ถ้าการเป็นตัวของตัวเองมันไม่ดีกับเพื่อนร่วมงาน

ถ้านิสัยเรา เป็นคนเงียบ เก็บตัว อยู่กับบ้านกับครอบครัว ไม่ค่อยสูงสิงกับใคร หาเรื่องคุยไม่เก่ง
กินอาหารเหมือนคนที่บ้าน เป็นคนไม่เรื่องมาก คืออยู่ง่าย ๆ ไม่มีอะไรให้อวดใคร นี้คือตัวเรา


แต่มันมีเรื่องอยู่ซึ่งตอนนี้โดนให้ออกจากงานแล้ว เราทำงานที่บริษัทวิสาหกิจในออฟิตแห่งหนึ่งในโรงพยาบาบรัฐ

เราเข้ากับพวกเขาไม่ได้ เราพยายามใส่หน้ากากแล้วทุกอย่าง พอผ่านไปเดือนนึง พอมาเดือนสอง เราเริ่มเอือมกับการต้องฝืนเข้าหาคนที่ทำงานทุกคน ที่ต้องเอาใจ วางตัว  แกล้งบอกไม่เหนื่อย ไม่รู้สึกทุกข์ หรือแสดงอารมณ์เสีย แต่คำว่าเข้าหานี้เป็นเรื่องชวนคุยหรือนัดไปกินอะไรมากกว่า เรื่องงานเข้าหาตลอด


เราเริ่มเข้าห้องน้ำบ่อย เข้าไปนาน และอยากกินข้าวคนเดียว
(มันมีประเด็นอยู่ที่ พี่ที่ออฟฟิศเมื่อถึงเวลาพักต้องพักพร้อมกัน ทั้งที่บอกถ้าหิวไปกินก่อนเลย เพราะพี่บางคนพักบ่ายโมงเกือบบ่ายสอง และคดข้าวห่อมากินในออฟฟิศตลอด ทั้งที่นั่งก็มีอยู่ใต้ถึงโรงพยาบาล)

คือวันนั้นไปนั่งกินข้าวคนเดียว แต่บอกเขาแล้วว่าไปพัก เรารู้สึกสบายใจมาก เหมือนได้พักผ่อนเต็ม ๆ 1 ชม. เพราะตอนกินในออฟฟิศพอกินเสร็จก็กลับไปนั่งโต๊ะทำงานตัวเองต่อ หลังจากกินเสร็จกลับไปออฟฟิศเขาก็ถามกันใหญ่เลยไปไหน เราก็บอกไปพัก ถามอีกกินที่ไหน กับใคร เราเลยบอกคนเดียว ทีนี้เขาก็ติว่าเราว่าทีหลังอย่าไปกินคนเดียว ให้ชวนอื่นไปกินด้วย

(ซึ่งเราเป็นคนเงียบ ๆ แล้วจะให้ชวนคนอื่นไปกินกับเราด้วยคงอึดอัด)

แต่ไม่ใช่ว่าวันหลังเราจะไม่ทำตามที่พี่เขาบอกนะ แต่เราไม่ได้ชวน แต่เวลาเที่ยงนั้นก็มีพี่ๆเพื่อน ๆ ลงมาพักเวลานี้เหมือนกัน เราก็ทักทายกันว่าขอนั่งด้วย แต่นั่งโต๊ะข้าง ๆ ซึ่งเราดูก็รู้ว่า เราเป็นส่วนเกิน พวกเขาดูสนิทกัน (ผญทั้งหมด) และรู้มั้ยว่าพี่ที่อยู่ในออฟฟิตตามติดเราขนาดไหน โทรไลน์ถามว่ากินกับใคร เราก็ตอบไป คิดในใจต้องขนาดนี้เลยหรอ
และก็เป็นแบบนั้นมาเรื่อย ๆ ต้องชวนคนอื่นไปกินข้าว ถึงจะได้ไม่ต้องกินในออฟฟิศ

จนเข้าเดือนที่ 3 เขาเพิ่มหน้าที่เราเนื่องจากคนลาออก พนักงงานขายไม่พอ เราจึงได้ไปช่วยตำแหน่งนั้น 1ชม. และสบับไปเป็นพนักงานเสริฟ แล้วแต่ว่าวันไหนคนขาด แต่ไปทุกวัน ที่สำคัญเขาห้ามเรากดโทรศัพท์ ซึ่งเราเป็นฝ่ายจัดซื้อ เวลาสั่งของต้องรอเจ้าหน้าที่กลับมาตอบเราก็ต้องเปิดมือถือดูว่าใช่เขามั้ย ต้องประสานงานต่อ แต่ก็โดนติว่าห้ามเป็นมาเป็นพนักงานขาย หลัง 1 ชม. ค่อยเล่น แต่บางครั้งมันจำเป็นต้องใช้

ซึ่งเป็นพนักงานขายที่เราทำแทนนั้น แค่ยืนเฉย ๆ บริษัทว่าของหายอาจมีขโมยเวลาลูกค้าเยอะ ๆ ก้ให้เราไปยืนดูไว้ (อืมมม) เราก็ไม่ชอบยืนเฉย ๆ ก็เดินจัดของที่วางขาย ซึ่งทำให้รู้ว่าพนักงงานขายที่นี้ไม่ได้จัดสินค้าให้เป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลา พอเราจัดก็มีคนมาติอีกว่า เทออย่าไปจัดของเขามั่วนะ เวลาเขาหาจะกาไม่เจอ ทีนี้เราก็ไม่จัดละ แต่ก็จะยืนว่าง ๆ ก็ถามมีอะไรช่วยมั้ย คำตอบไม่มี ก็ยืนเฉย ๆ จน 1 ชม หมด

และมีอีกนะ ถ้าเรากลับออฟฟิศไม่ตรงเวลา ก็โดนว่าอีก หมดเวลาตรงนั้นแล้วไปที่ไหนอีก คือ คนที่ออฟฟิศจะกินข้าวให้เรากลับมา เพราะจะมีคนมาเบิกของซึ่งเขาทำแทน แต่พองานของเขาซึ่งเราเป็นเด็กใหม่ช่วยได้เต็มที่ทุกอย่าง แค่เรื่องช่วยเบิกรับครั้งเดียวถึงเป็นแบบนี้


พอครบ3เดือน บริษัทบอกเราไม่ผ่านประเมิน ผลประเมินมี 2 ตำแหน่ง การตลาด ดีมาก จัดซื้ออยู่ปรับปรุง
(วันสุดท้ายเหมือนเขาทดสอบเราว่า ของชิ้นเนี่ยสั่งไปวันไหน และก็ถามหลายๆชิ้น ซึ่งเราจำไม่ได้ว่าสั่งไปวันไหนยังไง แต่เราเคยผิดพลาดที่จำไม่ได้มาก่อน เลยจดการสั่งซื้อทุกอย่างไว้ในคอม ซึ่งเราจะเปิดดู ทีนี้เขาว่าเราทันที น้องไม่ต้องเปิดดู น้องจำไม่ได้หรอ เห็นทุกครั้งที่พี่ถามน้องต้องเปิดดูในคอมอยู่เรื่อย)


ก็นั้นแหละเหตุผลที่ปรับปรุง(จำไม่ได้ว่าสั่งตอนไหน ไม่ให้เปิดดูข้อมูลด้วย)

แต่เราก็เคยทำผิดพลาด1ครั้งคือการโอนผิดหมายเลขบัญชี อันนี้เราผิดจริง สื่อสารกันไม่ดีพอ แต่เอาเงินกลับมาได้ดีหน่อย

และเรื่องการสั่งของเราสั่งทางไลน์ แล้วบางครั้งฝั่งนั้นเขาบอกช้า แล้วฝั่งเราต้องการคำตอบเร็ว ๆ จึงขัดใจเขา และเราไม่มีใบขับขี่ ไม่มีรถขนของ เวลาออกไปซื้อ จึงต้องสั่งแบบนี้เอา

แต่ที่ว่ามาเรื่องงานจัดซื้อ 3 เดือนเราเริ่มทำลงตัว แต่อาจไปช้า แต่มันทำให้เรานึกได้ว่า หรือเราเข้าสังคมที่นั้นไม่ได้ ซึ่งตัวหลักที่เขากันไม่ได้มี 3 คนเท่านั้น ที่เหลือดีหมดทุกคน

และผู้บริหารไม่เคยติว่าอะไรเราเลยสักคำ แต่วันออก พี่ 3 คนเป็นคนประเมินเรา ผู้บริหารมอบหน้าที่ให้ 3 คนนั้น ประเมินงานเรา

มีที่สงสัย คือ แจ้งไม่ผ่านประเมินตัดสินให้ออกจากบริษัทวันที่ 29 เม.ย ให้ออก 30เม.ย คือพรุ่งนี้ออก และกำชับว่าห้ามบอกใครว่าเราออก เราก็บื้อไม่บอกแบบนั้นจริง ๆ พอถึงวันออกก็ไปแสกนนิ้วกลับบ้านปกติ ออกแบบสายฟ้าฟาดมาก ไม่มีการทักถามห่วงใยอะไรจากพี่ๆ 3 คนเลย เราก็ไม่พูดด้วยเหมือนกัน ก็คิดอยู่ในใจ ว่าทำงานไม่ดีจริง ๆ หรอ แย่ขนาดนั้นเลยหรอ
แต่ก็เลิกคิดเมื่อโดนให้ออกมาเรียบร้อยแล้ว ก็มีพี่ๆเพื่อนทักมาถามว่าลาออกตอนไหน แต่ป่าวหรอกโดนให้ออกไม่ผ่านงานด้านจัดซื้อ แต่การตลาดที่และที่ทำกราฟฟิกดีมาก เหอะๆ
เราเลยสงสัยว่าเป็นการที่เราเข้าสังคมที่นั้นไม่ได้รึป่าว ตอนนี้ตกงานอยู่ ถ้ามีงานใหม่หรือเราควรใส่หน้ากากเข้าหากันดี เผื่องาน หรือ เพื่อนที่นั้นจะดีขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่