือเนอสซิ่งโฮม ที่ปัญหาไม่มีเตียง ทำให้ผู้ป่วย เสียชีวิตไปกว่า 10 รายแล้ว กลายเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่ต้องเลือกว่าใครจะรอดใครจะเสียชีวิต จึงเสนอให้เร่งเพิ่มเตียงคนไข้สีเหลืองและสีแดงให้มากที่สุด โดยอาจเพิ่มห้องพิเศษในศูนย์พักคอยให้คนไข้สีเหลือง ที่ต้องรอเข้าโรงพยาบาลเพื่อลดการสูญเสีย
การสวมชุดป้องกันก่อนเข้าปฏิบัติงานเป็นสิ่งจำเป็นที่แพทย์อาสา กลุ่มเส้นด้าย ต้องทำเช่นเดียวกับแพทย์พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานหนักอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อลดการติดเชื้อโควิด-19 และสำหรับแพทย์อาสา เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะได้ช่วยให้ทำหน้าที่ช่วยผู้ป่วยได้มากขึ้น
แพทย์หญิงเพชรวิไล นพพรพันธุ์ เข้าร่วมเป็นแพทย์อาสากับกลุ่มเส้นด้าย เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน หลังเห็นเพจหมอได้แชร์ข้อความที่ต้องการหมออาสา จึงเข้าร่วมกับกลุ่มเส้นด้วย จากกรณีต้องสูญเสียผู้ป่วยสูงอายุต้องตายคาบ้านเพราะไม่มีเตียง
แพทย์หญิงเพชรวิไล ใช้เวลาหลังทำงานประจำ มาช่วยประเมินอาการผู้ป่วยอาการหนัก ตามที่กลุ่มเส้นด้ายได้รับการร้องขอความช่วยเหลือ รวมทั้งการให้คำปรึกษาผ่านทางกลุ่มไลน์และวีดีโอคอล โดยเฉพาะผู้ป่วยในกลุ่มเนอสซิ่งโฮม ที่เป็นผู้สูงอายุ เป็นผู้ป่วยติดเตียง และเป็นผู้ป่วยโควิด-19 แต่กลับเป็นกลุ่มที่ถูกละเลยมากที่สุด เพราะเมื่อเป็นผู้ป่วยติดเตียง อาการหนัก ทำให้หาเตียงรักษาในโรงพยาบาลยากมาก จนต้องสูญเสีย ผู้ป่วยสูงอายุในเนอสซิ่งโอม กว่า 10 คน ในจำนวนกว่า 3 แห่ง ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้แพทย์หญิงเพชรวิไล เห็นว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ควรถูกทิ้งให้เสียชีวิตคาบ้าน
ทีมแพทย์อาสา กลุ่มเส้นด้าย พบปัญหาการขาดเตียงในกลุ่มผู้ป่วยสีเหลือง และ สีแดง จึงเสนอให้มีการเพิ่มเตียงสำหรับคนไข้กลุ่มนี้ให้มากที่สุด โดยอาจเพิ่มพื้นที่พิเศษในศูนย์พักคอย ที่รับคนไข้สีเขียว ให้สามารถรับคนไข้สีเหลือง ที่รอเตียงเข้าโรงพยาบาล ได้เข้ามาพักติดตามอาการในศูนย์พักคอย เพราะการยับยั้งไม่ให้เชื้อลงปอด ต้องให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้เร็วที่สุด หรือในบางครั้ง น้ำเกลือ 1 ขวด ก็มีค่าสำหรับหนึ่งชีวิต
แพทย์หญิงเพชรวิไล เปิดเผยด้วยว่า จากกรณีการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงในเนอสซิ่งโฮม แห่งหนึ่ง ที่รอเตียงจนไปเสียชีวิตในรถพยาบาล หลังออกไปไม่ถึง 5 นาที เป็นกรณีที่น่าเสียใจมากที่สุด และต้องไม่ให้ปล่อยให้เกิดแบบนี้ขึ้นอีก
ในทุกวันแพทย์อาสาของกลุ่มเส้นด้ายที่มีเพียง 2 คน ได้ร่วมกันไปดูแลผู้ป่วยที่อาการหนักที่ยังรอเตียงอยู่ที่บ้าน ก็ได้แต่คาดหวังว่า การจัดระบบโฮม ไอโซเลชั่น จะช่วยลดความต้องการเตียงรักษา และอยากให้มีการปรับศูนย์พักคอยให้มีพื้นที่สำหรับผู้ป่วยสีเหลือง อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ได้