คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น.

แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 13 กรกฎาคม 2564

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2564
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/363906735227657

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
ณ วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2564
ประเทศไทย
วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 8,685 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 353,712 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯเพิ่มขึ้น 6,026 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 146 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 12 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้ 2,501 ราย (ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่ 96,857 ราย)
เสียชีวิตรวม 2,847 ราย(วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 56 ราย)
รักษาหายป่วยแล้ว 255,455 ราย (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 3,797 ราย)
รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 95,410 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ (ไม่รวมเรือนจำ) 8,527 ราย มีรายละเอียดดังนี้ จากกรุงเทพฯ(2,631) ปริมณฑล (1,993) จังหวัดอื่น ๆ (3,903)
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 12 ราย และเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพฯ(3) ชลบุรี(1) สระแก้ว(3) ตาก และ อยู่ระหว่างประสาน(5) มีรายละเอียดดังนี้
- จากประเทศกัมพูชา 3 ราย
- จากประเทศเมียนมา 2 ราย
- จากประเทศฟิลิปปินส์ 1 ราย
- จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย
- จากประเทศสหราชอาณาจักร 1 ราย
- จากประเทศจีน 4 ราย
สถานการณ์โลกในวันนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 188 ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 4 ล้านราย(คิดเป็นร้อยละ 2.16 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 172 ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 91.46)
- สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,715 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 623,029 ราย
- อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 30.9 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 30,827 ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 30 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 97.2
- ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 60 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 82 ของโลก
สถานการณ์อาเซียนในวันนี้
- เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 197,227 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 4,122 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 3,927 ราย
- มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 844,870 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 8,574 ราย
- กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 61,870 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 925 ราย
- ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 2,825 ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 648 ราย
- เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 2,383 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 125 ราย
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://web.facebook.com/nrctofficial/posts/3969204876538388

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยโรคโควิด-19
ประเทศไทยได้มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยโรคโควิด-19 โดยการตรวจหาสารพันธุกรรม (RT-PCR) ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานสากล ไปแล้ว 9,233,752 ตัวอย่าง คิดเป็น 131,949 ตัวอย่าง ต่อประชากรหนึ่งล้านคน ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2564
ในระหว่างวันที่ 4 กรกฎาคม - 10 กรกฎาคม 2564
ได้ตรวจไปแล้ว 450,597 ตัวอย่าง โดยห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีจำนวน 339 ห้องปฏิบัติการ
แหล่งข้อมูล: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขและศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://web.facebook.com/nrctofficial/posts/3968371579955051

แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 13 กรกฎาคม 2564

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2564
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/363906735227657

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
ณ วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2564
ประเทศไทย
วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 8,685 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 353,712 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯเพิ่มขึ้น 6,026 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 146 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 12 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้ 2,501 ราย (ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่ 96,857 ราย)
เสียชีวิตรวม 2,847 ราย(วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 56 ราย)
รักษาหายป่วยแล้ว 255,455 ราย (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 3,797 ราย)
รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 95,410 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ (ไม่รวมเรือนจำ) 8,527 ราย มีรายละเอียดดังนี้ จากกรุงเทพฯ(2,631) ปริมณฑล (1,993) จังหวัดอื่น ๆ (3,903)
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 12 ราย และเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพฯ(3) ชลบุรี(1) สระแก้ว(3) ตาก และ อยู่ระหว่างประสาน(5) มีรายละเอียดดังนี้
- จากประเทศกัมพูชา 3 ราย
- จากประเทศเมียนมา 2 ราย
- จากประเทศฟิลิปปินส์ 1 ราย
- จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย
- จากประเทศสหราชอาณาจักร 1 ราย
- จากประเทศจีน 4 ราย
สถานการณ์โลกในวันนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 188 ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 4 ล้านราย(คิดเป็นร้อยละ 2.16 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 172 ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 91.46)
- สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,715 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 623,029 ราย
- อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 30.9 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 30,827 ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 30 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 97.2
- ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 60 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 82 ของโลก
สถานการณ์อาเซียนในวันนี้
- เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 197,227 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 4,122 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 3,927 ราย
- มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 844,870 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 8,574 ราย
- กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 61,870 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 925 ราย
- ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 2,825 ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 648 ราย
- เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 2,383 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 125 ราย
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://web.facebook.com/nrctofficial/posts/3969204876538388

