โครตคิดถึง คิดถึงคนรักเก่าเมื่อยามที่เรียน ตอนเด็ก

มันเป็นความรู้สึกที่ลืมไม่ลง.... จริง
ตอนนี้อายุสามสิบกว่าๆ แล้ว ปัจจุบันมีแฟนแล้ว อยู่ด้วยกัน 
มันเป็นความรู้สึกที่บอกใครไม่ได้

   เรื่องมันมีอยู่ว่า เริ่มต้นตั้งแต่ ม.2 เริ่มอยู่โรงเรียนได้มาปีนึง เมื่อผ่าน ม.1 ไปแล้ว ความรู้สึกเริ่มมีแอบชอบใครสักคนนึง(แต่คนนี้ไม่ใช่คนที่คิดถึง เธอเป็นแค่คนที่ปลื้ม) ความเป็นเด็กเนอะ ใครแมร่งแอบชอบนะ ถ้าเพื่อนรู้แมร่งเเซวตลอด โดนล้อตลอด ช่วงนั้นเราก็สนแค่คนที่แอบปลื้ม ทำอะไรคนก็แซวได้ ก็ต้องบอกว่าตัวเราเองไม่ได้หล่อ อ้วน ขี้เหล่ แต่ที่แอบปลื้มน่ะเขาสวย น่ารัก แต่ทว่าความรู้สึกนั้น มันก็ไม่ได้เกิดกับ #คนที่คิดถึง #คนที่คิดถึงนี้ เป็นเพื่อนในแก็งคนที่เราปลื้ม เรียนห้องเดียวกัน และเวลาไปหรือกลับจากโรงเรียน ถ้านั่งรถประจำทางถึงจะเห็นเขาแหละ เพราะรถเมล์คันนั้นจะผ่านอำเภอที่ผมอยู่ ส่วนปลายทางก็เป็นอำเภอของเขาแหละ จนจบ ม.3 ผมดันไปสอบติดโรงเรียนที่ในกรุงเทพ ก็เลยไปเรียน คนที่เราแอบปลื้มนั้น เราก็คงไม่ได้จีบเขา เพราะก็เขาสวย น่ารัก เราก็คิดในใจเพราะเขาก็บอกเราเอง ว่าเขาไม่ชอบคนอย่างเรา แต่ความอกหัก มันก้มีความรักเล็กๆ ที่มันเก็บๆในใจ ก็เผยออก ก็เลยไปบอกรักคนที่คิดถึงว่าเราสนใจเธอนะ อยากจีบเธอจริงๆ จากนั้นมันเกิดเป็นความรักที่เราอยากจีบเขามาเป็นแฟน เขาเป็นคนน่ารัก ผิวขาว ตัวเล็ก ซึ่งต่างกับผมเลย อ้วนตัวดำก็พยายามจีบเธอแม้ตัวเองเรียนกรุงเทพ ก็พยายามโทรหา ได้คุยวันละนิด วันละหน่อย ส่วนมากผมเองจะโทรไปหาเขา ได้คุยนานก็จะดีใจแบบสุดๆ  รุ่นนั้นมีโทรศัพท์แล้ว แต่ผมก็เลือกมีเขียนจดหมายไปหาเขา ทำคลิปวีดีโอแบบบ้านๆ เกี่ยวกับความรักสีชมพูไปหยอดเขาตลอด

