อยู่ดี ๆ ก็คิดถึงหมอคนหนึ่งขึ้นมาในบรรยากาศฝนตกหนัก เมื่อหลายปีที่ผ่านมาป้าเราป่วยที่โรงพยาบาล เราไปเยี่ยมป้าตอนแรกเราไม่รู้ว่าผู้ชายคนที่ยืนหลังเคาท์เตอร์ตรงที่เราไปถามว่าป้าพักอยู่ห้องไหนเป็นหมอรับเคสป้า ณ ตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร รู้แต่มีผู้ชายใส่แว่น ตัวสูง ยืนดูเอกสารอยู่ แต่แวบนึงเห็นเขามองหน้าเรา
สักพักพอเราเข้าไปเยี่ยมป้าในห้อง นั่งประมาณเกือบยี่สิบนาที กลายเป็นว่าหมอคนนั้นเป็นเจ้าของคนไข้ป้าของเรา แต่เราก็ไม่ได้อะไรก็พูดคุยถามอาการป้าตามมารยาท แต่พอหลังจากนั้นเวลาป้าไปตรวจสุขภาพกับหมอ หมอมักจะถามว่าป้าหลานไม่มาเหรอ ( ที่รู้เพราะป้าบอก แต่เราก็เขินด้วยทำตัวไม่ถูก ) แต่สุดท้ายเนื่องจากตอนนั้นเราไม่ได้ไปโรงพยาบาลอีก เราก็เลยไม่ได้เจอหมออีก.... เฮ้อ .... คิด ๆ แล้วก็คิดถึงคุณหมอคนนั้น จริง ๆ เราก็สะดุดตาเขาเหมือนกัน
เราชอบปิ๊งพวกอาจารย์หรือหมอไม่รู้ทำไม ตอนเรียนปริญญาตรีเราก็เคยแอบปลื้มอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ เนื่องจากบุคลิคคงแก่เรียนแต่อบอุ่น แต่ลึก ๆ ก็คิดว่าพวกอาจารย์เรียนสูง ๆ กับหมอ เขาจะชอบแบบเราเหรอ ยิ่งโดยเฉพาะหมอเขาคงจะชอบหมอหญิงด้วยกัน หรือไม่ก็พยาบาล หรือไม่ก็อาจจะเป็นนักธุรกิจหญิงไปเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเราเป็นคนนิสัยมั่นใจในตัวเองพอสมควร แต่ก็อดคิดไม่ได้
เรามักคิดถึงหมอคนนั้น ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาหลายปีแล้ว อย่างว่าเราคงไม่ใช่คู่กับเขาอ่ะนะ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะหาทางรู้จักกับเรามากกว่านี้ แต่หน้าเขามักจะปรากฏมาเสมอเวลาอยู่คนเดียว ป่านนี้เขาคงจะมีลูกไปแล้วล่ะ T T
*********************************
ส่วนอีกคน คนนี้เจอกันที่ญี่ปุ่นตอนนั้นเราไปเรียนภาษา ส่วนเขาได้ทุนเรียนต่อเอก เจอกันที่ศูนย์สอนภาษาเพราะเขามาเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติมหลังเลิกเรียนที่มหาวิทยาลัย เขาเคยจีบเรา นิสัยดีมาก มีน้ำใจ สม่ำเสมอ มีไปเที่ยวปิกนิกหน้าหนาวและหน้าใบไม้ร่วงด้วย แต่ไปกับเพื่อนชาวจีนและฝรั่งที่อยู่ในห้องเดียวกันด้วย พอเลิกเรียนภาษาเขามักจะถามเราว่ากินข้าวหรือยังแล้วเราสองคนก็มักจะไปกินข้างกันเสมอเดินซื้อของในห้างก่อนแยกย้ายกันกลับเพราะเขาพักอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาถามเราว่า " มาญี่ปุ่นนาน ๆ ไม่คิดถึงแฟนเหรอ " เราตอบว่าไม่มีแฟน ซึ่งเราไม่ได้โกหกเราไม่มีแฟนจริง ๆ แต่สุดท้ายพอเรารู้สึกว่าเขาทำท่าจีบ อยู่ดี ๆ เรากลับพูดออกไปว่า " ก็ชอบคน ๆ หนึ่งอยู่ แต่เขาไม่ชอบเรา " ซึ่ง ณ ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำไมเราถึงพูดไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เราตอนนั้นโสดสนิทไม่ได้มีใคร ( ลึก ๆ ตอนนั้นคิดว่าถ้าเกิดตัดสินใจคบกันกลัวไปกันไม่รอด สุดท้ายเขาอาจจะลงเอยกับหมอด้วยกัน ) เราพูดจนเขาคิดว่าเราคงไม่ได้ชอบเขา แต่เขาก็มาส่งเราที่ป้ายรถเมล์เหมือนเคย ซึ่งพอหลังจากวันนั้นเราก็ยังเจอกันตลอดเพราะเขาก็ยังทำตัวเหมือนเดิม
สุดท้ายเรากลับมาไทยก่อนหน้าเขาส่วนเขาต้องเรียนต่อเอกอีกสองปีกว่า ๆ ณ ตอนนั้นเราก็คิดว่าเราคงไม่ใช่คู่เขามั้งถ้าใช่คงลงเอยกันไปแล้ว พอเขากลับมาไทยได้สักพักเขาก็มีแฟน ( ที่รู้เพราะเราสองคนมี FB ) จนวางแผนว่าจะแต่งงานกัน แต่สุดท้ายก็เลิกกันซึ่งเราก็ไม่ทราบเหตุผล เพราะมีแต่เพื่อนคณะแพทย์มาพูดแสดงความเสียใจในเฟซเขา ( ประมาณว่าเสียใจด้วยเพื่อนประมาณนี้ ) เพราะหลังจากกลับมาไทยเราก็ไม่ได้คุยกับเขาบ่อยเพราะเห็นเขามีแฟนแล้ว .... อืม .... พอมาตอนนี้เราก็ไม่กล้าที่จะเริ่มถามเขาว่ามีแฟนหรือยัง เพราะคิดว่าเราเคยปฏิเสธเขามาก่อน เขาอาจจะรู้สึกไม่ดีกับเราก็ได้ แต่ถ้าพูดถึงคุยกันตามปกติอย่างเช่นเม้นท์รูปภาพหรือแซวกันใน FB ก็มีบ้างเพราะถือว่าเป็นคนรู้จักกัน
สรุปก็ไม่มีอะไรค่ะ แค่บรรยากาศเศร้า ๆ เหงา ๆ เลยคิดถึงผู้ชายที่รู้สึกดี ๆ ด้วยสองคนนี้ ตอนนี้ก็โสดต่อไป T T
คนเป็นหมอระดับด็อกเตอร์ ส่วนใหญ่จะชอบหรือแต่งงานกับหมอระดับเดียวกัน หรือพยาบาลรึเปล่าคะ
สักพักพอเราเข้าไปเยี่ยมป้าในห้อง นั่งประมาณเกือบยี่สิบนาที กลายเป็นว่าหมอคนนั้นเป็นเจ้าของคนไข้ป้าของเรา แต่เราก็ไม่ได้อะไรก็พูดคุยถามอาการป้าตามมารยาท แต่พอหลังจากนั้นเวลาป้าไปตรวจสุขภาพกับหมอ หมอมักจะถามว่าป้าหลานไม่มาเหรอ ( ที่รู้เพราะป้าบอก แต่เราก็เขินด้วยทำตัวไม่ถูก ) แต่สุดท้ายเนื่องจากตอนนั้นเราไม่ได้ไปโรงพยาบาลอีก เราก็เลยไม่ได้เจอหมออีก.... เฮ้อ .... คิด ๆ แล้วก็คิดถึงคุณหมอคนนั้น จริง ๆ เราก็สะดุดตาเขาเหมือนกัน
เราชอบปิ๊งพวกอาจารย์หรือหมอไม่รู้ทำไม ตอนเรียนปริญญาตรีเราก็เคยแอบปลื้มอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ เนื่องจากบุคลิคคงแก่เรียนแต่อบอุ่น แต่ลึก ๆ ก็คิดว่าพวกอาจารย์เรียนสูง ๆ กับหมอ เขาจะชอบแบบเราเหรอ ยิ่งโดยเฉพาะหมอเขาคงจะชอบหมอหญิงด้วยกัน หรือไม่ก็พยาบาล หรือไม่ก็อาจจะเป็นนักธุรกิจหญิงไปเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเราเป็นคนนิสัยมั่นใจในตัวเองพอสมควร แต่ก็อดคิดไม่ได้