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยโรคโควิด-19
ประเทศไทยได้มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยโรคโควิด-19 โดยการตรวจหาสารพันธุกรรม (RT-PCR) ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานสากล ไปแล้ว 9,233,752 ตัวอย่าง คิดเป็น 131,949 ตัวอย่าง ต่อประชากรหนึ่งล้านคน ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2564
ในระหว่างวันที่ 4 กรกฎาคม - 10 กรกฎาคม 2564
ได้ตรวจไปแล้ว 450,597 ตัวอย่าง โดยห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีจำนวน 339 ห้องปฏิบัติการ
แหล่งข้อมูล: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขและศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://web.facebook.com/nrctofficial/posts/3968371579955051
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭มาลาริน💟วันนี้(13ก.ค.)ป่วย8,685คน รักษาหาย3,797คน เสียชีวิต56คน/เดลตาระบาดด้วยความเร็วสูง/ขึ้นทะเบียนยาฟาวิพิราเวีย
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 8,685 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 8,539 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 146 ราย ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 353,712 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 353,712 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 56 ราย เสียชีวิตสะสม 2,847 ราย หายป่วยเพิ่ม 3,797 ราย รวมหายป่วยสะสม 255,455 ราย ยังรักษาตัว 95,410 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 794 ราย
รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 8,685 ราย มีดังนี้....👇👇👇👇👇
1.ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 6,026 ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 2,501 ราย
3.จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 146 ราย
4.เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine 12 ราย
รายละเอียดผู้เสียชีวิต 56 ราย มีดังนี้
https://www.sanook.com/news/8410910
13 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10:13 น.
13 ก.ค.64- นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามความคืบหน้าการวิจัยและพัฒนาการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในประเทศ สำหรับต้านไวรัสโควิด19 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ BCG (Bio-Circula-Green Economy) ของรัฐบาล โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รายงานว่า....👇👇👇👇👇
ได้มีการลงนามความร่วมมือระหว่าง สวทช. องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และ บริษัท ปตท. เพื่อร่วมกันวิจัยและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์สารตั้งต้น (Active Pharmaceutical Ingredients : API) ของการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ ความเป็นไปได้ในการผลิตเชิงพาณิชย์ เพี่อสร้างความมั่นคงทางยาให้แก่ประเทศไทย โดยความร่วมมือดังกล่าว มีความคืบหน้าอย่างมาก สามารถสังเคราะห์สารตั้งต้นที่มีความบริสุทธิผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และยังเป็นการสังเคราะห์จากสารตั้งต้นที่มีราคาถูกโดยไม่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันต้องมีการนำเข้ามากถึงร้อยละ 95
มากไปกว่านั้น ในเดือนกรกฎาคมนี้ ทางองค์การเภสัชกรรมคาดว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ได้วิจัยและพัฒนาขึ้นนั้น จะได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และจากนั้นจะเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อให้ผู้ป่วยโควิด19 เข้าถึงยาอย่างเพียงพอ เมื่อทุกอย่างสำเร็จลุล่วง ประเทศไทยจะสามารถผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในราคาที่ถูกกว่านำเข้าอย่างมาก
นางสาวรัชดา ได้กล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง สวทช. อภ. และ บริษัท ปตท. ด้วยว่า ครอบคลุมตั้งแต่การทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการ (Laboratory scale) การถ่ายทอดเทคโนโลยีจนถึงระดับอุตสาหกรรม (Industrial scale) ตลอดจนการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (Feasibility Study) ที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ จึงถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลความร่วมมือรัฐ-เอกชนในการพัฒนาอุตสาหกรรมยา ขณะเดียวกันการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด19 โดยนักวิจัยไทยก็มีความก้าวหน้าไปมากเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของไทย ระยะยาวนำไปสู่การลดการนำเข้า และยังเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งบุคคลากรมีทั้งความรู้และนำไปต่อยอดเพื่อการผลิตขายต่อไปด้วย
วันที่ 13 ก.ค. 2564 เวลา 11:35 น.
ขณะที่ทั่วโลกกำลังพบกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ทั้งประเทศที่ฉีดวัคซีนในอัตราส่วนและไม่มากต่างก็เจอกับฤทธิ์ของเดลตา
เจนีวา, 13 ก.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันจันทร์ (12 ก.ค.) ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเตือน “การระบาดครั้งร้ายแรง” ที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา (Delta) เนื่องจากเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ใหม่นี้กำลังแพร่กระจาย “ด้วยความเร็วสูง”
“เมื่อสัปดาห์ก่อน จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วโลกติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4” ทีโดรสแถลงข่าวออนไลน์จากนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ “ขณะที่ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตกลับมาเพิ่มสูงอีกครั้ง หลังลดลงนานถึง 10 สัปดาห์”
สายพันธุ์เดลตาถูกพบครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนตุลาคม 2020 และกำลังแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ถูกตรวจพบใน 104 ประเทศแล้ว ซึ่งทีโดรสชี้ว่าสายพันธุ์เดลตากำลังแพร่กระจายด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยสะสมและผู้ป่วยเสียชีวิตรายใหม่เพิ่มขึ้น
กลุ่มผู้นำทั่วโลกต่างเร่งรับมือการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยรายใหม่ในหลากหลายวิธี โดยหลายประเทศ อาทิ ฝรั่งเศสที่ประกาศใช้ข้อจำกัดใหม่ สวนทางกับอีกหลายประเทศที่ทยอยผ่อนปรนข้อจำกัด เฉกเช่นสหราชอาณาจักรที่ยังคงตั้งเป้าหมายยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดในวันที่ 19 ก.ค. นี้
https://www.posttoday.com/world/657865
ให้กำลังใจรัฐบาลและบุคลากรทางการแพทย์ค่ะ....