              ตั้งแต่นั้นมาเราก็คุยกันมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ถึงแฟน แต่ผมอะปลื้มเขามาก แบบว่ามีวันนึงเขาโทรมาหาแล้วก็ได้คุยกันทั่วไป ผมยิ้มโคตรดีใจเลย แบปลื้มๆๆๆๆๆสุดๆ จากนั้นจบ ม.6 เธอได้ไปเรียนต่อ วิทยาลัยพยาบาล ส่วนผมเองก็ไปต่อปวสสายช่าง เราก็ยังคุยติดต่อกัน นานๆทีถ้าเขาว่างๆ เขาก็จะรับสาย เพราะเขาเรียนที่วิทยาลัย เขาต้องพักที่หอวิทยาลัย ด้วยอาจปีแรกเขาอาจจะยังไม่มีเพื่อน เราก็เลยคุยกันบ่อย พอปีถัดๆมาก็เริ่ม ลดลง บางครั้งตัวผมเองก็คิดเป็นพ่อแง่ยิ้มอล งอลเขาบ้าง แบบไม่โทรหาให้เขารู้สึกคิดถึงเราบ้าง เหมือนจะอยากให้เขาโทรมาหาบ้าง และตัวผมกับตัวเขาก็ไม่ได้มีแฟน และผมก็ไม่คิดว่าจะจีบใครอีก ผมคิดว่าเขาคือคนที่ผมจะรักเป็นคนสุดท้าย ในช่วงมีกิจกรรม ตอนที่เขาเรียน ในกิจกรรมรับตะเกียง ผมเลิกเรียนไปดูเขา ที่แถวกระทรวงสาธารณะสุข ยืนดูจากอีกฝั่งมองไปยัง ห้องประชุมที่มืดมีเพียงแสงเทียน ผมรู้สึกภูมิใจ (ผมลืมไปผมไม่ได้บอก ผมชอบอาชีพพยาบาลนะ เขาดูเป็นนางฟ้าดี) ผมยืนมองอยู่ไกลๆ สักพักหนึ่ง จนกิจกรรมเลิกผมก็พยายามไปที่เขาออกมา และก็โทรหาเขา เพื่อจะบอกว่าผมมาหาเธอนะ แล้วเราก็ได้เจอกัน จากไม่ได้พบกันมานานตั้งแต่ มัธยม เรามีเพียงแค่คุยกันผ่านโทรศัพท์ วันนี้เป็นที่ผมได้เจอเขาอีกครั้ง ผมดีใจมาก ที่เห็นเขา เขาสวย น่ารักมาก แต่ผมก็ไม่ได้ผอมลง ตัวดำหน้าสิว ขี้แหล่ เราได้ถ่ายรูปคู่กันแบบเขินอาย ตัวผมอะเขินอาย และก็รู้สึกในใจกลัวเพื่อนเขาจะมองว่าผมไม่เหมาะกับเขา มันเหมือนนางฟ้ากับหมีควาย แต่ผมก็เก็บรูปนั้นไว้ตลอดมา หลังจากครั้งนั้น ผมก็โทรหาเขาน้อยลง เพราะจากที่เราเจอกัน มันอาจจะทำให้เขาตัดสินใจว่า เราไม่ดีพอสำหรับเขา แต่ผมก็อดใจไม่ได้ที่จะโทรหาเขาตลอด อย่างน้อยก็อยากได้ยินเสียงเขา แม้เขาโกรธ หรือดุ อยากอ้อนให้เขาดูว่าให้อ่านหนังสือ