เรามักคิดถึงหมอคนนั้น ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาหลายปีแล้ว อย่างว่าเราคงไม่ใช่คู่กับเขาอ่ะนะ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะหาทางรู้จักกับเรามากกว่านี้ แต่หน้าเขามักจะปรากฏมาเสมอเวลาอยู่คนเดียว ป่านนี้เขาคงจะมีลูกไปแล้วล่ะ T T
*********************************
ส่วนอีกคน คนนี้เจอกันที่ญี่ปุ่นตอนนั้นเราไปเรียนภาษา ส่วนเขาได้ทุนเรียนต่อเอก เจอกันที่ศูนย์สอนภาษาเพราะเขามาเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติมหลังเลิกเรียนที่มหาวิทยาลัย เขาเคยจีบเรา นิสัยดีมาก มีน้ำใจ สม่ำเสมอ มีไปเที่ยวปิกนิกหน้าหนาวและหน้าใบไม้ร่วงด้วย แต่ไปกับเพื่อนชาวจีนและฝรั่งที่อยู่ในห้องเดียวกันด้วย พอเลิกเรียนภาษาเขามักจะถามเราว่ากินข้าวหรือยังแล้วเราสองคนก็มักจะไปกินข้างกันเสมอเดินซื้อของในห้างก่อนแยกย้ายกันกลับเพราะเขาพักอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาถามเราว่า " มาญี่ปุ่นนาน ๆ ไม่คิดถึงแฟนเหรอ " เราตอบว่าไม่มีแฟน ซึ่งเราไม่ได้โกหกเราไม่มีแฟนจริง ๆ แต่สุดท้ายพอเรารู้สึกว่าเขาทำท่าจีบ อยู่ดี ๆ เรากลับพูดออกไปว่า " ก็ชอบคน ๆ หนึ่งอยู่ แต่เขาไม่ชอบเรา " ซึ่ง ณ ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำไมเราถึงพูดไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เราตอนนั้นโสดสนิทไม่ได้มีใคร ( ลึก ๆ ตอนนั้นคิดว่าถ้าเกิดตัดสินใจคบกันกลัวไปกันไม่รอด สุดท้ายเขาอาจจะลงเอยกับหมอด้วยกัน ) เราพูดจนเขาคิดว่าเราคงไม่ได้ชอบเขา แต่เขาก็มาส่งเราที่ป้ายรถเมล์เหมือนเคย ซึ่งพอหลังจากวันนั้นเราก็ยังเจอกันตลอดเพราะเขาก็ยังทำตัวเหมือนเดิม
สุดท้ายเรากลับมาไทยก่อนหน้าเขาส่วนเขาต้องเรียนต่อเอกอีกสองปีกว่า ๆ ณ ตอนนั้นเราก็คิดว่าเราคงไม่ใช่คู่เขามั้งถ้าใช่คงลงเอยกันไปแล้ว พอเขากลับมาไทยได้สักพักเขาก็มีแฟน ( ที่รู้เพราะเราสองคนมี FB ) จนวางแผนว่าจะแต่งงานกัน แต่สุดท้ายก็เลิกกันซึ่งเราก็ไม่ทราบเหตุผล เพราะมีแต่เพื่อนคณะแพทย์มาพูดแสดงความเสียใจในเฟซเขา ( ประมาณว่าเสียใจด้วยเพื่อนประมาณนี้ ) เพราะหลังจากกลับมาไทยเราก็ไม่ได้คุยกับเขาบ่อยเพราะเห็นเขามีแฟนแล้ว .... อืม .... พอมาตอนนี้เราก็ไม่กล้าที่จะเริ่มถามเขาว่ามีแฟนหรือยัง เพราะคิดว่าเราเคยปฏิเสธเขามาก่อน เขาอาจจะรู้สึกไม่ดีกับเราก็ได้ แต่ถ้าพูดถึงคุยกันตามปกติอย่างเช่นเม้นท์รูปภาพหรือแซวกันใน FB ก็มีบ้างเพราะถือว่าเป็นคนรู้จักกัน
สรุปก็ไม่มีอะไรค่ะ แค่บรรยากาศเศร้า ๆ เหงา ๆ เลยคิดถึงผู้ชายที่รู้สึกดี ๆ ด้วยสองคนนี้ ตอนนี้ก็โสดต่อไป T T