ส่วนตัวคิดว่า เรื่องG-wallet มาถูกทางแล้ว และน่าจะต่อยอดได้เยอะ (ถ้าจะคิดต่อนะ)
อันดับแรกเลย ทุกคนรู้จักการ Scan เพื่อจ่ายกันมากขึ้น
คิดถึงก่อนนั้น ธนาคารต่างๆ ก็พยายามใช้วิธี Scan เพื่อจ่ายกันบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยไม่คนยอมใช้กัน
อย่างกสิกร ก็จะเห็นรูปแมวกวักตั้งตามร้านต่างๆ แต่คนไม่ใช้กัน ทั้งที่ส่วนหนึ่งก็มี แอฟของธนาคารอยู่แล้ว
นึกย้อนกลับไปไกลอีก สมัยก่อนการโอนเงินข้ามธนาคาร สมัยก่อนต้องเสียค่าธรรมเนียม
พอรัฐออก promptpay ธนาคารต่างๆก็ต้องตาม โอนข้ามธนาคารฟรีค่าธรรมเนียมกันหมด
แต่เสียดายที่ G-wallet รัฐไม่ถือโอกาสกระจายกระเป๋าตั้งค์ไปธนาคารอื่นๆ จำกัดเฉพาะกรุงไทย
ทำให้ปัญหาด้านรับโหลดต่างๆ มาตันอยู่ที่กรุงไทย ธนาคารเดียว
ถ้าเปิดโอกาสให้ธนาคารอื่นๆร่วมโครงการนี้ด้วย คงมีการแข่งขันด้านบริการแน่นอน
แน่นอนว่าธนาคารต่างๆย่อมยิ่ม เมื่อมีคนใช้แอฟของตัวเองมากขั้น ถือได้ว่าได้ประโยชน์ร่วมกัน มากกว่าที่จำกัดไว้ที่ธนาคารเดียว
หลังจากหมดโครงการชดเชิญแล้ว อาจต่อยอดด้วยโครงการกระตู้นต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเปลี่ยนรูปแบบการใช้จ่ายผ่านวิธีนี้มากขึ้น
เช่น ไม่แจกแล้ว แต่ให้สิทธิโน้นนี้นั้น มาทำยื่นโน้นยื่นนี้ได้ คนก็จะยังคงใช้อยู่เพราะสะดวกด้วย
ถ้ากระแส การใช้จ่ายรูปแบบนี้เพิ่มขึ้น สุดท้ายรัฐก็ยิ่งได้ประโยชน์ สามารถมาเห็นการหมุนเวียนของเงินเข้ามาในระบบมากขึ้น
สุดท้ายก็จะสามารถนำเงินจากนอกระบบเข้ามาในระบบได้มากขั้น
แต่ตอนนี้ คือจำกัดที่ธนาคารเดียว แล้วก็ถ้าสิ้นสุดโครงการเมื่อไหร่ ก็คือเลิกใช้
ทำไมรัฐบาล ไม่กระจาย G-wallet ไปให้ธนาคารอื่นๆร่วมด้วยครับ
อันดับแรกเลย ทุกคนรู้จักการ Scan เพื่อจ่ายกันมากขึ้น
คิดถึงก่อนนั้น ธนาคารต่างๆ ก็พยายามใช้วิธี Scan เพื่อจ่ายกันบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยไม่คนยอมใช้กัน
อย่างกสิกร ก็จะเห็นรูปแมวกวักตั้งตามร้านต่างๆ แต่คนไม่ใช้กัน ทั้งที่ส่วนหนึ่งก็มี แอฟของธนาคารอยู่แล้ว
นึกย้อนกลับไปไกลอีก สมัยก่อนการโอนเงินข้ามธนาคาร สมัยก่อนต้องเสียค่าธรรมเนียม
พอรัฐออก promptpay ธนาคารต่างๆก็ต้องตาม โอนข้ามธนาคารฟรีค่าธรรมเนียมกันหมด
แต่เสียดายที่ G-wallet รัฐไม่ถือโอกาสกระจายกระเป๋าตั้งค์ไปธนาคารอื่นๆ จำกัดเฉพาะกรุงไทย
ทำให้ปัญหาด้านรับโหลดต่างๆ มาตันอยู่ที่กรุงไทย ธนาคารเดียว
ถ้าเปิดโอกาสให้ธนาคารอื่นๆร่วมโครงการนี้ด้วย คงมีการแข่งขันด้านบริการแน่นอน
แน่นอนว่าธนาคารต่างๆย่อมยิ่ม เมื่อมีคนใช้แอฟของตัวเองมากขั้น ถือได้ว่าได้ประโยชน์ร่วมกัน มากกว่าที่จำกัดไว้ที่ธนาคารเดียว
หลังจากหมดโครงการชดเชิญแล้ว อาจต่อยอดด้วยโครงการกระตู้นต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเปลี่ยนรูปแบบการใช้จ่ายผ่านวิธีนี้มากขึ้น
เช่น ไม่แจกแล้ว แต่ให้สิทธิโน้นนี้นั้น มาทำยื่นโน้นยื่นนี้ได้ คนก็จะยังคงใช้อยู่เพราะสะดวกด้วย
ถ้ากระแส การใช้จ่ายรูปแบบนี้เพิ่มขึ้น สุดท้ายรัฐก็ยิ่งได้ประโยชน์ สามารถมาเห็นการหมุนเวียนของเงินเข้ามาในระบบมากขึ้น
สุดท้ายก็จะสามารถนำเงินจากนอกระบบเข้ามาในระบบได้มากขั้น
แต่ตอนนี้ คือจำกัดที่ธนาคารเดียว แล้วก็ถ้าสิ้นสุดโครงการเมื่อไหร่ ก็คือเลิกใช้