        เวลาผ่านไปในช่วงใกล้จะจบแล้ว เขาได้กลับบ้างไปฝึกงานเป็นพยาบาลจริงๆ ในช่วงปีสุดท้าย ผมเองก็ยังคิดถึงเเล้วทำเหมือนเดิม โทรไปคุยกับเขาตลอดแม้บางทีก็จะรู้ตัวเองแล้ว ว่าเขาไม่ได้ชอบเรา แต่ก็ยังคิดในใจว่า เขายังไม่มีแฟนมันก็ยังเป็นไปได้สิว่ะ จนเขาเรียนจบ ส่วนผมเองยังไม่ได้จบในปีนั้น เหมือนผมจะติดโปรเจค แล้วก็ติด F แต่ก็ไม่ได้ว่าเราติด F ในวันที่เขารับปริญญา เขาผมก็ได้มีโอกาสไปแสดงความยินดีกับเขาแล้วกับครอบครับ ก็มีซื้อช่อดอกไม้ไปแสดงความยินดี หลังจากนั้นเขาก็ไปทำงานเป็นพยาบาลประจำที่อำเภอบ้านเกิด ส่วนผมในช่วงเรียนไม่จบก็สมัครงานเป็นช่าง หาเงินลงเรียนเองไปช่วงที่ยังไม่จบ ก็ด้วยครอบครัว แม่ผมเป็นครู แต่บังเอิญว่า คุณยายเสียโดนฆาตกรรมไป ทำให้แม่เหมือนช๊อคสมองฟ่อ และเป็นอัลไซเมอร์ไปเลยตั้งแต่ปีนั้น ก็มีนานๆทีที่ผมจะโทรหาเขา ในช่วงปีนั้น ผมก็ได้บวช เพราะกลัวว่าแม่เป็นมากกว่านี้จะไม่ได้บวช เธอก็ได้มางานบวชผมด้วย จนการพบเจอกันครั้งสุดท้าย คืองานบวชเพื่อนผม ผมได้เจอเธอ เธอก็ยังสวย น่ารัก แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรกันมาก เพราะหลังจากนั้นเอง เธอก็ยังทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลประจำอำเภออยู่ ผมก็ยังโทรหาเขาเหมือนเดิม แต่นานๆ ถึงจะโทร แต่มีอยู่วันนึงที่โทรไป ผมก็เลยเอ่อ หลุดปากถาม เธอไปว่า ตอนนี้เธอมีแฟนยัง แล้วก็ได้คนตอบสุดท้าย เธอตอบด้วยความตัดบท ว่า มีแล้ว แล้วไม่ต้องโทรมาอีกนะรำคาญ จากคำพูดนั้นเองก็เลยเป็นฉากลาเสียงสุดท้ายสิ้นสุดกับความรักของผมที่มีให้กับเขา ช่วงนั้นมันพาไปอินกับหนังที่ชื่อเรื่อง The Classic หนังเกาหลี ดูแบบน้ำตาไหลพราก พร้อมกับความรู้สึก "ฉันจะรอเธอแต่งงานก่อน ฉันถึงจะมีคนใหม่"

     ตอนนี้ผ่านมา 10 ปีกว่าๆ เธอคนที่คิดถึงนั้น เรียนจบปริญญาโท เธอเปลื่ยนเป็น จนท สาธารณะสุข และเธอได้แต่งงานกับคุณหมอ (อันนี้เพื่อนบอกว่าเป็นหมอ) เธอพึ่งแต่งาน ได้เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา และเขาก็ได้เชิญผมผ่านเพื่อนมา แต่ผมไม่ได้ไป ผมจำชื่อเขาได้จนทุกวันนี้ ผมก็เฝ้าส่องชื่อเธอ ว่าเป็นอย่างไงแล้วบ้าง อย่างน้อยก็เห็นหน้าเธออีก และผมก็ได้เห็นข่าวว่าเขากำลังจะเป็นแม่คนแล้ว ไม่รู้สิทำไมผมต้องเอามาเขียนลงที่นี่ ผมอยากระบายความในใจมั้ง ผมเองปัจจุบันก็มีแฟนแล้ว และผมก็ยังรักแฟนคนปัจจุบัน ผมยังไม่ได้แต่งงาน ปีนี้อายุ 35 ผ่านเรื่องการทำงาน ผ่านเรื่องชีวิตเหลวไหล ทุกวันนี้ยังเป็นหนี้เยอะ ยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่ประสบความสำเร็จ ผมยืนมองเขาตอนนี้ เขาก็คงโชคดีแล้วแหละ ที่เขาได้เลือกทางนั้น ถูกต้องสำหรับเขา ผมเพียงแต่ได้เพียงคิดถึงเขามากๆ และเมื่อคืนผมฝันถึงเขาอยู่ ในใจที่มีน้ำตารินๆ ว่า #ผมยังรักเขาอยู่ #คิดถึงเขาอยู่ #เสียดายเขาอยู่   แต่มันเป็นไปไม่ได้

.....PJ......

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่